ไปได้ยังไง เริ่มสมัครจากไหน พูดภาษาเกาหลีได้ไหม ทำไงบ้าง?
คิดว่านี่คงเป็นคำถามแรกๆในการถามเรานะคะ ยินดีตอบและแชร์ประสบการณ์ค่ะ จริงๆอยากเก็บเป็นเหมือนสมุดบันทึกของตัวเองด้วย และที่สำคัญเพื่อที่จะเป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆที่ต้องการหาข้อมูล เช่น เรื่องวีซ่า (สำคัญมากค่ะ) ที่ซึ่งเราพยายามมาก่อนและหาไม่ได้เลยค่ะ เป็นภาษาเกาหลีซะส่วนใหญ่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็รอดมาได้ค่ะ เอาล่ะ เริ่มกันเลยนะคะ ...
หางานจากไหน :
เราไม่มี website แนะนำตายตัวนะคะ เพราะเราฝากCVไว้กับ Jobskorea.com เราให้สามี(คนเกาหลี) ที่ซึ่งเค้ามี Account อยู่แล้ว ช่วยแปะCV เราเข้าไปค่ะ ส่วนนี้คนไทยสมัครไม่ได้นะคะ เพราะเค้าต้องการเรื่องเลข ID ของคนเกาหลีค่ะ จากนั้นรอไปได้สักพักก็มี Head Hunter ติดต่อเรากลับมาผ่านทางอีเมลค่ะ (ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรเลยโทษทีนะคะ)
รองานนานไหม :
เรามาเกาหลีประมาณปลายมกราคมค่ะ จริงๆมีงานอื่นๆติดต่อมาก่อนบ้างเช่นโรงงานก๊าช ปิโตรเคมี แต่ต้องไปฝึกงานมาเลเซีย 3 เดือน ถึงจะได้ย้ายกลับมาอยู่เกาหลีสำนักงานใหญ่ที่โซลค่ะ เราไม่อยากไปค่ะเลยปฎิเสธ และจากนั้นเราได้งานบริษัทปัจจุบันที่เราทำอยู่นี้ช่วงต้นเดือนมีนาคม เริ่มเขียน Application Form สัมภาษณ์งาน บวกเรื่องวีซ่าและตรวจร่างกายปาไป 1 เดือนเลยค่ะ เราเพิ่งเริ่มงานได้ประมาณ 3 อาทิตย์ที่นี่ค่ะ และเรื่องว่าถ้ายื่นไปจะนานไม๊ ในการที่เค้าจะเรียกสัมภาษณ์หรือได้ร่วมงานก็ขึ้นอยู่กับบริษัทและประสบการณ์ทำงานที่ทำของเราเองด้วยค่ะ ว่าตรงความต้องการในขณะนั้นไม๊
สัมภาษณ์งานเป็นไง :
เราสัมภาษณ์งานกับต่างชาติค่ะ (คือไม่รู้ว่าเค้าเป็นคนประเทศอะไร) มีคนเกาหลี เข้าฟังด้วย 2 คนค่ะ เป็นหัวหน้าทีมใหญ่เรา1คน หัวหน้าแผนกบุคคลอีก1 คนค่ะ ส่วนการถามคำถามก็ทั่วๆไปอารมณ์สัมภาษณ์งานค่ะ *ขอแนะนำและคิดว่าทุกคนก็น่าจะพอทราบบ้างนะคะ เรื่องการเตรียมตัวค่ะ คือเราหาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษเกี่ยวกับงานสายงานที่เรากำลังจะไปสัมภาษณ์เยอะมากค่ะ ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า เค้าจะถามอะไรบ้าง เข้าเวบบริษัทนั่งดูวิสัยทัศน์/พันธกิจ อ่านรายละเอียด อ่านๆๆทุกอย่างค่ะ คือเตรียมให้พร้อมมากที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่เด๋อเวลาสัมภาษณ์ค่ะ* การสัมภาษณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดีและภายในวันนั้นก็มีอีเมลCongratulations! กับเรา สรุปคือ ได้งานแล้วค่ะ ^_^
เรื่องวีซ่า :
เรื่องนี้เราเหนื่อยมากๆๆๆ คือตอนแรกเราท้อเลยค่ะ ว่าอะไรจะยุ่งยากและใช้เวลาขนาดนี้ เราได้ วีซ่า E-7 ค่ะ เป็นวีซ่าเฉพาะที่ทางรัฐบาลจะออกให้ก็ต่อเมื่อ คนเกาหลีคนในประเทศเค้าไม่สามารถทำได้ถึงต้องจ้างงานชาวต่างชาติค่ะ (หาอ่านรายละเอียดในอากู๋ได้เลยนะคะ ถ้าเป็นรายละเอียดเรื่องนี้มีเยอะ) แต่ปัญหาสำหรับเราคือ ไปที่ไหน ไปแล้วทำไง
ขั้นตอนที่ 1
ต้องได้เอกสารจากทางบริษัทก่อนค่ะ ก็เป็นเรื่องทั่วไปที่ทางเอกสารวีซ่ากำหนดค่ะ เนื่องจากบริษัทเรามีต่างชาติเยอะจึงมีประสบการณ์เรื่องเอกสารเป็นอย่างดีและรวดเร็วค่ะ เลยไม่ได้รอนานมากค่ะ ประมาณ 4 วัน
ขั้นตอนที่ 2
เราต้องเตรียมเอกสารของเราค่ะ พวกPassport /Transcript/รูปถ่ายแบบสี (3.5cm*4.5cm)ค่ะ จริงๆต้องมีใบ Alien Registration ค่ะ แต่เราไม่มีแต่ก็ไม่มีไม่เป็นไรค่ะ
ขั้นตอนที่ 3
เราต้องไปสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประเทศเกาหลีค่ะ บ้านอยู่ที่ไหนไปเขตนั้น อันนี้ต้องเชคเอาเองนะคะ ว่าที่พักอาศัยของเราอยู่เขตไหน(อันนี้ไม่ได้เชคเองค่ะ เลยสามารถตอบได้เท่านี้ ฮือๆ)
ขั้นตอนที่ 4
ก็ไปตม นั่นแหล่ะค่ะ555 แต่เข้าคิวยาวมากนะคะ คนเยอะมากกกกกกกกก เยอะแบบยืนงงเลยค่ะ ว่าเอ้ยย ทำไมเยอะขนาดนี้ มาถูกที่ไม๊? โดยเฉพาะคนจีนที่มาต่อวีซ่าเรื่องเรียนและทำงานค่ะ แนะนำโทรจองคิวค่ะ เราไปแบบไม่จองรอไป3 ชม ㅜㅜ รับบัตรคิว รอเข้าช่อง ก็คุยๆถามๆเรื่องเอกสารค่ะและจ่ายเงินค่ะ ประมาณ 130,000 วอน (จำเปะๆไม่ได้แต่ราคาประมาณนี้ค่ะ) จ่ายผ่านตู้เอทีเอ็มที่นั่นเลยค่ะและต้องสแกนพาสปอร์ตแปะไปด้วย และเดินไปจ่ายเงินต่อที่เคาน์เตอร์ถัดไปสำหรับเอกสาร Alien Registration และเสร็จจากที่ตมนี้ต้องไปตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาลรัฐในเครือที่ ตม กำหนด (보건소 - Health Center) และกลับมายื่นใหม่ คือ ทั้งหมดนี้นี่แหล่ะค่ะ ที่ไม่เคยมีข้อมูลบอกมาก่อนเราไปแบบ อึนมาก
ขั้นตอนที่ 5
ไปโรงพยาบาลรัฐ(보건소 - Health Center) คือเราต้องเดินไปเอกซเรย์ คือจุดนี้งงมาก ห่ะะะะะ จนทก็ชี้ๆเราไปห้องถอดเสื้อและทิ้งเราเลย คือเราก็เอาว่ะทำให้เสร็จๆ มองๆคนข้างๆถอดไรมั่งอ่ะ (ปล.ห้องญล้วนค่ะ มีแต่คุณป้าๆ555) แล้วต่อแถวแล้วก็สแกน วางแขนแบบนี้ๆ ตรงๆนี้ ยืนๆเหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่ายเนาะ ยังยังไม่จบไปอีกห้องนึงต้องขากสเลดค่ะ ต้องเอาใส่หลอดนี้ๆนะ แล้วเสร็จก็เอาแช่เย็นที่ตู้แช่เย็นนี้ แล้วก็รอรับเอกสารอีก 1 อาทิตย์ค่ะ จากนั้นก็ไปตมอีกครั้งค่ะ ยื่นเอกสารเพิ่มเติมรอรับ SMS วันที่ให้ไปรับบัตร/เอกสาร จบเรื่องวีซ่าค่ะ
ต้องจบสาขาไหน :
เราขอเกริ่นคร่าวๆเกี่ยวกับประสบการณ์และสาขาที่เราเรียนจบก่อนนะคะ เราเรียนจบตรี/โทเกี่ยวกับบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยเหลืองแดงและสีม่วงค่ะเคยทำงานเป็นเลขานุการผู้บริหารมาก่อนค่ะ ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักค่ะ แล้วย้ายสายงานไปอีกบริษัทนึงเป็นผู้จัดการการตลาดบริษัทส่งออกยาไปประเทศจีนค่ะ ก็มีเดินทางไปต่างประเทศบ่อยเรื่องงานค่ะ ทำงานได้ 1 ปีเราก็ย้ายมาเกาหลี
กลับมาที่คำถาม ต้องจบอะไรถึงจะมาทำงานที่นี่ได้ แล้วแต่งานค่ะ แต่
ย้ำนะคะ ส่วนใหญ่งานบริษัทที่นี่ต้องพูดภาษาเกาหลีได้
ชีวิตการทำงานที่นี่เป็นไง :
อืมมม อย่างที่เราแจ้งไปในตอนแรกนะคะ ว่าเราเพิ่งเริ่มงานได้ไม่นาน แต่ถ้าถามจากความรู้สึกตอนนี้ ที่นี่ทำงานเงียบมากค่ะคือไม่มีแวะหรือเดินไปเดินมาหรือเม้ามอยกันในเวลางานค่ะ ขอบอกเลยค่ะว่า ไม่เพียงแต่แผนกเราทุกแผนกเลยค่ะ ตรงต่อเวลากันสุดๆไม่ว่าจะเข้างานหรือเลิกงาน ฮ่าๆๆ ทุกคนยิ้มแย้มดีค่ะ แต่นิดนึงคือคนเกาหลีไม่ได้หล่อหรือสวยเหมือนซีรี่ย์หมดนะคะ ออฟฟิตเรา เกือบ 300 คนค่ะยังไม่เจอแบบในซีรี่ย์บ้างเลย555 แต่เค้าก็น่ารักกันไปตามเรื่องตามราว สไตล์ของเค้ากันค่ะ แบบขาวๆหมวยๆตี๋ๆ และสูงๆอิอิ
แต่ถ้าถามมาเรื่อง ความจริงจังในการทำงานกับคนที่นี่ก็สุดๆค่ะ เค้าจะทำงานกันเร็วมากๆๆ แปบๆอีเมลเข้าเป็นร้อยค่ะ คือ Report เอย Update เอย และที่สำคัญต้องตามแชทบริษัทให้ทันค่ะ!!!!!! คือ เยอะมากเยอะจนบางทีอ่านไม่ทันแล้วนายเดินมาสะกิดว่าเปิดอ่านบ้างเค้าถามถึงเรื่องของเธออะไรแบบนี้อะคะ ปล.เป็นภาษาเกาหลีล้วนค่ะ
สวัสดิการที่ทำงานกับชาวต่างชาติเป็นไง :
บริษัทเราเป็นบริษัทที่ค่อนข้างสเกลใหญ่ค่ะ มีสวัสดิการดีมาก 555ขนาดที่ไทยเราว่าบริษัทเดิมเราก็โกลบอลนะคะ ยังไม่ดีเท่าเลยอ่ะแรก
- คอฟฟี่แมชชีนใหญ่มากกกก คือมีทุกอย่างที่อยากกินอ่ะ กดเอาเอง น้ำแข็งก็มี
- บัตรพนักงานเราสามารถแตะเพื่อกินข้าวเที่ยงได้ในตึกร้านอาหารรอบๆค่ะ ฟรีวันละ 5,000 วอนค่ะ ถ้าเกินจากนี้ก็ไปหักจากเงินเดือนค่ะ คือ ย่านออฟฟิตเราเป็นย่านเหมือนสาธร อโศก เพลินจิต จะมีร้านอาหารเยอะและอยู่บนตึกซะส่วนใหญ่ ร้านถูกๆไม่มี ฮือๆ
- ร้านกาแฟ ชา ใต้ตึกคือลด 10% หมดค่ะ เพราะดิวกับบริษัทไว้
- Point สะสมในบัตรเครดิตบริษัทให้ทุกเดือนค่ะ ปล.ขึ้นกับตำแหน่งค่ะ
- มีบัตรเครดิตออฟฟิตที่ทางแผนกจะพาไปเลี้ยงทุกอาทิตย์ค่ะ และต้องรีบเคลียร์เงินในนั้นทุกเดือนก่อนสิ้นเดือนเพราะจะหมดโอกาส55
- เรื่องซื้อ ไอที ได้ส่วนลดพิเศษ สินค้าทั่วไปในซุปเปอร์มาร์เกตของห้างที่ร่วมรายการกับทางบริษัทค่ะ (กระซิบ บริษัทแม่เราคือ CJ ค่ะ ใหญ่ไม่แพ้ Samsung สวัสดิการเลยเว่อวังมาก)
ok! มาถึงสุดท้ายก็เรื่องการดำเนินชีวิตที่นี่ ขอบอกว่าค่าครองชีพสูงค่ะ สูงจริงๆอาหารมื้อนึงไม่ต่ำกว่า 300 บาทนะคะ ถ้ากินดีๆหน่อย แต่ยังไงซะ ถ้าตั้งใจจะเก็บเงินทำงาน ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาทำงานที่นี่ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่พยายามอ่านไดอารี่ยาวมากๆจนจบนะคะ
แชร์ประสบการณ์ : ไปไงมาไง ทำงานออฟฟิตที่ประเทศเกาหลี =)
คิดว่านี่คงเป็นคำถามแรกๆในการถามเรานะคะ ยินดีตอบและแชร์ประสบการณ์ค่ะ จริงๆอยากเก็บเป็นเหมือนสมุดบันทึกของตัวเองด้วย และที่สำคัญเพื่อที่จะเป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆที่ต้องการหาข้อมูล เช่น เรื่องวีซ่า (สำคัญมากค่ะ) ที่ซึ่งเราพยายามมาก่อนและหาไม่ได้เลยค่ะ เป็นภาษาเกาหลีซะส่วนใหญ่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็รอดมาได้ค่ะ เอาล่ะ เริ่มกันเลยนะคะ ...
หางานจากไหน :
เราไม่มี website แนะนำตายตัวนะคะ เพราะเราฝากCVไว้กับ Jobskorea.com เราให้สามี(คนเกาหลี) ที่ซึ่งเค้ามี Account อยู่แล้ว ช่วยแปะCV เราเข้าไปค่ะ ส่วนนี้คนไทยสมัครไม่ได้นะคะ เพราะเค้าต้องการเรื่องเลข ID ของคนเกาหลีค่ะ จากนั้นรอไปได้สักพักก็มี Head Hunter ติดต่อเรากลับมาผ่านทางอีเมลค่ะ (ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรเลยโทษทีนะคะ)
รองานนานไหม :
เรามาเกาหลีประมาณปลายมกราคมค่ะ จริงๆมีงานอื่นๆติดต่อมาก่อนบ้างเช่นโรงงานก๊าช ปิโตรเคมี แต่ต้องไปฝึกงานมาเลเซีย 3 เดือน ถึงจะได้ย้ายกลับมาอยู่เกาหลีสำนักงานใหญ่ที่โซลค่ะ เราไม่อยากไปค่ะเลยปฎิเสธ และจากนั้นเราได้งานบริษัทปัจจุบันที่เราทำอยู่นี้ช่วงต้นเดือนมีนาคม เริ่มเขียน Application Form สัมภาษณ์งาน บวกเรื่องวีซ่าและตรวจร่างกายปาไป 1 เดือนเลยค่ะ เราเพิ่งเริ่มงานได้ประมาณ 3 อาทิตย์ที่นี่ค่ะ และเรื่องว่าถ้ายื่นไปจะนานไม๊ ในการที่เค้าจะเรียกสัมภาษณ์หรือได้ร่วมงานก็ขึ้นอยู่กับบริษัทและประสบการณ์ทำงานที่ทำของเราเองด้วยค่ะ ว่าตรงความต้องการในขณะนั้นไม๊
สัมภาษณ์งานเป็นไง :
เราสัมภาษณ์งานกับต่างชาติค่ะ (คือไม่รู้ว่าเค้าเป็นคนประเทศอะไร) มีคนเกาหลี เข้าฟังด้วย 2 คนค่ะ เป็นหัวหน้าทีมใหญ่เรา1คน หัวหน้าแผนกบุคคลอีก1 คนค่ะ ส่วนการถามคำถามก็ทั่วๆไปอารมณ์สัมภาษณ์งานค่ะ *ขอแนะนำและคิดว่าทุกคนก็น่าจะพอทราบบ้างนะคะ เรื่องการเตรียมตัวค่ะ คือเราหาข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษเกี่ยวกับงานสายงานที่เรากำลังจะไปสัมภาษณ์เยอะมากค่ะ ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า เค้าจะถามอะไรบ้าง เข้าเวบบริษัทนั่งดูวิสัยทัศน์/พันธกิจ อ่านรายละเอียด อ่านๆๆทุกอย่างค่ะ คือเตรียมให้พร้อมมากที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่เด๋อเวลาสัมภาษณ์ค่ะ* การสัมภาษณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดีและภายในวันนั้นก็มีอีเมลCongratulations! กับเรา สรุปคือ ได้งานแล้วค่ะ ^_^
เรื่องวีซ่า :
เรื่องนี้เราเหนื่อยมากๆๆๆ คือตอนแรกเราท้อเลยค่ะ ว่าอะไรจะยุ่งยากและใช้เวลาขนาดนี้ เราได้ วีซ่า E-7 ค่ะ เป็นวีซ่าเฉพาะที่ทางรัฐบาลจะออกให้ก็ต่อเมื่อ คนเกาหลีคนในประเทศเค้าไม่สามารถทำได้ถึงต้องจ้างงานชาวต่างชาติค่ะ (หาอ่านรายละเอียดในอากู๋ได้เลยนะคะ ถ้าเป็นรายละเอียดเรื่องนี้มีเยอะ) แต่ปัญหาสำหรับเราคือ ไปที่ไหน ไปแล้วทำไง
ขั้นตอนที่ 1
ต้องได้เอกสารจากทางบริษัทก่อนค่ะ ก็เป็นเรื่องทั่วไปที่ทางเอกสารวีซ่ากำหนดค่ะ เนื่องจากบริษัทเรามีต่างชาติเยอะจึงมีประสบการณ์เรื่องเอกสารเป็นอย่างดีและรวดเร็วค่ะ เลยไม่ได้รอนานมากค่ะ ประมาณ 4 วัน
ขั้นตอนที่ 2
เราต้องเตรียมเอกสารของเราค่ะ พวกPassport /Transcript/รูปถ่ายแบบสี (3.5cm*4.5cm)ค่ะ จริงๆต้องมีใบ Alien Registration ค่ะ แต่เราไม่มีแต่ก็ไม่มีไม่เป็นไรค่ะ
ขั้นตอนที่ 3
เราต้องไปสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประเทศเกาหลีค่ะ บ้านอยู่ที่ไหนไปเขตนั้น อันนี้ต้องเชคเอาเองนะคะ ว่าที่พักอาศัยของเราอยู่เขตไหน(อันนี้ไม่ได้เชคเองค่ะ เลยสามารถตอบได้เท่านี้ ฮือๆ)
ขั้นตอนที่ 4
ก็ไปตม นั่นแหล่ะค่ะ555 แต่เข้าคิวยาวมากนะคะ คนเยอะมากกกกกกกกก เยอะแบบยืนงงเลยค่ะ ว่าเอ้ยย ทำไมเยอะขนาดนี้ มาถูกที่ไม๊? โดยเฉพาะคนจีนที่มาต่อวีซ่าเรื่องเรียนและทำงานค่ะ แนะนำโทรจองคิวค่ะ เราไปแบบไม่จองรอไป3 ชม ㅜㅜ รับบัตรคิว รอเข้าช่อง ก็คุยๆถามๆเรื่องเอกสารค่ะและจ่ายเงินค่ะ ประมาณ 130,000 วอน (จำเปะๆไม่ได้แต่ราคาประมาณนี้ค่ะ) จ่ายผ่านตู้เอทีเอ็มที่นั่นเลยค่ะและต้องสแกนพาสปอร์ตแปะไปด้วย และเดินไปจ่ายเงินต่อที่เคาน์เตอร์ถัดไปสำหรับเอกสาร Alien Registration และเสร็จจากที่ตมนี้ต้องไปตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาลรัฐในเครือที่ ตม กำหนด (보건소 - Health Center) และกลับมายื่นใหม่ คือ ทั้งหมดนี้นี่แหล่ะค่ะ ที่ไม่เคยมีข้อมูลบอกมาก่อนเราไปแบบ อึนมาก
ขั้นตอนที่ 5
ไปโรงพยาบาลรัฐ(보건소 - Health Center) คือเราต้องเดินไปเอกซเรย์ คือจุดนี้งงมาก ห่ะะะะะ จนทก็ชี้ๆเราไปห้องถอดเสื้อและทิ้งเราเลย คือเราก็เอาว่ะทำให้เสร็จๆ มองๆคนข้างๆถอดไรมั่งอ่ะ (ปล.ห้องญล้วนค่ะ มีแต่คุณป้าๆ555) แล้วต่อแถวแล้วก็สแกน วางแขนแบบนี้ๆ ตรงๆนี้ ยืนๆเหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่ายเนาะ ยังยังไม่จบไปอีกห้องนึงต้องขากสเลดค่ะ ต้องเอาใส่หลอดนี้ๆนะ แล้วเสร็จก็เอาแช่เย็นที่ตู้แช่เย็นนี้ แล้วก็รอรับเอกสารอีก 1 อาทิตย์ค่ะ จากนั้นก็ไปตมอีกครั้งค่ะ ยื่นเอกสารเพิ่มเติมรอรับ SMS วันที่ให้ไปรับบัตร/เอกสาร จบเรื่องวีซ่าค่ะ
ต้องจบสาขาไหน :
เราขอเกริ่นคร่าวๆเกี่ยวกับประสบการณ์และสาขาที่เราเรียนจบก่อนนะคะ เราเรียนจบตรี/โทเกี่ยวกับบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยเหลืองแดงและสีม่วงค่ะเคยทำงานเป็นเลขานุการผู้บริหารมาก่อนค่ะ ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักค่ะ แล้วย้ายสายงานไปอีกบริษัทนึงเป็นผู้จัดการการตลาดบริษัทส่งออกยาไปประเทศจีนค่ะ ก็มีเดินทางไปต่างประเทศบ่อยเรื่องงานค่ะ ทำงานได้ 1 ปีเราก็ย้ายมาเกาหลี
กลับมาที่คำถาม ต้องจบอะไรถึงจะมาทำงานที่นี่ได้ แล้วแต่งานค่ะ แต่ย้ำนะคะ ส่วนใหญ่งานบริษัทที่นี่ต้องพูดภาษาเกาหลีได้
ชีวิตการทำงานที่นี่เป็นไง :
อืมมม อย่างที่เราแจ้งไปในตอนแรกนะคะ ว่าเราเพิ่งเริ่มงานได้ไม่นาน แต่ถ้าถามจากความรู้สึกตอนนี้ ที่นี่ทำงานเงียบมากค่ะคือไม่มีแวะหรือเดินไปเดินมาหรือเม้ามอยกันในเวลางานค่ะ ขอบอกเลยค่ะว่า ไม่เพียงแต่แผนกเราทุกแผนกเลยค่ะ ตรงต่อเวลากันสุดๆไม่ว่าจะเข้างานหรือเลิกงาน ฮ่าๆๆ ทุกคนยิ้มแย้มดีค่ะ แต่นิดนึงคือคนเกาหลีไม่ได้หล่อหรือสวยเหมือนซีรี่ย์หมดนะคะ ออฟฟิตเรา เกือบ 300 คนค่ะยังไม่เจอแบบในซีรี่ย์บ้างเลย555 แต่เค้าก็น่ารักกันไปตามเรื่องตามราว สไตล์ของเค้ากันค่ะ แบบขาวๆหมวยๆตี๋ๆ และสูงๆอิอิ
แต่ถ้าถามมาเรื่อง ความจริงจังในการทำงานกับคนที่นี่ก็สุดๆค่ะ เค้าจะทำงานกันเร็วมากๆๆ แปบๆอีเมลเข้าเป็นร้อยค่ะ คือ Report เอย Update เอย และที่สำคัญต้องตามแชทบริษัทให้ทันค่ะ!!!!!! คือ เยอะมากเยอะจนบางทีอ่านไม่ทันแล้วนายเดินมาสะกิดว่าเปิดอ่านบ้างเค้าถามถึงเรื่องของเธออะไรแบบนี้อะคะ ปล.เป็นภาษาเกาหลีล้วนค่ะ
สวัสดิการที่ทำงานกับชาวต่างชาติเป็นไง :
บริษัทเราเป็นบริษัทที่ค่อนข้างสเกลใหญ่ค่ะ มีสวัสดิการดีมาก 555ขนาดที่ไทยเราว่าบริษัทเดิมเราก็โกลบอลนะคะ ยังไม่ดีเท่าเลยอ่ะแรก
- คอฟฟี่แมชชีนใหญ่มากกกก คือมีทุกอย่างที่อยากกินอ่ะ กดเอาเอง น้ำแข็งก็มี
- บัตรพนักงานเราสามารถแตะเพื่อกินข้าวเที่ยงได้ในตึกร้านอาหารรอบๆค่ะ ฟรีวันละ 5,000 วอนค่ะ ถ้าเกินจากนี้ก็ไปหักจากเงินเดือนค่ะ คือ ย่านออฟฟิตเราเป็นย่านเหมือนสาธร อโศก เพลินจิต จะมีร้านอาหารเยอะและอยู่บนตึกซะส่วนใหญ่ ร้านถูกๆไม่มี ฮือๆ
- ร้านกาแฟ ชา ใต้ตึกคือลด 10% หมดค่ะ เพราะดิวกับบริษัทไว้
- Point สะสมในบัตรเครดิตบริษัทให้ทุกเดือนค่ะ ปล.ขึ้นกับตำแหน่งค่ะ
- มีบัตรเครดิตออฟฟิตที่ทางแผนกจะพาไปเลี้ยงทุกอาทิตย์ค่ะ และต้องรีบเคลียร์เงินในนั้นทุกเดือนก่อนสิ้นเดือนเพราะจะหมดโอกาส55
- เรื่องซื้อ ไอที ได้ส่วนลดพิเศษ สินค้าทั่วไปในซุปเปอร์มาร์เกตของห้างที่ร่วมรายการกับทางบริษัทค่ะ (กระซิบ บริษัทแม่เราคือ CJ ค่ะ ใหญ่ไม่แพ้ Samsung สวัสดิการเลยเว่อวังมาก)
ok! มาถึงสุดท้ายก็เรื่องการดำเนินชีวิตที่นี่ ขอบอกว่าค่าครองชีพสูงค่ะ สูงจริงๆอาหารมื้อนึงไม่ต่ำกว่า 300 บาทนะคะ ถ้ากินดีๆหน่อย แต่ยังไงซะ ถ้าตั้งใจจะเก็บเงินทำงาน ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาทำงานที่นี่ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่พยายามอ่านไดอารี่ยาวมากๆจนจบนะคะ