สวัสดีค่ะ วันนี้ได้มีโอกาสไปขอยกเลิกสมาชิกฟิตเนสเฟิร์สเพราะป่วยมาหลายสัปดาห์ทำให้ไม่สามารถเข้าใช้บริการมาระยะหนึ่ง และตอนนี้แพทย์วินิจฉัยว่าเราจะมีอาการเรื้อรังอีกหลายเดือน จากที่สภาพจิตใจไม่ค่อยดีอยู่แล้ว พอเจอคำตอบของฟิตเนสเฟิร์สเกี่ยวกับการขอยกเลิกสัญญาก็ยิ่งหัวใจจะวาย เพราะมันแสดงถึงความไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคอย่างร้ายกาจที่สุด ขอให้ผู้อ่านรับฟังเรื่องค่ะ
ก่อนอื่นขอเล่าข้อมูลที่ทางฟิตเนสเฟิร์สได้ให้ไว้ คือ เราไม่สามารถทำการยกเลิกสมาชิกได้ เพราะสัญญาเราทำไว้ 1 ปีเต็ม และทาง พนง. ก็เสนอทางเลือกต่างๆ มากมายที่เอาเปรียบผู้บริโภคเหลือเกิน อาทิ ต้องจ่ายค่ารักษาสภาพสมาชิก 20% ของราคาสมาชิก หากเราประสงค์จะหยุดความเป็นสมาชิกไว้ชั่วคราว ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าแค่ครั้งเดียว ในใจก็คิดว่า "โอเคไม่มีปัญหา ถ้าร่างกายพร้อมแล้วค่อยไปเล่นใหม่" แต่เปล่าค่ะ นี่คือค่ารักษาสภาพสมาชิกที่จะต้องถูกหักทุกเดือนระหว่างที่ขอพัก - -'
ซึ่งแน่นอนค่ะว่าตัวเลือกแรก ดิฉันไม่โอเค ทางพนักงานก็เลยเสนอตัวเลือกอื่น ไม่ว่าจะเป็นการโอนสิทธิ์ไปให้ผู้อื่น หรือการดาวน์เกรดสมาชิกจาก 1 ปี มาเป็น 5 เดือน แต่ต้องจ่ายส่วนต่างราคาสมาชิก ซึ่งดิฉันฟังแล้วไม่โอเคกับทุกตัวเลือกที่เสนอมา เลยกลับบ้านมาอ่านสัญญาอีกรอบ ในสัญญาก็ระบุไว้ค่ะว่า "หากมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรจากแพทย์ยืนยันว่าการใช้บริการออกกำลังกายอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ หรือสภาพร่างกายหรือจิตใจผิดปกติ สมาชิกมีสิทธิเลิกสัญญา" ซึ่งพออ่านสัญญาข้อนี้ก็โอเค คิดว่าตัวเองสามารถใช้ข้อสัญญานี้ยกเลิกความเป็นสมาชิกได้
พอทางพนักงานสาขาติดต่อกลับมา ก็โอเคนะคะ พูดคุยด้วยน้ำเสียงโอเค เราก็อธิบายตามความเข้าใจในข้อสัญญา แต่..พนักงานกลับบอกว่าอาการของเราไม่ได้ส่งผลต่อการใช้บริการ แต่เป็นที่เราที่ไม่สามารถเข้าไปใช้บริการเอง ในใจก็เอิ่มแล้วเอิ่มอีก... แล้วก็ยังเสนอตัวเลือก 3 ข้อที่กล่าวไว้ข้างต้นอีกครั้ง เราก็ฟังไปเรื่อยๆ ไม่ได้พูดอะไร พนักงานก็พยายามให้เราเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่ง เราเลยขอปิดการสนทนา "ขอไม่เลือกแล้วกันนะคะ ขอยืนสัญญาไปให้ทาง สคบ. ตัดสินดีกว่าค่ะ"
จากนั้นก็พยายามติดต่อ สคบ. แต่คู่สายเต็มตลอด คิดในใจเอาไงต่อดีละทีนี้ แต่โชคดีคิดขึ้นได้ว่ากรณีนี้น่าจะสามารถปรึกษาพี่ตำรวจได้ เลยโทรไปที่ 191 เพิ่งเคยโทรครั้งแรกนะคะ กดไปปุ๊บมี Auto-greeting อยู่ประมาณ 3 วินาทีก็มีพนักงานรับทันที โดยที่ไม่ต้องเข้าเขาวงกตของระบบ call center ให้ปวดหัวเล่นเหมือนบริการอื่นๆ (ขอปรบมือครั้งที่ 1) จากนั้นเราก็เล่าเรื่องให้ฟัง พนง. รับสายก็แจ้งว่าเดี๋ยวโอนให้ทางฝ่าย กม. แนะนำ เราก็รออยู่แค่ประมาณ 5-10 วินาที ฝ่าย กม. ก็รับ แล้วคุยเรื่องต่อโดยที่เราไม่ต้องเล่าเรื่องอีกครั้ง ดีงามอลังการงานสร้างมากค่ะ (ปรบมือครั้งที่ 2)
พอได้พูดคุยกับพี่ ตร. ฝ่าย กม. ถึงช็อตสำคัญที่ผู้บริโภคอย่างเราต้องปฏิบัติตาม สมาชิกฟิตเนสเฟิร์สท่านไหนที่ต้องการบอกเลิกสัญญาก็สามารถทำได้ที่พี่ ตร. แนะนำตามนี้นะคะ
1) ทำหนังสือขอยกเลิกสัญญา ซึ่งสามารถเขียนได้เองเลยค่ะ โดยในหนังสือต้องระบุสถานที่และวันที่เขียน, คู่สัญญา (เรากับฟิตเนสเฟิร์ส), คำว่า "ขอบอกเลิกสัญญา" พร้อมแจกแจงเหตุผล, คำว่า "ไม่อนุญาตให้หักเงินจากบัตรเครดิต", และลงชื่อตัวเองค่ะ
2) นำหนังสือขอยกเลิกสัญญาไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.
3) นำหนังสือขอยกเลิกสัญญาส่งไปรณีย์แบบลงทะเบียนไปที่อยู่ของคลับที่เราทำสมัครสมาชิกไว้
http://www.fitnessfirst.co.th/th-TH/contact-us/
4) นำเอกสารข้อ 2) 3) และสำเนาข้อ 1) ไปขอระงับการหักเงินรายเดือนที่ธนาคารได้เลยค่ะ
แชร์ประสบการณ์บอกเลิกสัญญาทาสของฟิตเนสเฟิร์ส
ก่อนอื่นขอเล่าข้อมูลที่ทางฟิตเนสเฟิร์สได้ให้ไว้ คือ เราไม่สามารถทำการยกเลิกสมาชิกได้ เพราะสัญญาเราทำไว้ 1 ปีเต็ม และทาง พนง. ก็เสนอทางเลือกต่างๆ มากมายที่เอาเปรียบผู้บริโภคเหลือเกิน อาทิ ต้องจ่ายค่ารักษาสภาพสมาชิก 20% ของราคาสมาชิก หากเราประสงค์จะหยุดความเป็นสมาชิกไว้ชั่วคราว ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าแค่ครั้งเดียว ในใจก็คิดว่า "โอเคไม่มีปัญหา ถ้าร่างกายพร้อมแล้วค่อยไปเล่นใหม่" แต่เปล่าค่ะ นี่คือค่ารักษาสภาพสมาชิกที่จะต้องถูกหักทุกเดือนระหว่างที่ขอพัก - -'
ซึ่งแน่นอนค่ะว่าตัวเลือกแรก ดิฉันไม่โอเค ทางพนักงานก็เลยเสนอตัวเลือกอื่น ไม่ว่าจะเป็นการโอนสิทธิ์ไปให้ผู้อื่น หรือการดาวน์เกรดสมาชิกจาก 1 ปี มาเป็น 5 เดือน แต่ต้องจ่ายส่วนต่างราคาสมาชิก ซึ่งดิฉันฟังแล้วไม่โอเคกับทุกตัวเลือกที่เสนอมา เลยกลับบ้านมาอ่านสัญญาอีกรอบ ในสัญญาก็ระบุไว้ค่ะว่า "หากมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรจากแพทย์ยืนยันว่าการใช้บริการออกกำลังกายอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ หรือสภาพร่างกายหรือจิตใจผิดปกติ สมาชิกมีสิทธิเลิกสัญญา" ซึ่งพออ่านสัญญาข้อนี้ก็โอเค คิดว่าตัวเองสามารถใช้ข้อสัญญานี้ยกเลิกความเป็นสมาชิกได้
พอทางพนักงานสาขาติดต่อกลับมา ก็โอเคนะคะ พูดคุยด้วยน้ำเสียงโอเค เราก็อธิบายตามความเข้าใจในข้อสัญญา แต่..พนักงานกลับบอกว่าอาการของเราไม่ได้ส่งผลต่อการใช้บริการ แต่เป็นที่เราที่ไม่สามารถเข้าไปใช้บริการเอง ในใจก็เอิ่มแล้วเอิ่มอีก... แล้วก็ยังเสนอตัวเลือก 3 ข้อที่กล่าวไว้ข้างต้นอีกครั้ง เราก็ฟังไปเรื่อยๆ ไม่ได้พูดอะไร พนักงานก็พยายามให้เราเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่ง เราเลยขอปิดการสนทนา "ขอไม่เลือกแล้วกันนะคะ ขอยืนสัญญาไปให้ทาง สคบ. ตัดสินดีกว่าค่ะ"
จากนั้นก็พยายามติดต่อ สคบ. แต่คู่สายเต็มตลอด คิดในใจเอาไงต่อดีละทีนี้ แต่โชคดีคิดขึ้นได้ว่ากรณีนี้น่าจะสามารถปรึกษาพี่ตำรวจได้ เลยโทรไปที่ 191 เพิ่งเคยโทรครั้งแรกนะคะ กดไปปุ๊บมี Auto-greeting อยู่ประมาณ 3 วินาทีก็มีพนักงานรับทันที โดยที่ไม่ต้องเข้าเขาวงกตของระบบ call center ให้ปวดหัวเล่นเหมือนบริการอื่นๆ (ขอปรบมือครั้งที่ 1) จากนั้นเราก็เล่าเรื่องให้ฟัง พนง. รับสายก็แจ้งว่าเดี๋ยวโอนให้ทางฝ่าย กม. แนะนำ เราก็รออยู่แค่ประมาณ 5-10 วินาที ฝ่าย กม. ก็รับ แล้วคุยเรื่องต่อโดยที่เราไม่ต้องเล่าเรื่องอีกครั้ง ดีงามอลังการงานสร้างมากค่ะ (ปรบมือครั้งที่ 2)
พอได้พูดคุยกับพี่ ตร. ฝ่าย กม. ถึงช็อตสำคัญที่ผู้บริโภคอย่างเราต้องปฏิบัติตาม สมาชิกฟิตเนสเฟิร์สท่านไหนที่ต้องการบอกเลิกสัญญาก็สามารถทำได้ที่พี่ ตร. แนะนำตามนี้นะคะ
1) ทำหนังสือขอยกเลิกสัญญา ซึ่งสามารถเขียนได้เองเลยค่ะ โดยในหนังสือต้องระบุสถานที่และวันที่เขียน, คู่สัญญา (เรากับฟิตเนสเฟิร์ส), คำว่า "ขอบอกเลิกสัญญา" พร้อมแจกแจงเหตุผล, คำว่า "ไม่อนุญาตให้หักเงินจากบัตรเครดิต", และลงชื่อตัวเองค่ะ
2) นำหนังสือขอยกเลิกสัญญาไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.
3) นำหนังสือขอยกเลิกสัญญาส่งไปรณีย์แบบลงทะเบียนไปที่อยู่ของคลับที่เราทำสมัครสมาชิกไว้
http://www.fitnessfirst.co.th/th-TH/contact-us/
4) นำเอกสารข้อ 2) 3) และสำเนาข้อ 1) ไปขอระงับการหักเงินรายเดือนที่ธนาคารได้เลยค่ะ