[SR] ชีวิตดี๊ดี แลกพ้อยท์บินฟรีไปฮ่องกงเบาๆ 3 วัน กินล้วนนนนนน

สวัสดีค่า.... พาพันดี๊ด๊าจู่ๆ ก็เกิดอารมณ์อยากจะรีวิวเหมือนคนอื่นๆ บ้างอะไรบ้าง แต่ว่า วันที่ไปเที่ยวดั๊น..... มีเวลาแค่ 3 วันเอง ก็เลยเป็นที่มาของทริปของกินอร่อยๆ ที่ฮ่องกงละกันค่า


เริ่มค่ะ....
เกริ่นนิดนึงค่ะ เราได้ตั๋วมาฟรี เป็นตั๋วเที่ยวเดียว ที่แลก big point มาจากบัตรเครดิต ซึ่งเพื่อนนางชวนสมัคร ว่าเออ..... แกชอบเที่ยวนี่นา ชั้นว่าแกต้องมีบัตรใบนี้ติดตัวนะ แล้วก็ร่ายยาว สารพัด สิ่งที่จะได้ จนเกิดฉากแบบในการ์ตูนที่มีบับเบิ้ลความคิดว่า เอ้อ ต้องมีนะ สุดท้ายแล้ว.....เอาวะ  ทำก็ทำ


จากนั้นก็รอบัตรค่ะ พอได้บัตรปั้บ ใช้เลยจ้า เดือนแรกจัดเลย 5,000 บาท ได้ปุ๊ป 5,000 พ๊อยท์ฟรีๆ เลยแหละ จากนั้นมาก็... ด้วยความที่บ้าแต้มมาก ใครอยากได้อะไร รูดให้หมด แล้วเราก็เอาเงินสดเก็บไว้จ่าย ดอกไม่เสียด้วยแหละ


แปะขั้นตอนการสมัคร เพื่อไม่เข้าใจกันโนะ

ขั้นแรกก็เข้าเว็บแอร์เอเชียบิ๊ก หรือ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ จิ้มปุ่มลงทะเบียน จะโผล่มาเจอหน้าที่ถามเราว่ามีบัตรหรือมีเลข big shot หรือป่าว ซึ่งตัวเรามีก็ใส่เลขเมมเบอร์ และกรอกอีเมล รหัส กดสมัครได้เลย ง่ายโนะ

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นที่มาของ พอยท์พิเศษ แลกตั๋วที่เราไปฮ่องกงนั่นเองงงงงงงง

พอดี๊พอดีกับที่จังหวะโปร Final Call เราก็เลยใช้สิทธิ์ความเป็น member ของ AirAsia BIG กดเข้าไปจองสวยๆ ก่อนชาวบ้านเลยจ้า แลกพอยท์แค่ 2,000 ใช้ปุ๊ป กรอกจองตั๋วปั๊บ ตั๋วฮ่องกงก็มาอยู่ในมือแล้ว คุ้มมาก พูด!!!

วกเข้ามาทริปนี้ดีกว่า คือแบบจองทริปเช้าเพื่อจะได้ไปถึงที่นู่นเร็วๆ เนาะ ก็ไปถึงสนามบินประมาณตีสี่ เพราะเครื่องออกหกโมงครึ่งค่ะ คือแบบภาพที่เจอคือ



ในใจนี่คิดว่า เฮ้ย ผู้คนเหล่านี้ได้ตั๋วฟรี เหมือนอิชั้นเหรอ คนเยอะมากค่ะ แต่ก็บ่ยั่นค่ะ เพราะเรามี บัตรเบ่ง คือไปเช็กอิน ช่องพิเศษ PremiumFlex แหมะ ก็เลยแบบลากกระเป๋า เดินเข้าไปสวยๆ ด้วยการโชว์บัตรเครดิตกับคูปอง2ใบ ใบแรกโหลดกระเป๋าฟรี20 กิโลฯ และใบที่สองสำหรับอัพเกรดที่นั่งเป็นแบบHot Seat ค่ะ เริ่ดเวอร์ โฮ๊ะๆ



อวดนิดนึงว่าตอนเช็กอินพนักงานจะติดป้ายเหลืองๆ เขียนว่า priority ไว้ที่กระเป๋า ตามรูปเลยจ้า


เร็วมากนี้พูดเลย ผ่านตม.ปุ๊ป แป๊ปเดียวได้มานั่งรอเรียกขึ้นเครื่องแล้วค่ะ


ข้าม 2 ชม ของการเดินทางไปเลยดีกว่าค่ะ อ่อๆ เดี๋ยวๆ ค่ะ บัตรเบ่งของเรา ได้นั่ง Hot Seat ด้วยนะเคอะ แถมด้วยเครื่องดื่ม อะไรก็ได้ 60 บาท ฟรี 1 อย่าง แค่เราไปโชว์บัตรกับแอร์โฮสเตส เค้าจะให้คูปองให้เราเซ็นชื่อ จากนั้นก็ถึงเวลาเลือกเครื่องดื่มได้ฟรีเลยค่ะ ตัวเรานั้นขอแบบง่ายๆ เป็นโค้ก 1 กระป๋องพร้อมน้ำแข็ง ขอบอกว่า ของฟรีคือดีงามจริงๆ ค่ะคุณ!!!



ถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกงแล้ว!!!!
ออกจากงวงช้างก็ต้องนั่งรถไฟไปอีกเทอร์มินัล เพื่อไป Immigration ตอนแรกก็แอบเกร็งเล็กน้อย แต่เจ้าหน้าที่ก็สแกนพาสปอร์ตให้แบบชิลมากจนแอบงงว่าทำไมง่ายจัง

จากนั้นก็ไปรับกระเป๋าค่ะ กระเป๋ามาก่อนจริงๆ ด้วย ดีงามมั่ก! คว้ากระเป๋าได้ก็รีบไปเลย!


ด้วยความที่มาถึงเช้ามาก และกว่าจะทำอะไรเสร็จก็เที่ยงพอดี เลยหาอะไรรองท้องที่ City gate Outlets เป็นข้าวมันไก่ ที่ข้าวเยอะมากกกกกกกกกกกก


หลังจากเดินในนั้นอยู่พักใหญ่ ก็ถึงเวลากลับเข้าเมือง โดยการนั่งรถไฟฟ้า รถไฟฟ้าที่นี่สะดวกสบายมาก เพราะเชื่อมจากเมืองเล็กไปยังเมืองใหญ่อย่างฮ่องกงได้



ในที่สุดก็ออกมาจากสถานีแล้ว ข้างนอกเต็มไปด้วยตึกมากมายเลย อย่างว่าที่นี่เป็นเกาะ เค้าก็ต้องใช้สอยพื้นที่ๆ จำกัดให้เกิดประโยชน์ ซึ่งดงตึกที่เห็น มองไปก็สวยแปลกตาดีเนอะ



หลังจากเก็บข้าวเก็บของเข้าที่พักแล้ว ก็ถึงเวลาสำรวจเมืองเล็กน้อย โชคดีที่ช่วงเย็นฝนไม่ตก ก็ฟินไป โดยเราเริ่มจากการตามหามูมินคาเฟ่ และดู Symphony of light

และแล้วก็ถึงที่ LCX ซึ่งเป็นเซคชั่นของห้าง Harbour City Ocean Terminal ที่มีมูมิน คาเฟ่ เดินวนในห้างสักพัก ก็หันไปเจอตุ๊กตาฮิปโปขาวๆ ยักษ์ๆ ตั้งอยู่ข้างหน้า งื้อออออ น่ารักมากเลย เลยจัดการกดบัตรคิวไป สักพัก คุณพนักงานก็เข้ามาเรียกและพาไปนั่ง ก็จัดการสั่งอาหาร โดยเราขอเป็นเมนู Moomin House Pancake เพราะมีของแถมพิเศษเป็นตุ๊กตาจิ๋วนั่นเอง บรรยากาศในร้านตกแต่งสไตล์ไม้ และมีมูมินกับผองเพื่อนเต็มไปหมด



ของหวานมาแล้ววววว น่าทานมากและเยอะมาก จนแอบกินไม่หมดเลยทีเดียว ส่วนที่ชอบที่สุดน่าจะเป็นตัวแพนเค้กกับช็อกโกแลตมูส นึกถึงแล้วก็หิวขึ้นมาทันที

หลังจากท้องอิ่มแล้ว ก็ขอเช็คบิลและแวะไปชมร้านขายของที่ระลึกของเจ้ามูมินซักหน่อย แต่ราคาก็แอบสูงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เลยจำใจล่าถอยอย่างช่วยไม่ได้ อิอิ



LCX ไม่ได้มีแค่มูมินอย่างเดียวนะคะ ช่วงที่เราไปมีนิทรรศการเกี่ยวกับเลโก้ด้วย มีการตั้งตัวต่อเลโก้เป็นรูปแบบต่างๆ น่ารักดี และก็มีร้านขายของที่ระลึกของแอนิเมชั่นจิบลิด้วย

เดินมาก็เจอเจ้าโตโตโร่เป็นตัวแรก และมีรถเมล์แมวเหมียวจากเรื่องนี้ด้วย ข้างในก็เป็นร้านขายของที่ระลึก ราคาก็ค่อนข้างสูงอยู่ไม่น้อย เราก็ได้แค่เมียงมองและลูบพุงเจ้าโตโตโร่เบาๆ แทน




เดินออกจากห้างก็มืดพอดี ใกล้เวลาที่ Symphony of light จะเริ่มแล้วล่ะค่ะ เราเลยเดินย้อนไปยังท่าเรือเพื่อหาที่ดีๆ ในการยืนชมไฟซักหน่อย



หลังจากการแสดงจบแล้ว (ซึ่งใช้เวลาไม่นานมากเท่าไหร่) ก็ถึงเวลาตามหามื้อเย็น ซึ่งวันนี้ขอแบบเบาๆ เร็วๆ ที่ ร้าน Cafe de Coral ค่า อาหารที่สั่งคือออมเล็ทงี้เนาะ


ท้องอิ่มแล้ว พี่ก็ขอกลับที่พักไปนอนเอาแรงจ้า


หลังจากที่เมื่อวานไปเดินเที่ยวเล่นมาเหนื่อยแล้ว วันนี้ก็ยังคงเดินอยู่ อิอิ โดยจะเป็นการไปเที่ยววัดและไปตามรอยภาพยนตร์ Chungking Express กับบันไดเลื่อนที่นางเอกแอบส่องพระเอกนั่นเอง โดยมื้อแรกของเราหยุดอยู่ที่ร้าน Hung Lee แถว Hau Fook Street ค่ะ ซึ่งที่เราสั่งเป็นโจ้ก เห้ยคือแบบอร่อย เครื่องแน่นลืมมมมมม


อิ่มแล้วก็ขอไปเดินย่อยและไปวัดนางชี โดยต้องนั่งเปลี่ยนรถไฟไปสายสีเขียวเพื่อไปยังสถานี Diamond Hill ก็สนุกกับการเปลี่ยนสายเล็กน้อย

ในที่สุดก็มาถึงแล้วสถานี Diamond Hill แล้ว แต่เอ๊ะ แล้วไปยังไงต่อล่ะ? โชคดีที่มีป้ายบอกอยู่บ้าง ทำเอาคนที่ไม่เข้าใจภาษาจีน 100% อย่างเราอุ่นใจไปได้ เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอกับสวนที่เราจะต้องข้ามถนน นั่นแหละคือวัดนางชีหรือ Chi Lin Nunnery


เดินเข้าไปก็ให้ความรู้สึกร่มรื่นจริงๆ เพราะเต็มไปด้วยต้นไม้ ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อน แต่มีต้นไม้พอให้ชุ่มชื่นใจงี้

นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องสังคโลกของจีน ซึ่งก็คล้ายของญี่ปุ่นอยู่นะ (ในส่วนนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปเพราะเค้าห้ามถ่ายค่ะ) ก็เข้าไปนั่งพัก หลังจากยืนบนรถไฟฟ้ามาอย่างโชกโชน อิอิ ออกจากพิพิธภัณฑ์ก็เดินวนไปก็มีน้ำตกด้วย (ถึงว่า อากาศอบอ้าวแต่ก็ยังดูเย็นสบาย) และมีบันไดขึ้นไปวัดนางชีนั่นเอง  บรรยากาศในวัดมองไปข้างนอกก็เจอกับตึกที่พัก แลดูคอนทราสแต่ก็เข้ากันได้ดีเลยล่ะ!



อิ่มอกอิ่มใจเสร็จก็กลับไปจิมซาจุ่ยเพื่อไปตามหารอยเท้าของพี่เหลียงเฉาเหว่ย ขวัญใจเราที่ Avenue of stars ฝนก็โปรยปรายมาจนได้ แต่พลังติ่งอย่างเราก็ไม่ย่อท้อ ขอถ่ายรูปกับรอยเท้าของนักแสดงในดวงใจหน่อย



อ้ะ! จู่ๆ ท้องร้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เลยมองซ้ายมองขวา หาร้านด่วน ซึ่งท้ายที่สุด มื้อเที่ยงของเราก็ตกมาอยู่ที่ แถ่นแท้นนนนนนนนน


เคเอฟซีนั่นเอง(เอง เอง เอง)

และเมนูที่สั่งไปก็มีไก่พิซซ่ากับข้าว ข้าวราดซอสเห็ด แชมปิญอง ซึ่งได้ข่าวว่าที่ KFC เพิ่งเอาเข้ามาขายในไทยใช่มะ แต่ตอนที่เราไปฮ่องกงมีขายก่อนแล้วนะ คนสั่งเยอะมาก เพราะมันเป็นชุด แล้วราคาไม่แพง ที่สำคัญไปกว่านั้น

อร่อยลื้มมมมม


หลังจากไปเที่ยวที่ฝั่งเกาลูนแล้ว ก็ขอไปฝั่งฮ่องกงบ้างโดยนั่งรถไฟฟ้าไปสถานี Central ถึงสถานี Central แล้วก็เดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอยตามกูเกิ้ลแมพไปเรื่อยๆ เพื่อไปยัง Central–Mid-Levels escalator เดินวนไปเรื่อยๆ
นั่นไงเจอแล้ว!!!



ความจริงอยากจะขอเป็นเฟย์ หว่องให้นานกว่านี้หน่อย แต่ด้วยความเหนื่อยล้าและพรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว เลยทำได้แค่ขึ้นไปสองสเต็ป จากนั้นก็เดินลงมาและขอกลับไปหาข้าวกิน (อีกแล้ว)

และมื้อนี้ก็ลงเอยด้วยข้าวหน้าเนื้อหมูที่ Yoshinoya จ้าเพราะง่าย สะดวกที่สุดแล้ว



มื้อเย็นก็อิ่มอร่อยไปแล้ว ขอย้ายถิ่นฐานกลับมาฝั่งเกาลูนด้วยการนั่งเรือกันบ้าง



พอมาถึงฝั่งเกาลูน อาการอยากของหวานกำเริบค่า ต้องถอนค่ะ

ด้วยการเดินๆๆ ไปที่ Charlie Brown Café ร้านน่ารักดุ๊กดิ๊กเหมาะกับเราที่สุดเลย แถมมื้อนี้ก็น่าหม่ำเป็นที่ซุ้ดดดด แถมหม่ำเพลินจนลืมถ่ายรูปอีกดั้วะ! T_______T
ขอปิดท้ายวันนี้ไปด้วยรูปน่ารักๆ ของร้านนี้ค่า.....




วันสุดท้ายของฮ่องกง
เนื่องจากวันนี้เรากลับเช้า เลยต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปยังสนามบิน แต่ก็ยังไม่หยุดกินนะ ฮ่าๆๆ เราจึงมาหยุดอยู่ที่ร้านแถวๆ ที่พักที่จิมซาจุ่ยค่ะ ที่เข้าร้านนี้เพราะว่าเห็นคนต่อคิวเยอะ มั่นใจเลยว่าอร่อยบวกกับกลิ่นทุเรียนมันล่อใจดีแท้ โดยของที่สั่งไปเป็นสองอย่าง
จะมีแป้งจิ้มผงถั่ว + งาและเครปทุเรียน พูดแล้วก็หิว อยากบินกลับไปกินอีกรอบเล่อะ!


กินไปจนอิ่มหนำ มองนาฬิกาก็ต้องรีบบึ่งไปสนามบินแล้ว รู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะค่า


ถึงแม้ว่าจะเป็นทริปสั้นๆ แต่ก็เหมือนเปิดโลกอีกใบให้เราได้และก็ไม่ใช้เงินเยอะมากกว่าที่คิดด้วย เพราะเจ้าบัตรดี๊ดี กราบขอบคุณงามๆ ไปที่บัตรแอร์เอเชียธนาคารกรุงเทพ ถ้าไม่ได้พี่ น้องคงแย่ ต้องเก็บเงินเป็นปีสองปีเป็นแน่แท้ โฮะๆ  
บ๊ายบายนะฮ่องกง แล้วเจอกันใหม่ พาพันชอบ
ชื่อสินค้า:   ฮ่องกง
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่