ขออนุญาตท่านผู้รู้ในห้องนี้ด้วยค่ะ เข้าเรื่องเลยละกันค่ะ เมื่อปลายเดือน ธค 58 ไปประมูลซื้อบ้านจากกรมบังคับคดี ที่ประกาศขายทอดตลาด บอกว่าเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ขนาด 6*9 เมตร ซึ่งพอเราเห็นรูปบ้านที่กรมบังคับคดีเอาขึ้นบนเว็บก็เลยสนใจ ราคาก็พอสู้ไหว (เป็นเงินเก็บมาทั้งชีวิตกันเลยทีเดียว)
ประวัติการประมูลที่ดินแปลงนี้ คือ เป็นการเอาออกขายทอดตลาดครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกมีคนมาวางเงินประกันไว้แล้ว 250,000 บาท แต่ทิ้งการประมูลไป ครั้งที่ 2 ที่เราไปประมูล เค้าเลยกำหนดเงินประกันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว 500,000 บาท (เราไม่ทราบเหตุผลของการทิ้งเงินประกันของคนแรกนะคะ ได้แต่เดาไปต่างๆนานา)
ระหว่างที่รอการประมูล เรายกป้ายประมูลได้แล้วหล่ะ แต่จำเลยขอค้าน เค้าเลยเลื่อนนัดวันออกไปอีก ให้จำเลยไปหาคนมาประมูลแข่ง แต่เราไม่เคยได้พูดคุยกับจำเลยเลย ต่างคนเซ็นชื่อเสร็จก็แยกย้ายใครมัน หลังจากนั้นเราก็ส่งคนเข้าไปที่บ้านหลังนั้น เพื่อไปตรวจดูทรัพย์สิน ซึ่งก็อยู่ในสภาพปกติดี สอบภามคนในบ้าน ซึ่งก็มีแต่ยายแก่ 1 คน กับหลานเล็ก 1 คนอาศัยอยู่ ก็ตอบแบบ อาจจะจริงหรือไม่จริงเราไม่ทราบ แต่ตอนนั้นยายคนนี้บอกว่า บ้านนี้ที่โดนยึด ลูกสาวไปเคลียร์กับธนาคารเรียบร้อยแล้ว ไม่ขายแล้ว (เราก็คิดแต่ว่า ยายคนนี้แกล้งหลอกคนทั่วไปเพื่อไม่ต้องมาประมูลบ้านรึเปล่า เพราะถ้าเรียบร้อยจริง บ้านจะมาประกาศขายอยู่แบบนี้ได้ยังไง หรือลูกสาวโกหกแกให้สบายใจ?) หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปพูดคุยแต่อย่างใด ได้แต่แอบดูอยู่ข้างนอก เพราะท่าทางยายแกไม่อยากเจรจาเรื่องบ้านซักเท่าไหร่
วันที่เราประมูลได้ เราก็ส่งคนเข้าไปที่บ้านอีก ยายแก่ก็บอกว่า ใครซื้อบ้านหลังนี้ก็โง่เต็มที เพราะบ้านหลังนี้มันอยู่ 2 โฉนด และเจ้าของคนละคนกัน ที่ที่เราซื้อ ได้แค่หน้าบันไดไปถึงกำแพงแค่นั้นแหล่ะ
อ้าววววว แบบนี้ได้ไง เราก็คิดเนอะ เพราะถ้าเป็นอย่างที่ยายว่า ที่มันไม่ถึง 2 งาน 60 ตารางวาแน่นอน เพราะมันแคบมาก ตามโฉนดก็เป็นสี่เหลี่ยมผึนผ้าดีๆนี่นา เลยหาข้อมูลจากภาพถ่ายทางอากาศของกรมที่ดินก็ได้ออกมาแบบนี้
โฉนดตามภาพที่ปักหมุด เป็นชื่อของนางสาว A เราซื้อแปลงข้างๆด้านซ้าย ก็เห็นแหล่ะว่าบ้านเราล้ำไปที่ของเขาบางส่วน ตอนนั้นก็คิดว่า เราให้รังวัดมาวัดที่ดินก่อนจะได้เห็นแนวเขตที่ชัดเจน ส่วนจะล้ำไปก็คงต้องเจรจากับที่ข้างๆ อาจต้องจ่ายเค้าเพิ่ม ก็จะยอมจ่าย (แต่ต้องไม่แพงเวอร์นะ)
หลังจากนั้นก็เลยเข้าไปคุยกับยายที่อยู่ในบ้านอีกรอบ ยายแกไม่ยอมคุยดีๆด้วยเลย (วันนั้นพาผู้ใหญ่บ้านไปด้วยนะ เป็นพยาน) ยายเห็นผู้ใหญ่บ้านไปด้วยเลยยอมคุยด้วย (กับผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น) และต่อสายให้คุยกับลูกสาว (นางสาว A ที่เป็นเจ้าของที่ เลขที่ 165 ซึ่งเป็นที่ข้างๆที่เราซื้อ ที่เราซื้อได้เลขที่ 164) ยายแกจะต่อให้ผู้ใหญ่บ้านคุยหน่ะแหละ แต่ ผญบ ก็เอาโทรศัพท์มาให้เราคุย ทางนั้นก็ว่าคุณจะซื้อทำไมไม่สืบดูว่าที่มันมีปัญหามั้ย (คิดในใจว่า จะไปสืบยังไงวะ ใครจะบอกได้ ในเมื่อคุณที่คุยด้วยก็ไม่อยู่ให้ถาม ยายอยู่บ้านก็บ่ายเบี่ยงไม่พูดความจริงซักครั้ง) นางสาว A ก็พูดว่าบ้านหลังนี้มันอยู่ในที่ของเขาด้วย ที่ของเราด้วย คือ คาบเกี่ยวทั้ง 2 โฉนด เขาก็พูดประมาณว่าบ้านก็เป็นของเขา จะให้เขาออกจากบ้านหลังนี้ไม่ได้ประมาณนี้ ก็พูดว่า บอกธนาคารออมสินแล้วนะว่าขายทอดตลาดไม่ได้ เพราะมันบ้านหลังนี้ติด ธ.อีกที่นึง ไม่ได้ติดออมสินที่เดียว (งงเลย ตอนนั้นนึกไม่ออกว่าเค้าพูดเรื่องอะไร บ้านหลังเดียวจะเอาเข้าธนาคารได้ 2 ที่เลยหรอ เซียนเกินไปรึเปล่า ก็เลยไม่ค่อยเชื่อที่เขาพูดเท่าไหร่) เราก็เลยถามเขาแบบขอสรุปเลยละกัน จะออกหรือจะไม่ออก (ตอนแรกก็ว่าจะเจรจาให้ออกดีๆ จะช่วยค่าขนย้าย แต่เหมือนเขาไม่อยากคุยดีด้วยเลย ให้กฎหมายช่วยดีกว่า) คำตอบคือ ไม่ออก เลยไม่ได้คุยต่อ ไปหาทนาย ยื่นคำร้องไปหาศาล เพื่อขับไล่คนในบ้านออก
ระหว่างนี้ก็โทรไปถาม ธ.ออมสิน ว่า เจ้าหน้าที่ปล่อยเงินกู้ ได้รังวัดที่ดินก่อนปล่อยเงินกู้มั้ย เพราะเหมือนกับว่าบ้านที่ ธ.ปล่อยเงินมาให้จำเลยนั้น มันไม่ได้อยู่ในโฉนดที่เอามายื่น โฉนดเดียวนะ เจ้าหน้าที่ก็ยอมรับมาว่า ไม่ได้รังวัดอะไรเลย ดูตามเอกสารจากกรมที่ดิน ว่างั้น ตรงนี้กะว่าจะได้เอกสารรังวัดมาดูหน่อย ก็เลยฟาว
หลังจากนั้นครบกำหนด 45 วัน เกินมานิดหน่อยก็เลยโทรไปถามศาล เค้าก็บอกว่ามีคนมาคัดค้าน ให้การประมูลซื้อบ้านของเราเป็นโมฆะ (นางสาว A เป็นผู้คัดค้าน) โดยให้เหตุผลว่า บ้านหลังนี้อยู่ในโฉนดเลขที่ 165 ไม่ใช่โฉนดที่เราซื้อจากกรมบังคับคดี การซื้อขายนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย อ้าวววววว อีกรอบ ไหงเป็นงี้หล่ะ เราเลยไปที่ ที่ดิน เพื่อขอคัดสาระบบของโฉนดเลขที่ 165 ของเค้า ก็ได้รู้ความจริงว่า โฉนด 164 และ 165 เดิมเป็นชื่อคนๆเดียวกัน คือนางสาว B ซึ่งเป็นจำเลยในคดีของเรา นางสาว B ได้ที่ดิน 2 ผืนนี้จากลุง เป็นการให้โดยเสน่หา ณ ตอนที่ยกให้นั้น ในโฉนดทั้งสองใบ ระบุว่า กำลังก่อสร้างบ้านขนาด.... เหมือนกันทั้ง 2 ใบ
ต่อมา นางสาว B ก็มาขายโฉนดเลขที่ 165 ให้ นางสาว A (สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน) สัญญาซื้อขายก็ระบุว่าที่ดินที่ซื้อขายมีบ้านเลขที่ 2222 ซึ่งเป็นบ้านเลขที่เดียวกัน กับโฉนด 164 ของเราด้วย อ้าวววววววอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่เนี่ย
และโฉนด 164 นางสาว B เอาไปจำนองไว้กับ ธ.ออมสิน (โดนยึดขายทอดตลาด เราก็มาซื้อ) ส่วนโฉนด 165 นางสาว A เอาไปจำนองไว้กับ ธ.อาคารสงเคราะห์ (ถ้าจำไม่ผิด) ตอนนี้ก็คงผ่อนอยู่มั้ง ที่ดินทั้งสองแปลงนี้เอาไปยื่นกู้กับธนาคาร บอกกับธนาคารว่า บ้านหลังนี้รวมอยู่ด้วยทั้ง 2 สัญญาเลย พี่น้องสองคนนี้ก็ได้เงินจากธนาคารมาคนละหลายแสน
ขอสอบถามเลยละกันนะคะ (รายละเอียดพิมพ์แบบรีบๆ ถ้าไม่ครบถ้วนขออภัย สอบถามมา จะหามาให้เพิ่มค่ะ
1 เป็นแบบนี้แล้ว แนวโน้มของมีคำสั่งศาลจะออกมาในรูปแบบไหนคะ
2 ศาลนัดไปฟังคำสั่งวันที่ 2 พค นี้ ระหว่างนี้เราควรดำเนินการอย่างไรได้บ้างคะ เพราะไม่ให้ตกเป็นผู้เสียเปรียบทางกฎหมาย
3 กรณีศาลสั่งว่า ให้การประมูลซื้อขายของเราเป็นโมฆะ หลังจากนั้น เราจะได้เงินคืนมั้ย ธ.ออมสิน หรือ กรมบังคับคดี จะรับผิดชอบอะไรมั้ยคะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำดีค่ะ
ซื้อบ้านพร้อมที่ดินจากกรมบังคับคดีแล้ว มารู้ทีหลังว่าบ้านหลังนี้มีชื่อปรากฎบนโฉนด 2 ใบ ศาลจะตัดสินออกมายังไงคะ
ประวัติการประมูลที่ดินแปลงนี้ คือ เป็นการเอาออกขายทอดตลาดครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกมีคนมาวางเงินประกันไว้แล้ว 250,000 บาท แต่ทิ้งการประมูลไป ครั้งที่ 2 ที่เราไปประมูล เค้าเลยกำหนดเงินประกันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว 500,000 บาท (เราไม่ทราบเหตุผลของการทิ้งเงินประกันของคนแรกนะคะ ได้แต่เดาไปต่างๆนานา)
ระหว่างที่รอการประมูล เรายกป้ายประมูลได้แล้วหล่ะ แต่จำเลยขอค้าน เค้าเลยเลื่อนนัดวันออกไปอีก ให้จำเลยไปหาคนมาประมูลแข่ง แต่เราไม่เคยได้พูดคุยกับจำเลยเลย ต่างคนเซ็นชื่อเสร็จก็แยกย้ายใครมัน หลังจากนั้นเราก็ส่งคนเข้าไปที่บ้านหลังนั้น เพื่อไปตรวจดูทรัพย์สิน ซึ่งก็อยู่ในสภาพปกติดี สอบภามคนในบ้าน ซึ่งก็มีแต่ยายแก่ 1 คน กับหลานเล็ก 1 คนอาศัยอยู่ ก็ตอบแบบ อาจจะจริงหรือไม่จริงเราไม่ทราบ แต่ตอนนั้นยายคนนี้บอกว่า บ้านนี้ที่โดนยึด ลูกสาวไปเคลียร์กับธนาคารเรียบร้อยแล้ว ไม่ขายแล้ว (เราก็คิดแต่ว่า ยายคนนี้แกล้งหลอกคนทั่วไปเพื่อไม่ต้องมาประมูลบ้านรึเปล่า เพราะถ้าเรียบร้อยจริง บ้านจะมาประกาศขายอยู่แบบนี้ได้ยังไง หรือลูกสาวโกหกแกให้สบายใจ?) หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปพูดคุยแต่อย่างใด ได้แต่แอบดูอยู่ข้างนอก เพราะท่าทางยายแกไม่อยากเจรจาเรื่องบ้านซักเท่าไหร่
วันที่เราประมูลได้ เราก็ส่งคนเข้าไปที่บ้านอีก ยายแก่ก็บอกว่า ใครซื้อบ้านหลังนี้ก็โง่เต็มที เพราะบ้านหลังนี้มันอยู่ 2 โฉนด และเจ้าของคนละคนกัน ที่ที่เราซื้อ ได้แค่หน้าบันไดไปถึงกำแพงแค่นั้นแหล่ะ
อ้าววววว แบบนี้ได้ไง เราก็คิดเนอะ เพราะถ้าเป็นอย่างที่ยายว่า ที่มันไม่ถึง 2 งาน 60 ตารางวาแน่นอน เพราะมันแคบมาก ตามโฉนดก็เป็นสี่เหลี่ยมผึนผ้าดีๆนี่นา เลยหาข้อมูลจากภาพถ่ายทางอากาศของกรมที่ดินก็ได้ออกมาแบบนี้
โฉนดตามภาพที่ปักหมุด เป็นชื่อของนางสาว A เราซื้อแปลงข้างๆด้านซ้าย ก็เห็นแหล่ะว่าบ้านเราล้ำไปที่ของเขาบางส่วน ตอนนั้นก็คิดว่า เราให้รังวัดมาวัดที่ดินก่อนจะได้เห็นแนวเขตที่ชัดเจน ส่วนจะล้ำไปก็คงต้องเจรจากับที่ข้างๆ อาจต้องจ่ายเค้าเพิ่ม ก็จะยอมจ่าย (แต่ต้องไม่แพงเวอร์นะ)
หลังจากนั้นก็เลยเข้าไปคุยกับยายที่อยู่ในบ้านอีกรอบ ยายแกไม่ยอมคุยดีๆด้วยเลย (วันนั้นพาผู้ใหญ่บ้านไปด้วยนะ เป็นพยาน) ยายเห็นผู้ใหญ่บ้านไปด้วยเลยยอมคุยด้วย (กับผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น) และต่อสายให้คุยกับลูกสาว (นางสาว A ที่เป็นเจ้าของที่ เลขที่ 165 ซึ่งเป็นที่ข้างๆที่เราซื้อ ที่เราซื้อได้เลขที่ 164) ยายแกจะต่อให้ผู้ใหญ่บ้านคุยหน่ะแหละ แต่ ผญบ ก็เอาโทรศัพท์มาให้เราคุย ทางนั้นก็ว่าคุณจะซื้อทำไมไม่สืบดูว่าที่มันมีปัญหามั้ย (คิดในใจว่า จะไปสืบยังไงวะ ใครจะบอกได้ ในเมื่อคุณที่คุยด้วยก็ไม่อยู่ให้ถาม ยายอยู่บ้านก็บ่ายเบี่ยงไม่พูดความจริงซักครั้ง) นางสาว A ก็พูดว่าบ้านหลังนี้มันอยู่ในที่ของเขาด้วย ที่ของเราด้วย คือ คาบเกี่ยวทั้ง 2 โฉนด เขาก็พูดประมาณว่าบ้านก็เป็นของเขา จะให้เขาออกจากบ้านหลังนี้ไม่ได้ประมาณนี้ ก็พูดว่า บอกธนาคารออมสินแล้วนะว่าขายทอดตลาดไม่ได้ เพราะมันบ้านหลังนี้ติด ธ.อีกที่นึง ไม่ได้ติดออมสินที่เดียว (งงเลย ตอนนั้นนึกไม่ออกว่าเค้าพูดเรื่องอะไร บ้านหลังเดียวจะเอาเข้าธนาคารได้ 2 ที่เลยหรอ เซียนเกินไปรึเปล่า ก็เลยไม่ค่อยเชื่อที่เขาพูดเท่าไหร่) เราก็เลยถามเขาแบบขอสรุปเลยละกัน จะออกหรือจะไม่ออก (ตอนแรกก็ว่าจะเจรจาให้ออกดีๆ จะช่วยค่าขนย้าย แต่เหมือนเขาไม่อยากคุยดีด้วยเลย ให้กฎหมายช่วยดีกว่า) คำตอบคือ ไม่ออก เลยไม่ได้คุยต่อ ไปหาทนาย ยื่นคำร้องไปหาศาล เพื่อขับไล่คนในบ้านออก
ระหว่างนี้ก็โทรไปถาม ธ.ออมสิน ว่า เจ้าหน้าที่ปล่อยเงินกู้ ได้รังวัดที่ดินก่อนปล่อยเงินกู้มั้ย เพราะเหมือนกับว่าบ้านที่ ธ.ปล่อยเงินมาให้จำเลยนั้น มันไม่ได้อยู่ในโฉนดที่เอามายื่น โฉนดเดียวนะ เจ้าหน้าที่ก็ยอมรับมาว่า ไม่ได้รังวัดอะไรเลย ดูตามเอกสารจากกรมที่ดิน ว่างั้น ตรงนี้กะว่าจะได้เอกสารรังวัดมาดูหน่อย ก็เลยฟาว
หลังจากนั้นครบกำหนด 45 วัน เกินมานิดหน่อยก็เลยโทรไปถามศาล เค้าก็บอกว่ามีคนมาคัดค้าน ให้การประมูลซื้อบ้านของเราเป็นโมฆะ (นางสาว A เป็นผู้คัดค้าน) โดยให้เหตุผลว่า บ้านหลังนี้อยู่ในโฉนดเลขที่ 165 ไม่ใช่โฉนดที่เราซื้อจากกรมบังคับคดี การซื้อขายนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย อ้าวววววว อีกรอบ ไหงเป็นงี้หล่ะ เราเลยไปที่ ที่ดิน เพื่อขอคัดสาระบบของโฉนดเลขที่ 165 ของเค้า ก็ได้รู้ความจริงว่า โฉนด 164 และ 165 เดิมเป็นชื่อคนๆเดียวกัน คือนางสาว B ซึ่งเป็นจำเลยในคดีของเรา นางสาว B ได้ที่ดิน 2 ผืนนี้จากลุง เป็นการให้โดยเสน่หา ณ ตอนที่ยกให้นั้น ในโฉนดทั้งสองใบ ระบุว่า กำลังก่อสร้างบ้านขนาด.... เหมือนกันทั้ง 2 ใบ
ต่อมา นางสาว B ก็มาขายโฉนดเลขที่ 165 ให้ นางสาว A (สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน) สัญญาซื้อขายก็ระบุว่าที่ดินที่ซื้อขายมีบ้านเลขที่ 2222 ซึ่งเป็นบ้านเลขที่เดียวกัน กับโฉนด 164 ของเราด้วย อ้าวววววววอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่เนี่ย
และโฉนด 164 นางสาว B เอาไปจำนองไว้กับ ธ.ออมสิน (โดนยึดขายทอดตลาด เราก็มาซื้อ) ส่วนโฉนด 165 นางสาว A เอาไปจำนองไว้กับ ธ.อาคารสงเคราะห์ (ถ้าจำไม่ผิด) ตอนนี้ก็คงผ่อนอยู่มั้ง ที่ดินทั้งสองแปลงนี้เอาไปยื่นกู้กับธนาคาร บอกกับธนาคารว่า บ้านหลังนี้รวมอยู่ด้วยทั้ง 2 สัญญาเลย พี่น้องสองคนนี้ก็ได้เงินจากธนาคารมาคนละหลายแสน
ขอสอบถามเลยละกันนะคะ (รายละเอียดพิมพ์แบบรีบๆ ถ้าไม่ครบถ้วนขออภัย สอบถามมา จะหามาให้เพิ่มค่ะ
1 เป็นแบบนี้แล้ว แนวโน้มของมีคำสั่งศาลจะออกมาในรูปแบบไหนคะ
2 ศาลนัดไปฟังคำสั่งวันที่ 2 พค นี้ ระหว่างนี้เราควรดำเนินการอย่างไรได้บ้างคะ เพราะไม่ให้ตกเป็นผู้เสียเปรียบทางกฎหมาย
3 กรณีศาลสั่งว่า ให้การประมูลซื้อขายของเราเป็นโมฆะ หลังจากนั้น เราจะได้เงินคืนมั้ย ธ.ออมสิน หรือ กรมบังคับคดี จะรับผิดชอบอะไรมั้ยคะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำดีค่ะ