ก่อนที่ผมจะมาเป็นนายทหาร ต่อ ( นักเรียนนายเรือชั้นใหม่ )
เป็นเรื่องราวของผมเอง เล่าถึงชีวิตก่อนที่ผมจะได้เป็นนายทหาร เพื่อให้น้องๆ ที่กำลังตัดสินใจจะเป็นทหาร และเพื่อให้หลายๆคนรับทราบส่วนหนึ่งของเส้นทางการเป็นนายทหารครับ
กระทู้ในตอนแรก ( นักเรียนเตรียมทหาร )
http://ppantip.com/topic/35002538
ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว นตท.ทุกคน ก็จะแยกย้ายกันไปตามโรงเรียนเหล่าทัพ ตามที่ตัวเองสอบได้ในตอนแรก ซึ่งก็เป็นเวลาที่ลุ้นระทึกที่สุด เพราะก่อนหน้านี้ ทุกคนก็จะได้ยินคำขู่ ต่างๆนานา จากรุ่นพี่ที่ขึ้นเหล่าไปแล้ว ว่า ฝึกหนักยังไง โหดแค่ไหน แค่คิดก็ใจแป้วทุกทีครับ
ต้องบอกก่อนเลยว่า สมัยที่อยู่เตรียมทหารนั้น ระบบการฝึกเกือบทุกอย่างจะอ้างอิงมาจากทหารบกแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแบบฝึกท่ามือเปล่า การใช้อาวุธ คำบอกคำสั่งต่างๆ ล้วนแล้วแต่มาจากตำราของทหารบอกทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อพวกเราเข้ามาในรั้วของโรงเรียนนายเรือแล้ว ต้องเจอกับคำสั่ง ในแบบของทหารเรือแล้ว แรกๆก็ถึงกับงงกันเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น การเรียกแถว สมัยเตรียมทหาร ก็จะเรียกแถวว่า " ฟังเรียกแถว แถวตอนเรียงสี่ (มา)หาข้าพเจ้า .......เอ้ " แต่ พอมาในรูปแบบของทหารเรือ จะเป็น " ฟังเรียกแถว ตอนเรียนสี่....แถว(คำว่าแถว จะตะเบ็งเน้นเสียง) " หรือ การสั่งตรง จากท่าพักตามระเบียบ ทหารบก " แถว (สูดหายใจ)..ตรง(ชุดเท้า)" ทหารเรือจะเป็น " แถว (ยืนนิ่งๆ).... ตรง (ชิดเท้า) เป็นต้น ซึ่งผมจะพยายามแทรกธรรมเรียมทหารเรือไปในนี้ด้วยครับ
เมื่อจบพิธีส่ง นตท.ขึ้นเหล่าแล้ว เหล่าที่น่าสงสารที่สุดคือ ทบ.เพราะต้องขึ้นรถไปในวันนั้นเลย โรงเรียนแทบจะอยู่ติดกัน ลาก่อย ส่วนลูกประดู่อย่างผม รร.นร. นัดกันที่อนุสรณ์สถาน รังสิต แปดโมงเช้าวันอังคาร (คิดถึงเพลงปาล์มมี่ เลย)
พอถึงวันจริง พวกเราก็มารวมตัวกันตามนัดหมาย ในชุดเครื่องแบบ ปกติ ที่แก้มาให้หลวมที่สุด เพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ มีนายทหารจาก รร.นร.มารับเราเพียง สองคน ซึ่งทราบว่าเป็น ผบ.ร้อย ของกรมนักเรียน ( ชื่อเต็มคือ กรมนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ ) ปราศจาก นักเรียนรุ่นพี่ ( แปลกใจครั้งที่ 1) พอมีการเรียกรวมแถวชี้แจง ถ้วยความเคยชินในนิสัย นตท.ปี2 เราก็จะเฉื่อยชา ค่อยๆเดินเลื้อยกันมาเข้าแถว ผมเห็นแล้วนึกในใจ ตายแน่ๆ แค่แถวแรกก็เฉื่อยกันซะแล้ว โดน DAG แน่ แต่........ เปล่าเลย ผู้กอง ยืนชี้แจงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแยม (แปลกใจครั้งที่2 ) สงสัยจะทำให้เราตายใจ ถึงโรงเรียนคงเละแน่ จากนั้นเราก็ทยอยขึ้นรถบัสของโรงเรียน มุ่งหน้าสู่โรงเรียนนายเรือ สมุทรปราการ ถิ่นงาม สามสมอของเรา ระหว่างทาง นอนเอาแรงให้เต็มที่ครับพี่น้อง
เมื่อรถใกล้ถึงโรงเรียน ใจนี่สั่นเลยครับ ลุ้นว่าจะเจออะไร ลงรถปุ๊บ เป็นทหาร จะทำอะไรก็ต้องแถวก่อน รุ่นพี่หายไปไหน ไปแอบอยู่ตรงไหน แล้วเราก็ได้รู้ความจริงว่า พี่ปี 1-4 ไปฝึกภาคทะเล นักเรียนใหม่อย่างเรา ก็อยู่โรงเรียนกันสบาย 55555 หลังจากมีการชี้แจงกันเรียบร้อย ผู้กองก็ให้เราดำเนินการทางธุรการ โดยการไปเบิกของทุกอย่าง ที่คลังพลาธิการของโรงเรียน ซึ่งเราทุกคนจะได้รับแจก ถุงทะเลคนละ 1 ถุง ภายในถุงประกอบด้วยอุปกรณ์ทุกอย่าง ที่จะใช้ดำเนินชีวิตใน รร.นร.นับตั้งแต่บัดนี้ไป ซึ่งแน่นอน มันใส่ในถุงนี้ไม่พอครับ ต่างคนต่างหอบกันคนละหลายๆรอบ ระหว่างตึกนอน กับ คลังพลา ขอบอกเลยครับ วันนี้ เหนื่อยที่สุดก็ตอนนี้แหละ นึกสภาพ ทั้งเสื้อผ้าทุกชุด เครื่องหมาย เครื่องใช้ส่วนตัว แทบทุกอย่างที่เราจะใช้หลังจากนี้ มันจะมหาศาลแค่ไหน ยอมรับเลยครับ ว่าเกือบลมจับ 555 ( ยังมีหน้ามาคุยอึก ) ถ้าเป็นเหล่าอื่น คงโดน DAG กันอยู่ หลังจากจัดการกับข้าวของเรียบร้อยแล้ว เราก็เปลี่ยนชุด เพื่อเข้ารับการฟังคำชี้แจงอีกครั้ง ถึงการปฏิบัติต่างๆ ในช่วงนี้ เราจะมีเพื่อนใหม่มาสมทบด้วย 5 คน ซึ่งได้รับโควต้า จากนักเรียนจ่า มาเป็น นนร.
ในช่วงสองสามวันนี้ (จำไม่ได้แล้ว) เราต้องใช้ชีวิตอยู่ที่ โรงเรียนนายเรือสักพัก ก่อนที่จะเดินทางไปอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อไปทำการฝึกภาคทะเลของนักเรียนใหม่ จากที่ฟังๆมา ไม่ได้มีการฝึกลักษณะนี้มานานแล้วครับ ปีก่อนหน้าผม นักเรียนใหม่จะขึ้นเหล่ามาหลังจากที่ พี่ๆฝึกภาคทะเลเรียบร้อยแล้ว และจะได้รับการต้อนรับจากปีสี่ที่เป็นคอมแมน ทำการฝึกปรับพื้นฐานในช่วงที่ชั้นอื่นๆปิดเทอมกลับบ้าน ซึ่งแปลว่า รุ่นผมขึ้นเหล่ามาเร็วกว่าทุกปี
คืนแรกหลังจากทำภารกิจต่างๆเรียบร้อย เราก็ได้รวมแถวกัน ที่ลานริมแม่น้ำเจ้าพระยา วิวตอนนี้สวยมาก แต่ในใจกลับตื่นเต้น เพราะคิดว่า คืนนี้ผู้กองคงคิดบัญชีที่เก็บสะสมมาตั้งแต่เช้ายันเย็นแน่ๆ
" ทั้งหมด เตรียมตัวดันพิ้นนนน " นั่นไง เสียงผู้กองตะโกนมาแต่ไกล เอาแล้วไง " 5 ครั้ง ปฏิบัติ " หืมมมม ผู้กองครับ ดูถูกกันเกินไปนะเนี่ย ( แปลกใจ ครั้งที่ 3 ) สรุปในรั้วโรงเรียนวันแรก จนเราเดินทางไปสัตหีบ เราโดนกันอยู่แค่นี้ครับ ถถถถถถถ
ขอขั้นครับ ธรรมเนียมทหารเรือของเรา ไม่มีการ ขุด ครับ เครื่องหมาย และอุปกรณ์ต่างๆ เราได้มาตามสิทธิครับ ไม่ต้องขุด ใดๆทั้งสิ้น ซึ่ง ในวันแรกเราก็สามารถติดเครื่องหมาย "ภปร." ซึ่งเป็นเครื่องหมายของทหารรักษาพระองค์ ได้เลย เนื่องจากเราเองก็สังกัด กรม นนร.รักษาพระองค์เช่นเดียวกับชั้นปีอื่น
ต่อไปจะเข้าสู่ห้วงการฝึกของนักเรียนใหม่ครับ นนร.จะมีเครื่องหมาย กระดุม แบ่งขั้นปีติดอยู่ที่ปกคอเสื้อบนสัญลักษณ์ "ผู้ใช้เชือก" ชั้นใหม่อย่างเรายังไม่มีดุมครับ สาเหตุที่เรียกผู้ใช้เชือก น่าจะมาจากการที่ทหารเรือเรา ต้องถูกฝึกการใช้เงื่อนใช้เชือกต่างๆให้ชำนาญ เพราะเรือสมัยก่อน เป็นเรือใบมีเชือกต่างๆมากมาย จึงจำเป็นต้องใช้เงื่อนใช้เชือกให้ชำนาญ ที่สัตหีบเราถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มครับ กลุ่มหนึ่งจะลงไปฝึกในเรือก่อน อีกครึ่งจะต้องฝึกวิชาต่างๆ อยู่บนบก โดยเราจะพักอยู่ที่ กราบพักทหาร กองการฝึก กองเรือยุทธการ (หน่วยที่มีหน้าที่ฝึกทหารเรือ ให้มีความรู้ไปปฏิบัติงานในเรือรบ) ส่วนเรือที่ใช้ฝึกนั้น คือ เรือหลวงโพธิ์สามต้น ซึ่งถือว่าเป็นเรือครูครับ เพราะเป็นเรือที่เก่าแก่ และผ่านการฝึกนักเรียนมาหลายรุ่นแล้ว ตัวผมเองจะอยู่กลุ่มที่ฝึกบนบกก่อนครับ
กระดุม 5 เม็ด คือชั้นปีที่5 ของชั้นใหม่ จะมีแค่ เครื่องหมาย ผู้ใช้เชือก สีขาว
เช่นเดิมครับ รปจ.ของเรา เหมือนกันกับ รปจ.ของนักเรียนทหารทั่วไป ตื่นเช้า ออกกำลัง ทำความสะอาด อาบน้ำทานข้าว เรียน ฝึก ทานข้าว เรียนต่อช่วงบ่าย เย็นออกกำลังกาย เรียนค่ำ แล้วสวดมนต์นอน ซึ่งสิ่งที่เราฝึกและเรียนในตอนนี้คือ วิชาทหารเรือล้วนๆครับ วิชาการเรือเบื้องต้น การปืน การอาวุธเบื้องต้น และขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ บทเรียนใหม่ของเราคือ ทหารเรือ จะกล่าวคำสวัสดีกันในครั้งแรกที่เจอกัน เพียงครั้งเดียว ไม่ใช่เจอหน้ากัน ก็สวัสดีทุกครั้งเหมือนทหารบก
ยกตัวอย่างการฝึกของผมนะครับ ฝึกอ่านแผนที่เดินเรือ ฝึกผู้เงื่อน เชือกต่างๆที่ใช้บนเรือ ซึ่งมีเยอะมาก ฝึกการพายเรือกระเชียง การชักหย่อนเรือเล็ก ธงสัญญาณสองมือ ฝึกโคมไฟสัญญาณ (รหัสมอส) ฝึกธงประมวลสากล และธงต่างๆ ( ธงสัญลักษณ์ที่ใช้ในการเดืนเรือ ) ผมต้องท่องมอสให้ได้ จำธงและความหมายให้ได้ครับ และที่แปลกใหม่สำหรับพวกเราคือ การฝึกกายบริหารราชนาวี ซึ่งมีท่ากายบริหารที่แปลกมากๆ และเยอะมาแบ่งเป็นหลายหมวดหมู่ หากใครสนใจลองหาดูได้นะครับ โรงเรียนสื่อสารทหารเรือเป็นเลิศในด้านนี้
เมื่อครบกำหนดเปลี่ยนไปลงเรือ เราก็ต่างเก็บข้าวของลงถุงทะเลเตรียมพร้อมที่จะไปเจอของจริงกันแล้วครับ ซึ่งเมื่อเจอเพื่อนๆชุดที่ลงเรือก่อนหน้าผมแทบจะจำกันไม่ได้ เพราะทุกคนนี่ตัวดำเมี่ยมเลย แดดทะเลคงแรงน่าดู เมื่อพวกเราเดินทางไปถึง ร.ล.โพธิ์สามต้นแล้ว ก็ได้รับการต้อนรับและทักทายจาก นายทหารประจำเรือ โดยการแบกถุงทะเล วิ่งปล่อยม้า ( ฝันร้ายที่คิดว่าจะเจอ ก็ได้มาเจอสักที ) กว่าเราจะได้ขึ้นเรือได้นี่เล่นเอาเสื้อเปียกครับ นายทหารบนเรือก็รุ่นพี่เราที่จบไปแล้วทั้งนั้น
เริ่มต้นบนเรือ เมื่อก้าวขึ้นบันไดไปถึงดาดฟ้าเรือแล้วนั้น สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ ทำความเคารพท้ายเรือ นี่คือขนบธรรมเนียมหทารเรืออย่างหนึ่งครับ จำได้ว่า สาเหตุที่ต้องทำความเคารพท้ายเรือ เพราะท้ายเรือนั้นเมื่อเรือจอด ณ ท่าเรือ ธงราชนาวีจะอยู่ที่เสาธงท้ายเรือ และ เมื่อสมัยก่อน ห้องของผู้บังคับการเรือ ก็อยู่บริเวณท้ายเรือเช่นกัน
ชีวิตบนเรือของเราไม่ได้สบายนักครับ ห้องน้ำมีอยู่อย่างจำกัด น้ำจืดก็ไม่เพียงพอ แค่แปรงฟันกับล้างหน้านี่ถือว่าดีสุดๆแล้วครับ เราใช้ชีวิตบนเรือโดยที่ไม่ได้อาบน้ำกันหลายวัน ตารางเรียนบนเรือรบของเรา ก็จะเรียนในภาคปฏิบัติกับของจริง หลังจากที่เราเรียนมาแล้วที่ กฝร. และหน้าที่อีกอย่างที่เราได้รับกันคือ หน้าที่พลทหาร ในเรือ วันๆเราจะต้องทำความสะอาดเรือกันบ่อยมาก รปจ.ในเรือจะต่างจากบนบกโดยสิ้นเชิง ตื่นเช้ามาเราต้องทำความสะอาดเรือ จนกระทั่งถึง หกโมงครึ่ง โดยมีอาวุธประจำกายคือ "สวบ" คือไม้ถูพื้นชนิดหนึ่ง หาเจอทั่วไปได้ในเรือรบ ตีห้าครึ่งนี่ถ้าใครคว้าสวบมาครอบครองไม่ได้ ก็โดน DAG ไปก่อนเลยครับ ฉะนั้นถ้าอยากอยู่รอดปลอดภัย ต้องรีบไปจีบจอง สวบ ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ระบบการ DAG รวมยังคงมีอยู่ครับ โดยเฉพาะกับชั้นใหม่อย่างเรา ที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร
ใน 15 วันที่ใช้ชีวิตอยู่บนเรือ เราได้เรียนรู้ความเป็นอยู่และการทำงานของทหารเรือพอสมควรโดยผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ให้เราก็คือนายทหารบนเรือ และบรรดา จ่า พันจ่า ที่ปฏิบัติงานบนเรือครับ ธรรมเนียมอย่างหนึ่งของทหารเรือคือ จะเรียกผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ให้เราว่า "ครู"
เรือของเราก็แล่นวนอยู่ในอ่าวไทยนี่แหละครับ จำได้ว่า ไปจอดที่ตราด สมุย และสงขลา สิ่งที่หลายท่านมักจะเห็นนักเรียนนายเรือ และนักเรียนจ่าทหารเรือทำบ่อยๆเมื่อได้รับการปล่อยที่เมืองท่าต่างๆ คือ การเปิดโรงแรมเพื่ออาบน้ำ น้ำคือสิ่งที่เราโหยหามากครับ หากเราฝึกภาคทะเล
หลังจากจบการฝึก 30 วันแล้ว ก็จะมีการตรวจสอบการฝึกโดยคณะของ จเรทหารเรือ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่นำ นนร.ชั้นใหม่มาฝึกเดี่ยว ซึ่งก็ได้รับคำชมมาครับสำหรับในการฝึกครั้งนี้ จากนี้ไปก็ต้องกลับโรงเรียน และปล่อยพักสักหน่อยครับ ก่อนที่จะมาเผชิญโลกอันโหดร้าย ในโรงเรียนต่อไป
ยังเหลือเรื่องราวอีกเยอะครับ ในปีแรกของชีวิตอันต้อยต่ำของนนร.ชั้นใหม่ ไว้มาต่อกันนะครับ
เป็นชั้น 1 แล้ว
http://ppantip.com/topic/35004105/comment3
ก่อนที่ผมจะมาเป็นนายทหาร (นักเรียนนายเรือชั้นใหม่)
เป็นเรื่องราวของผมเอง เล่าถึงชีวิตก่อนที่ผมจะได้เป็นนายทหาร เพื่อให้น้องๆ ที่กำลังตัดสินใจจะเป็นทหาร และเพื่อให้หลายๆคนรับทราบส่วนหนึ่งของเส้นทางการเป็นนายทหารครับ
กระทู้ในตอนแรก ( นักเรียนเตรียมทหาร ) http://ppantip.com/topic/35002538
ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว นตท.ทุกคน ก็จะแยกย้ายกันไปตามโรงเรียนเหล่าทัพ ตามที่ตัวเองสอบได้ในตอนแรก ซึ่งก็เป็นเวลาที่ลุ้นระทึกที่สุด เพราะก่อนหน้านี้ ทุกคนก็จะได้ยินคำขู่ ต่างๆนานา จากรุ่นพี่ที่ขึ้นเหล่าไปแล้ว ว่า ฝึกหนักยังไง โหดแค่ไหน แค่คิดก็ใจแป้วทุกทีครับ
ต้องบอกก่อนเลยว่า สมัยที่อยู่เตรียมทหารนั้น ระบบการฝึกเกือบทุกอย่างจะอ้างอิงมาจากทหารบกแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแบบฝึกท่ามือเปล่า การใช้อาวุธ คำบอกคำสั่งต่างๆ ล้วนแล้วแต่มาจากตำราของทหารบอกทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อพวกเราเข้ามาในรั้วของโรงเรียนนายเรือแล้ว ต้องเจอกับคำสั่ง ในแบบของทหารเรือแล้ว แรกๆก็ถึงกับงงกันเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น การเรียกแถว สมัยเตรียมทหาร ก็จะเรียกแถวว่า " ฟังเรียกแถว แถวตอนเรียงสี่ (มา)หาข้าพเจ้า .......เอ้ " แต่ พอมาในรูปแบบของทหารเรือ จะเป็น " ฟังเรียกแถว ตอนเรียนสี่....แถว(คำว่าแถว จะตะเบ็งเน้นเสียง) " หรือ การสั่งตรง จากท่าพักตามระเบียบ ทหารบก " แถว (สูดหายใจ)..ตรง(ชุดเท้า)" ทหารเรือจะเป็น " แถว (ยืนนิ่งๆ).... ตรง (ชิดเท้า) เป็นต้น ซึ่งผมจะพยายามแทรกธรรมเรียมทหารเรือไปในนี้ด้วยครับ
เมื่อจบพิธีส่ง นตท.ขึ้นเหล่าแล้ว เหล่าที่น่าสงสารที่สุดคือ ทบ.เพราะต้องขึ้นรถไปในวันนั้นเลย โรงเรียนแทบจะอยู่ติดกัน ลาก่อย ส่วนลูกประดู่อย่างผม รร.นร. นัดกันที่อนุสรณ์สถาน รังสิต แปดโมงเช้าวันอังคาร (คิดถึงเพลงปาล์มมี่ เลย)
พอถึงวันจริง พวกเราก็มารวมตัวกันตามนัดหมาย ในชุดเครื่องแบบ ปกติ ที่แก้มาให้หลวมที่สุด เพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ มีนายทหารจาก รร.นร.มารับเราเพียง สองคน ซึ่งทราบว่าเป็น ผบ.ร้อย ของกรมนักเรียน ( ชื่อเต็มคือ กรมนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ ) ปราศจาก นักเรียนรุ่นพี่ ( แปลกใจครั้งที่ 1) พอมีการเรียกรวมแถวชี้แจง ถ้วยความเคยชินในนิสัย นตท.ปี2 เราก็จะเฉื่อยชา ค่อยๆเดินเลื้อยกันมาเข้าแถว ผมเห็นแล้วนึกในใจ ตายแน่ๆ แค่แถวแรกก็เฉื่อยกันซะแล้ว โดน DAG แน่ แต่........ เปล่าเลย ผู้กอง ยืนชี้แจงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแยม (แปลกใจครั้งที่2 ) สงสัยจะทำให้เราตายใจ ถึงโรงเรียนคงเละแน่ จากนั้นเราก็ทยอยขึ้นรถบัสของโรงเรียน มุ่งหน้าสู่โรงเรียนนายเรือ สมุทรปราการ ถิ่นงาม สามสมอของเรา ระหว่างทาง นอนเอาแรงให้เต็มที่ครับพี่น้อง
เมื่อรถใกล้ถึงโรงเรียน ใจนี่สั่นเลยครับ ลุ้นว่าจะเจออะไร ลงรถปุ๊บ เป็นทหาร จะทำอะไรก็ต้องแถวก่อน รุ่นพี่หายไปไหน ไปแอบอยู่ตรงไหน แล้วเราก็ได้รู้ความจริงว่า พี่ปี 1-4 ไปฝึกภาคทะเล นักเรียนใหม่อย่างเรา ก็อยู่โรงเรียนกันสบาย 55555 หลังจากมีการชี้แจงกันเรียบร้อย ผู้กองก็ให้เราดำเนินการทางธุรการ โดยการไปเบิกของทุกอย่าง ที่คลังพลาธิการของโรงเรียน ซึ่งเราทุกคนจะได้รับแจก ถุงทะเลคนละ 1 ถุง ภายในถุงประกอบด้วยอุปกรณ์ทุกอย่าง ที่จะใช้ดำเนินชีวิตใน รร.นร.นับตั้งแต่บัดนี้ไป ซึ่งแน่นอน มันใส่ในถุงนี้ไม่พอครับ ต่างคนต่างหอบกันคนละหลายๆรอบ ระหว่างตึกนอน กับ คลังพลา ขอบอกเลยครับ วันนี้ เหนื่อยที่สุดก็ตอนนี้แหละ นึกสภาพ ทั้งเสื้อผ้าทุกชุด เครื่องหมาย เครื่องใช้ส่วนตัว แทบทุกอย่างที่เราจะใช้หลังจากนี้ มันจะมหาศาลแค่ไหน ยอมรับเลยครับ ว่าเกือบลมจับ 555 ( ยังมีหน้ามาคุยอึก ) ถ้าเป็นเหล่าอื่น คงโดน DAG กันอยู่ หลังจากจัดการกับข้าวของเรียบร้อยแล้ว เราก็เปลี่ยนชุด เพื่อเข้ารับการฟังคำชี้แจงอีกครั้ง ถึงการปฏิบัติต่างๆ ในช่วงนี้ เราจะมีเพื่อนใหม่มาสมทบด้วย 5 คน ซึ่งได้รับโควต้า จากนักเรียนจ่า มาเป็น นนร.
ในช่วงสองสามวันนี้ (จำไม่ได้แล้ว) เราต้องใช้ชีวิตอยู่ที่ โรงเรียนนายเรือสักพัก ก่อนที่จะเดินทางไปอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อไปทำการฝึกภาคทะเลของนักเรียนใหม่ จากที่ฟังๆมา ไม่ได้มีการฝึกลักษณะนี้มานานแล้วครับ ปีก่อนหน้าผม นักเรียนใหม่จะขึ้นเหล่ามาหลังจากที่ พี่ๆฝึกภาคทะเลเรียบร้อยแล้ว และจะได้รับการต้อนรับจากปีสี่ที่เป็นคอมแมน ทำการฝึกปรับพื้นฐานในช่วงที่ชั้นอื่นๆปิดเทอมกลับบ้าน ซึ่งแปลว่า รุ่นผมขึ้นเหล่ามาเร็วกว่าทุกปี
คืนแรกหลังจากทำภารกิจต่างๆเรียบร้อย เราก็ได้รวมแถวกัน ที่ลานริมแม่น้ำเจ้าพระยา วิวตอนนี้สวยมาก แต่ในใจกลับตื่นเต้น เพราะคิดว่า คืนนี้ผู้กองคงคิดบัญชีที่เก็บสะสมมาตั้งแต่เช้ายันเย็นแน่ๆ
" ทั้งหมด เตรียมตัวดันพิ้นนนน " นั่นไง เสียงผู้กองตะโกนมาแต่ไกล เอาแล้วไง " 5 ครั้ง ปฏิบัติ " หืมมมม ผู้กองครับ ดูถูกกันเกินไปนะเนี่ย ( แปลกใจ ครั้งที่ 3 ) สรุปในรั้วโรงเรียนวันแรก จนเราเดินทางไปสัตหีบ เราโดนกันอยู่แค่นี้ครับ ถถถถถถถ
ขอขั้นครับ ธรรมเนียมทหารเรือของเรา ไม่มีการ ขุด ครับ เครื่องหมาย และอุปกรณ์ต่างๆ เราได้มาตามสิทธิครับ ไม่ต้องขุด ใดๆทั้งสิ้น ซึ่ง ในวันแรกเราก็สามารถติดเครื่องหมาย "ภปร." ซึ่งเป็นเครื่องหมายของทหารรักษาพระองค์ ได้เลย เนื่องจากเราเองก็สังกัด กรม นนร.รักษาพระองค์เช่นเดียวกับชั้นปีอื่น
ต่อไปจะเข้าสู่ห้วงการฝึกของนักเรียนใหม่ครับ นนร.จะมีเครื่องหมาย กระดุม แบ่งขั้นปีติดอยู่ที่ปกคอเสื้อบนสัญลักษณ์ "ผู้ใช้เชือก" ชั้นใหม่อย่างเรายังไม่มีดุมครับ สาเหตุที่เรียกผู้ใช้เชือก น่าจะมาจากการที่ทหารเรือเรา ต้องถูกฝึกการใช้เงื่อนใช้เชือกต่างๆให้ชำนาญ เพราะเรือสมัยก่อน เป็นเรือใบมีเชือกต่างๆมากมาย จึงจำเป็นต้องใช้เงื่อนใช้เชือกให้ชำนาญ ที่สัตหีบเราถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มครับ กลุ่มหนึ่งจะลงไปฝึกในเรือก่อน อีกครึ่งจะต้องฝึกวิชาต่างๆ อยู่บนบก โดยเราจะพักอยู่ที่ กราบพักทหาร กองการฝึก กองเรือยุทธการ (หน่วยที่มีหน้าที่ฝึกทหารเรือ ให้มีความรู้ไปปฏิบัติงานในเรือรบ) ส่วนเรือที่ใช้ฝึกนั้น คือ เรือหลวงโพธิ์สามต้น ซึ่งถือว่าเป็นเรือครูครับ เพราะเป็นเรือที่เก่าแก่ และผ่านการฝึกนักเรียนมาหลายรุ่นแล้ว ตัวผมเองจะอยู่กลุ่มที่ฝึกบนบกก่อนครับ
กระดุม 5 เม็ด คือชั้นปีที่5 ของชั้นใหม่ จะมีแค่ เครื่องหมาย ผู้ใช้เชือก สีขาว
เช่นเดิมครับ รปจ.ของเรา เหมือนกันกับ รปจ.ของนักเรียนทหารทั่วไป ตื่นเช้า ออกกำลัง ทำความสะอาด อาบน้ำทานข้าว เรียน ฝึก ทานข้าว เรียนต่อช่วงบ่าย เย็นออกกำลังกาย เรียนค่ำ แล้วสวดมนต์นอน ซึ่งสิ่งที่เราฝึกและเรียนในตอนนี้คือ วิชาทหารเรือล้วนๆครับ วิชาการเรือเบื้องต้น การปืน การอาวุธเบื้องต้น และขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ บทเรียนใหม่ของเราคือ ทหารเรือ จะกล่าวคำสวัสดีกันในครั้งแรกที่เจอกัน เพียงครั้งเดียว ไม่ใช่เจอหน้ากัน ก็สวัสดีทุกครั้งเหมือนทหารบก
ยกตัวอย่างการฝึกของผมนะครับ ฝึกอ่านแผนที่เดินเรือ ฝึกผู้เงื่อน เชือกต่างๆที่ใช้บนเรือ ซึ่งมีเยอะมาก ฝึกการพายเรือกระเชียง การชักหย่อนเรือเล็ก ธงสัญญาณสองมือ ฝึกโคมไฟสัญญาณ (รหัสมอส) ฝึกธงประมวลสากล และธงต่างๆ ( ธงสัญลักษณ์ที่ใช้ในการเดืนเรือ ) ผมต้องท่องมอสให้ได้ จำธงและความหมายให้ได้ครับ และที่แปลกใหม่สำหรับพวกเราคือ การฝึกกายบริหารราชนาวี ซึ่งมีท่ากายบริหารที่แปลกมากๆ และเยอะมาแบ่งเป็นหลายหมวดหมู่ หากใครสนใจลองหาดูได้นะครับ โรงเรียนสื่อสารทหารเรือเป็นเลิศในด้านนี้
เมื่อครบกำหนดเปลี่ยนไปลงเรือ เราก็ต่างเก็บข้าวของลงถุงทะเลเตรียมพร้อมที่จะไปเจอของจริงกันแล้วครับ ซึ่งเมื่อเจอเพื่อนๆชุดที่ลงเรือก่อนหน้าผมแทบจะจำกันไม่ได้ เพราะทุกคนนี่ตัวดำเมี่ยมเลย แดดทะเลคงแรงน่าดู เมื่อพวกเราเดินทางไปถึง ร.ล.โพธิ์สามต้นแล้ว ก็ได้รับการต้อนรับและทักทายจาก นายทหารประจำเรือ โดยการแบกถุงทะเล วิ่งปล่อยม้า ( ฝันร้ายที่คิดว่าจะเจอ ก็ได้มาเจอสักที ) กว่าเราจะได้ขึ้นเรือได้นี่เล่นเอาเสื้อเปียกครับ นายทหารบนเรือก็รุ่นพี่เราที่จบไปแล้วทั้งนั้น
เริ่มต้นบนเรือ เมื่อก้าวขึ้นบันไดไปถึงดาดฟ้าเรือแล้วนั้น สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ ทำความเคารพท้ายเรือ นี่คือขนบธรรมเนียมหทารเรืออย่างหนึ่งครับ จำได้ว่า สาเหตุที่ต้องทำความเคารพท้ายเรือ เพราะท้ายเรือนั้นเมื่อเรือจอด ณ ท่าเรือ ธงราชนาวีจะอยู่ที่เสาธงท้ายเรือ และ เมื่อสมัยก่อน ห้องของผู้บังคับการเรือ ก็อยู่บริเวณท้ายเรือเช่นกัน
ชีวิตบนเรือของเราไม่ได้สบายนักครับ ห้องน้ำมีอยู่อย่างจำกัด น้ำจืดก็ไม่เพียงพอ แค่แปรงฟันกับล้างหน้านี่ถือว่าดีสุดๆแล้วครับ เราใช้ชีวิตบนเรือโดยที่ไม่ได้อาบน้ำกันหลายวัน ตารางเรียนบนเรือรบของเรา ก็จะเรียนในภาคปฏิบัติกับของจริง หลังจากที่เราเรียนมาแล้วที่ กฝร. และหน้าที่อีกอย่างที่เราได้รับกันคือ หน้าที่พลทหาร ในเรือ วันๆเราจะต้องทำความสะอาดเรือกันบ่อยมาก รปจ.ในเรือจะต่างจากบนบกโดยสิ้นเชิง ตื่นเช้ามาเราต้องทำความสะอาดเรือ จนกระทั่งถึง หกโมงครึ่ง โดยมีอาวุธประจำกายคือ "สวบ" คือไม้ถูพื้นชนิดหนึ่ง หาเจอทั่วไปได้ในเรือรบ ตีห้าครึ่งนี่ถ้าใครคว้าสวบมาครอบครองไม่ได้ ก็โดน DAG ไปก่อนเลยครับ ฉะนั้นถ้าอยากอยู่รอดปลอดภัย ต้องรีบไปจีบจอง สวบ ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ระบบการ DAG รวมยังคงมีอยู่ครับ โดยเฉพาะกับชั้นใหม่อย่างเรา ที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร
ใน 15 วันที่ใช้ชีวิตอยู่บนเรือ เราได้เรียนรู้ความเป็นอยู่และการทำงานของทหารเรือพอสมควรโดยผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ให้เราก็คือนายทหารบนเรือ และบรรดา จ่า พันจ่า ที่ปฏิบัติงานบนเรือครับ ธรรมเนียมอย่างหนึ่งของทหารเรือคือ จะเรียกผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ให้เราว่า "ครู"
เรือของเราก็แล่นวนอยู่ในอ่าวไทยนี่แหละครับ จำได้ว่า ไปจอดที่ตราด สมุย และสงขลา สิ่งที่หลายท่านมักจะเห็นนักเรียนนายเรือ และนักเรียนจ่าทหารเรือทำบ่อยๆเมื่อได้รับการปล่อยที่เมืองท่าต่างๆ คือ การเปิดโรงแรมเพื่ออาบน้ำ น้ำคือสิ่งที่เราโหยหามากครับ หากเราฝึกภาคทะเล
หลังจากจบการฝึก 30 วันแล้ว ก็จะมีการตรวจสอบการฝึกโดยคณะของ จเรทหารเรือ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่นำ นนร.ชั้นใหม่มาฝึกเดี่ยว ซึ่งก็ได้รับคำชมมาครับสำหรับในการฝึกครั้งนี้ จากนี้ไปก็ต้องกลับโรงเรียน และปล่อยพักสักหน่อยครับ ก่อนที่จะมาเผชิญโลกอันโหดร้าย ในโรงเรียนต่อไป
ยังเหลือเรื่องราวอีกเยอะครับ ในปีแรกของชีวิตอันต้อยต่ำของนนร.ชั้นใหม่ ไว้มาต่อกันนะครับ
เป็นชั้น 1 แล้ว http://ppantip.com/topic/35004105/comment3