ชาวพันทิปช่วยผมออกแบบหอกรองอากาศหน่อย

ตอนนี้ปัญหาหมอกควันในภาคเหนือก็รุนแรงตามคาด
แม้ว่ามันจะเป็นแค่ช่วงเวลาก่อนหน้าร้อน แต่ก็สร้างผลกระทบ
ทางสุขภาพมิใช่น้อย เช่นหอบหืด โรคหัวใจเป็นต้น
จริงๆแล้วปัญหานี้เหมือนจะแก้ไม่ได้ ที่ผ่านมากิจกรรมต่างๆ
เช่นพ่นน้ำตามถนนพูดได้ว่า
เป็นปฏิบัติการจิตวิทยามากกว่าได้ผลจริง
ทางออกที่ทำได้ตอนนี้คือสร้างหอกรองอากาศขนาดยักษ์
ซึ่งมีหลายแบบ อย่างเช่นแบบของฮอลแลนด์ตามในภาพ

แต่เนื่องจากประเทศไทย มลพิษหนักมากๆๆและทุนน้อย
ผมอยากทำหอกรองอากาศอย่างง่าย โดยใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์
เป็นตัวขับดันอากาศผ่านไส้กรองอากาศ โดยสร้างเป็นหอขนาดยักษ์
แต่ทำด้วยวัสดุราคาถูกเช่นผ้าใบ เหมือนในรูป

ประมาณว่าคล้ายๆเอาผ้าใบขนาดใหญ่ไปคลุมเสาโทรศัพท์
โดยเวลาเกิดพายุ หรือกลางคืนอาจม้วนเก็บทางด้านข้าง

เนื่องจากผมไม่ใช่วิศวกร
อยากให้เพื่อนสมาชิกช่วยออกแบบหอที่ถูกหลักวิศวกรรมด้วย
ประมาณว่าตั้งอำเภอละเครื่อง
หรือใครจะช่วยออกแบบส่วนกรองอากาศด้วยก็ยิ่งดี
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
สิ่งที่พอทำได้ จึงไม่ใช่การไปสร้างเครื่องฟอกอากาศให้ทุกคน
แต่คือการฟอกอากาศให้บริสุทธิ์พอ สำหรับให้ตัวเราเองและคนในบ้านได้หายใจก่อน


วิธีการโดยทั่วไปก็คือ ต้องจำกัดพื้นที่ของอากาศก่อน โดยปิดห้องปิดประตูหน้าต่าง

จากนั้นก็เปิดเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองฝุ่นละเอียดได้
เพื่อกรองอากาศในห้องให้สะอาด แล้วก็ไปหายใจอยู่ในห้องนั้น
เครื่องฟอกอากาศ/เครื่องกรองอากาศ ที่สามารถดักจับฝุ่นควันไฟพวกนี้ได้
จะต้องเป็นแบบมีกรองละเอียด Hepa Filter ขึ้นไป
ซึ่งราคาในเมืองไทยจะตกอยู่เครื่องละเกือบหมื่น จนถึงหลายหมื่นบาท
และยังต้องคอยเปลี่ยนตัวกรองอากาศอยู่เรื่อยๆอีก (Hepa Filter ไม่เหมาะเอาไปไปล้างน้ำใช้ซ้ำ)




หรือจะใช้วิธีอื่นที่ประหยัดงบกว่านั้น คือการใช้น้ำ / ความชื้นเข้าสู้
เพราะการใช้ความชื้นเข้าสู้นี้ คืออาวุธในธรรมชาติที่ใช้ต่อกรกับฝุ่นหมอกควันไฟได้โดยตรง
แต่ถ้าทำกับห้องปิดช่วงกลางวัน อาจทำให้ห้องรู้สึกอบอ้าว ก็ให้ใช้แอร์ช่วยลดความชื้นเป็นระยะๆ
ถ้าทำกับห้องเปิด มีทางอากาศถ่ายเท ก็จะยังสบายตัวอยู่ แต่ประสิทธิภาพการลดฝุ่นละอองในห้องก็จะลดลงไป


อย่างง่ายที่สุด คือเอาผ้าชุบน้ำเช็ดพื้นห้องบ่อยๆ
ได้ทั้งเช็ดฝุ่นเก่าออกไป และได้เติมความชื้นใหม่ให้ห้อง
วิธีนี้ประหยัดเงิน แต่ก็ได้ผลน้อย


วิธีต่อมาคือ สร้างหัวพ่นน้ำแบบละอองฝอยละเอียด แล้วโปรยละอองน้ำให้มีพื้นที่สัมผัสกับอากาศให้นานที่สุด

ถ้าเจ้าของกระทู้ คิดอยากจะสร้างหอสูงกรองอากาศสำหรับสู้ฝุ่นควันไฟ
ก็แนะนำให้ประดิษฐ์หอติดหัวพ่นหมอกอย่างนี้แหละ ให้มันคอยพ่นน้ำเป็นละอองฝอยลงมาก็พอแล้ว



ภาพของคุณคุ้มข้าวกล้อง จากกระทู้ปี 2558 DIY ที่พ่นละอองหมอกน้ำ งบ 40 บาท สู้ภาวะหมอกควันภาคเหนือ
ถ้าใช้หัวพ่นแบบที่แนะนำ ด้วยแรงดันน้ำประปาธรรมดา หนึ่งหัวพ่นจะใช้น้ำประมาณนาทีละแก้ว/ ไม่ถึง 150 ml นับว่าใช้น้ำได้ประหยัดและคุ้มค่ามาก

เมืองเชียงใหม่สมัยผู้ว่าคนก่อนๆ เวลามีปัญหาหมอกควันก็เคยมีการตั้งจุดพ่นละอองน้ำอย่างนี้นะ แต่น่าจะเป็นหัวพ่นเหล็กแรงดันสูงต่อตรงกับปั๊มน้ำ ค่าใช้จ่ายเป็นหมื่นแต่ได้ละอองน้ำที่ละเอียดโดนตัวไม่เปียก
เห็นเคยทำไว้ตามสะพานลอย กับสองข้างสะพานนวรัฐ
ทำเรื่องง่ายๆ พื้นๆ แค่นี้แหละ แต่เทียบแล้วคุ้มค่าและได้ผลในการกรองฝุ่นควันออกจากอากาศดีที่สุดแล้ว

(ส่วนที่เอาน้ำขนขึ้นเครื่องบินไปโปรยบนฟ้าเพื่ออวดชาวบ้าน หรือเอารถบรรทุกน้ำขับพ่นน้ำไปทั่วเมืองอย่างทุกปีๆ นั่นไร้สาระและสิ้นเปลืองทั้งน้ำและค่าใช้จ่ายมาก แค่ไอเสียของเครื่องยนต์ที่บรรทุกน้ำไปพ่นก็เกิดควันใหม่ขึ้นมากกว่าน้ำที่บรรทุกมาจะชะออกได้แล้ว ลงทุนไม่คุ้มต่อผลอย่างเทียบกันไม่ได้เลย)




หรือมีอีกวิธีหนึ่ง ลงทุน แต่ไม่แพงเท่าเครื่องกรองอากาศ
ก็คือใช้พัดลมไอน้ำ /พัดลมไอเย็น



ในภาพเป็นพัดลมไอน้ำรุ่นโบราณ หาซื้อไม่ได้แล้ว
ใช้คลื่นเสียงอัตร้าโซนิคสร้างไอน้ำ สามารถแยกเปิดใช้งานเฉพาะส่วนไอน้ำได้โดยไม่ต้องเปิดพัดลม

ส่วนพัดลมไอน้ำรุ่นใหม่ๆที่มีขายปัจจุบัน เห็นใช้วิธีพ่นน้ำแล้วเอาลมเป่า จึงต้องเปิดพัดลมให้ทำงานไปด้วยเสมอ
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2,500 - 3,000 บาทขึ้นไป
พัดลมไอน้ำเติมความชื้นให้อากาศได้ค่อนข้างมาก

พัดลมไอเย็น ใช้น้ำเวียนไปรดผ่านแผงทำความเย็น
อาศัยหลักการระเหยของน้ำช่วยดึงความร้อนออกไปด้วย ทำให้อากาศที่ผ่านออกมาเย็นลง
ราคา 4-5,000 บาทขึ้นไป ถ้าสถานที่นั้นมีความชื้นมาก การทำความเย็นจะลดลงตาม
พัดลมไอเย็น ปล่อยความชื้นออกมาน้อยกว่าพัดลมไอน้ำ

แต่ทั้งพัดลมไอน้ำ และพัดลมไอเย็น ก็นับว่าเครื่องมีขนาดใหญ่เทอะทะอยู่




ทำให้นึกไปถึงอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่ง ที่ทำงานได้คล้ายๆกัน
ชื่อว่าเครื่อง Humidifier หรือเครื่องเติมความชื้นในอากาศ
เครื่องนี้จะสร้างไอน้ำด้วยคลื่นเสียงอัตร้าโซนิค
สามารถปล่อยไอน้ำออกมาเรื่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมก็ได้
เครื่องจึงมีขนาดเล็ก และราคาถูกกว่าพัดลมไอน้ำ
โดยตกเครื่องละ 700 - 1,000 กว่าๆ (แบบใส่น้ำ 2 ลิตร / ซื้อในเน็ท) ใช้น้ำก็ประหยัดสุด เติมน้ำสองลิตรเปิดสร้างไอน้ำได้ทั้งวัน ดูจะเป็นตัวเลือกที่ใช้น้ำคุ้มค่าที่สุดแล้ว

จากที่ทดลองตั้งไว้บนที่สูงๆ เช่นริมขอบตู้ขอบโต๊ะ ไอน้ำจะได้สัมผัสอากาศนานขึ้น เปิดเพียงไม่นานก็จะรู้สึกว่าหายใจคล่องขึ้น อาการแสบคอแสบตาเพราะระคายเคืองควันไฟหายไป  อากาศในห้องมีคุณภาพดีขึ้นอย่างรู้สึกได้
เครื่องที่ใช้อยู่ก็ปล่อยไอน้ำได้ดี แต่ไอน้ำปล่อยไม่ไกลเท่าไหร่ จึงควรเก็บของรอบๆเครื่องออก จะได้ไม่โดนชื้นเกินไป กับสายไฟสั้นไปนิด



เครื่อง Humidifier นี้เมืองไทยไม่ค่อยรู้จัก และที่มีขายโดยมากก็เป็นแบบแฟนซี
แต่ที่เมืองนอกจะมีใช้กันเกือบทุกบ้าน โดยจะเปิดเครื่องนี้ไว้ตลอดช่วงฤดูหนาวที่มีการใช้ฮีทเตอร์
ป้องกันไม่ให้อากาศในห้องแห้งจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้ง จนอาจผิวแตกเป็นแผลได้
เมืองไทยเห็นมีคนซื้อมาเปิดใช้ในห้องแอร์เพื่อป้องกันอากาศแห้ง/ผิวแห้ง เช่นกัน


หากใครมีหัวการตลาดดีๆ ลองชูประเด็นเครื่องนี้ สำหรับคนที่มีกำลังซื้อเครื่องกรองอากาศราคาหลายหมื่นไม่ไหว
เพียงเอาเครื่องไปเปิดไว้ในห้อง ก็จะได้ไอน้ำออกมาสู้ฝุ่นหมอกควันได้
เอาไปเปิดในห้องแอร์ก็ได้ กินไฟเพิ่มขึ้นนิดเดียว แต่อากาศในห้องจะสะอาดขึ้น (แผ่นกรองในแอร์ ดักฝุ่นควันเล็กๆไม่ได้เลย)

อย่างนี้ก็อาจจะขายดีไม่น้อย เพราะจากนี้ไปคนภาคเหนือคงจะต้องเผชิญกับสภาวะหมอกควันไฟที่รุนแรงมากขึ้นทุกปี อย่างหลีกหนีไม่พ้นแล้ว

เรื่องอย่างนี้บางทีก็ต้องตัวใครตัวมัน
ไม่อยากเจอมลภาวะแต่ก็ต้องเจอ
หาวิธีที่เหมาะสมเพื่อดูแลสุขของตนให้ดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่