ก่อนอื่นดิฉันขอชี้แจงเรื่องคดีบัตรเครดิตถูกขโมยและถูกนำไปรูดใช้จ่าย ก่อนการอายัดบัตรของดิฉันนะคะ
เหตุเกิดที่ ประเทศ อเมริกา ในระหว่างที่ดิฉันไปท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2558
เมืองไมอามี่ รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
10.30 น.(เวลาในประเทศอเมริกา) ดิฉันพบว่า รถเช่าถูกทุบกระจก และกระเป๋าถูกขโมยไป หลังจากทราบ ก็รีบแจ้งความ ตำรวจเดินทางมาที่เกิดเหตุ และสอบสวนตามขั้นตอน ในระหว่างนั้นดิฉันได้พยายามหาทางโทรกลับมายังประเทศไทยเพื่ออายัดบัตรเครดิตที่หายไป แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว หลังจากโทรอายัดบัตรเครดิตของธนาคารแห่งหนึ่ง!! (11.53 น.) ก็ได้ทราบว่า มีการใช้จ่ายผ่านบัตรไปถึง 4 รายการเป็นจำนวนเงินรวม 60,000 กว่าบาทแล้วก่อนที่จะโทรมาอายัด
ดิฉันได้ทำการยื่นปฏิเสธรายการไปยังธนาคารเจ้าของบัตรภายใน 2 วันหลังเกิดเหตุ หลังจากธนาคารตรวจสอบและแจ้งกลับมาว่า ดิฉันยังคงจะต้องจ่ายยอดหนี้ที่ปรากฏขึ้นก่อนการอายัด ซึ่งดิฉันมองว่าไม่เป็นธรรมจึงได้ ร้องเรียนไปยัง ธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ทาง ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่มีอำนาจบังคับทางกฏหมาย จึงแนะนำให้ดิฉันไปร้องเรียนที่สำนักงานอัยการพิเศษ คดีคุ้มครองผู้บริโภค และในวันที่ 5 เมษายน 2559 นี้เอง ดิฉันได้ถูกเรียกไปเจรจาไกล่เกลี่ยกับธนาคาร ซึ่ง เจ้าหน้าที่ธนาคารได้ยื่นข้อเสนอบรรเทาทุกข์โดยให้จ่ายคนละ 50% ของยอดหนี้ แต่ดิฉันปฏิเสธการบรรเทาทุกข์ไปเนื่องจากดิฉันมองเห็นถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารจึงแจ้งว่า ดิฉันต้องรอทางธนาคารทำเรื่องฟ้องมา โดยที่ดิฉันต้องจัดหาทนายความไปว่าความด้วยตนเองค่ะ
จึงอยากขอสอบถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ว่า ใครพอจะทราบเรื่องค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างทนายความเพื่อทำคดีลักษณะนี้บ้างคะ แพงไหม และเราจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างตั้งแต่โดนฟ้องไปจนถึงคดีเสร็จสิ้น
ปล. ส่วนตัวรู้สึกเสียความรู้สึกกับการปฏิบัติงานของธนาคาร และกังวลเรื่องของการขึ้นโรงขึ้นศาล รวมถึงการเสียเครดิตด้วยค่ะ
ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยตอบคำถามและแนะนำไว้ล่วงหน้านะคะ
ค่าว่าจ้างทนายความ เพื่อสู้คดีบัตรเครดิตถูกขโมยและนำไปใช้
เหตุเกิดที่ ประเทศ อเมริกา ในระหว่างที่ดิฉันไปท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2558
เมืองไมอามี่ รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
10.30 น.(เวลาในประเทศอเมริกา) ดิฉันพบว่า รถเช่าถูกทุบกระจก และกระเป๋าถูกขโมยไป หลังจากทราบ ก็รีบแจ้งความ ตำรวจเดินทางมาที่เกิดเหตุ และสอบสวนตามขั้นตอน ในระหว่างนั้นดิฉันได้พยายามหาทางโทรกลับมายังประเทศไทยเพื่ออายัดบัตรเครดิตที่หายไป แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว หลังจากโทรอายัดบัตรเครดิตของธนาคารแห่งหนึ่ง!! (11.53 น.) ก็ได้ทราบว่า มีการใช้จ่ายผ่านบัตรไปถึง 4 รายการเป็นจำนวนเงินรวม 60,000 กว่าบาทแล้วก่อนที่จะโทรมาอายัด
ดิฉันได้ทำการยื่นปฏิเสธรายการไปยังธนาคารเจ้าของบัตรภายใน 2 วันหลังเกิดเหตุ หลังจากธนาคารตรวจสอบและแจ้งกลับมาว่า ดิฉันยังคงจะต้องจ่ายยอดหนี้ที่ปรากฏขึ้นก่อนการอายัด ซึ่งดิฉันมองว่าไม่เป็นธรรมจึงได้ ร้องเรียนไปยัง ธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ทาง ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่มีอำนาจบังคับทางกฏหมาย จึงแนะนำให้ดิฉันไปร้องเรียนที่สำนักงานอัยการพิเศษ คดีคุ้มครองผู้บริโภค และในวันที่ 5 เมษายน 2559 นี้เอง ดิฉันได้ถูกเรียกไปเจรจาไกล่เกลี่ยกับธนาคาร ซึ่ง เจ้าหน้าที่ธนาคารได้ยื่นข้อเสนอบรรเทาทุกข์โดยให้จ่ายคนละ 50% ของยอดหนี้ แต่ดิฉันปฏิเสธการบรรเทาทุกข์ไปเนื่องจากดิฉันมองเห็นถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารจึงแจ้งว่า ดิฉันต้องรอทางธนาคารทำเรื่องฟ้องมา โดยที่ดิฉันต้องจัดหาทนายความไปว่าความด้วยตนเองค่ะ
จึงอยากขอสอบถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ว่า ใครพอจะทราบเรื่องค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างทนายความเพื่อทำคดีลักษณะนี้บ้างคะ แพงไหม และเราจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างตั้งแต่โดนฟ้องไปจนถึงคดีเสร็จสิ้น
ปล. ส่วนตัวรู้สึกเสียความรู้สึกกับการปฏิบัติงานของธนาคาร และกังวลเรื่องของการขึ้นโรงขึ้นศาล รวมถึงการเสียเครดิตด้วยค่ะ
ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยตอบคำถามและแนะนำไว้ล่วงหน้านะคะ