เรื่องเล่าหลังงานศพ..

หลังจากกระทู้แรกในชีวิตของการถ่ายทอดประสบการณ์จริงด้านสิ่งที่มองไม่เห็น แต่มีอยู่จริงไปแล้วในกระทู้แรก http://m.ppantip.com/topic/34965979/

วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องน่ากลัวๆของงานศพให้ฟังกันค่ะ  ขึ้นชื่อว่างานศพเราเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากไปสักเท่าไหร่หรอก บรรยากาศในงานศพมีแต่ความหดหู่ โศกเศร้าและวังเวง เราเองเป็นคนไม่ชอบไปงานศพค่ะจะไปก็แต่งานศพญาติจริงๆ ในชีวิตนี้เราเชื่อนะคะว่าชีวิตหลังความตายมีจริง ไม่ได้งมงายหรืออะไรเลยค่ะนอกจากได้ประสบกับตัวเอง

เรื่องมันมีอยู่ว่าตอนเราป.6 ยายเราเสียค่ะ ตอนยายยังมีชีวิตยายเราเป็นคนตัวเล็ก ผอมมาก และหน้าดุมาก! เราไม่ค่อยสนิทกับยายเท่าไหร่ค่ะเพราะยายดุ  ตอนยายเสียเราพอรู้เรื่องแล้วนะคะอายุก็12ขวบแล้ว ยายเราไม่ได้มีอาการอะไรเลยนะคะก่อนเสีย ยายเพียงแค่หลับ เรียกยังไงก็ไม่ตื่น แต่ยังหายใจนะคะ แม่กับป้าจึงรู้แล้วว่าถึงเวลาของยายแล้ว ยายเราเป็นคนรักบ้านเกิดมาก แม่และป้าจึงพายายกลับบ้านที่จ.อ่างทอง พาขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์ไปเลยค่ะ ป้าเราขับ แม่เรากับป้าอีกคนคอยเรียกยายตลอด (แม่เรามีพี่สาว2คนค่ะ) เราได้แต่นั่งเงียบๆบนรถ พอมาถึงบ้านยายที่จ.อ่างทอง แม่กับป้าเตรียมจะอุ้มยายลงจากรถค่ะ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น แม่เราและป้าเราทั้งสองเป็นคนสูง หุ่นไม่ผอมและไม่อ้วน แต่ที่น่าแปลกใจเหลือเกินคือไม่สามารถอุ้มยายได้เลยค่ะ ทั้งๆที่ยายเราหนักไม่ถึง42กก.
แปลกใช่มั้ยคะ??? ตอนนั้นเราเองก็งงมากว่าทำไมอุ้มยายไม่ได้สักที เราจะถึงแม่..
เรา : ทำไมยังอุ้มคุณยายไม่ได้อีกคะ?
แม่ :  หนักมาก
พอแม่เราตอบมาเท่านั้นแหละ แม่และป้าบอกว่าร่างยายหนักขึ้น เหมือนคนหนักสัก100โล ทั้งๆที่ยายตัวเล็กมากแบบนั้น พอทราบมั้ยคะว่าทำไม นั่นคือยมทูตค่ะ 4ตนที่อยู่บนตัวยายเรา เขารอจะพาวิญญาณยายเราไปค่ะ ยิ่งทักว่าหนัก น้ำหนักที่ตัวยายเราจะยิ่งหนักเพิ่มไปไม่รู้กี่เท่า พอพายายนอนยังเตียงได้ แม่และป้าเราก็พยายามเรียกยายให้รู้สึกตัว แต่คงถึงเวลาของยายแล้วค่ะ  และยายก็คงอยากกลับมาตายที่บ้านเกิด พอตกดึกยายหายใจเริ่มติดขัดค่ะ จนยายหายใจเฮือกสุดท้ายแรงมาก และก็หยุดหายใจในที่สุด แม่กับป้าและเราจึงต้องนอนเฝ้าศพของยาย เพราะต้องรอเช้าถึงจะนำร่างไปวัดได้ บอกเลยนะคะว่าเรากลัวมากกก เป็นคนในครอบครัวก็จริงแต่เราก็กลัวอยู่ดี แล้วยายเรายิ่งดุๆอยู่นะคะ เรายิ่งกล้วหนัก แต่เราก็เผลอหลับไปจนตื่นมาเช้า แม่และป้าเรารีบไปติดต่อกับทางวัดพาร่างของยายไปอยู่ที่วัด และทำพิธีอย่างถูกตามหลักศาสนา และด้วยความที่มันเป็นวัดต่างจังหวัดค่ะ คนที่บ้านยายเราเขาเชื่อกันว่าต้องนอนเฝ้าศพที่ศาลา ไม่งั้นศพจะเหงา ญาติพี่น้องของยาย แม่และป้าก็จะนอนเฝ้าศพทุกคืน แต่ให้เรานอนที่บ้านกับพี่ๆ ประมาณสวดคืนที่2เสร็จ คืนนั้นเรากลับมานอนที่บ้านตามปกติ แต่ประมาณตี3เราได้ยินเสียง "แกร่กๆๆ" เหมือนคนหาของ มองหาก็ไม่เห็นใครนะคะ เรากลัว เราอยากไปหาแม่ แม่เราต้องตื่นแล้วเพราะแม่ต้องทำกับข้าวเลี้ยงพระเช้า อย่างที่บอกค่ะบ้านยายอยู่ใกล้ศาลามาก แต่ก่อนจะถึงศาลาเราต้องผ่านเมรุก่อน ใชค่ะเมรุ อ่านถูกแล้ว
ลองคิดภาพตามนะคะเด็กวัย12 มีเซ้นแรงอยู่แล้วต้องเดินผ่านเมรุตอนตี3. เหมือนใจจะขาดเลยค่ะ ตอนแรกก็เดินออกมาจากบ้านไม่กลัวเท่าไหร่เพราะยังพอสว่างอยู่บ้าง แต่พอใกล้จะถึงเมรุ ใจเราสั่นอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าแม้จะมอง ไม่กล้าอยากรู้ ตลอดทางที่เดินผ่านขนลุกไปทั้งตัว และได้ยินเสียง "อือ" เหมือนเสียงพูดในลำคอตลอดระยะที่ผ่านเมรุ เดินมาได้ครึ่งนึง ทนไม่ไหวเลยวิ่งเลยค่ะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ วิ่งไปหาแม่เลย
และหลังจากที่จัดการงานศพเรียบร้อย เผาเรียบร้อย เราแม่และป้าพากันกลับบ้านค่ะ โดยพาโกศของยายกลับมาบ้านที่กรุงเทพด้วย ระหว่างทางที่เดินเข้าซอย ป้าเราถือโกศนะคะ พอเดินมาครึ่งซอยก็เจอจังๆเลยค่ะไม่ใช่แค่เราที่รับรู้ แต่ทุกคนรับรู้หมดเลย กลิ่นธูปแรงมาก ย้ำเลยค่ะแรงมากกก เหมือนคนจุดธูปเป็นกำๆแล้วให้พวกเราดม มิหนำซ้ำยังมีกลิ่นน้ำอบที่ยายชอบใช้อีกด้วย ทุกคนรู้เลยค่ะต้องเป็นยายแน่ๆ ยายคงจะตามกลับบ้านมา และส่งสัญญาณให้พวกเรารับรู้
ช่วงแรกๆที่ยายเสียจะได้กลิ่นธูปกับน้ำอบบ่อยมากเลยนะคะ เหมือนยายยังห่วง และยังคิดถึงลูกหลานอยู่เลยมาหามาดูความเป็นไปของแต่ละคน อย่างแม่เราเคยฝัน หรือจะเรียกว่าอาการผีอำก็ได้นะคะ แม่เล่าว่าเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่นเห็นยายมานอนลูบหัวแม่อยู่ ส่วนเราเองมักจะมองเห็นคนแก่รูปร่างแบบยายเราเลยค่ะที่หางตา แต่พอผ่านไปสักพักยายคงหมดห่วงค่ะทุกวันนี้ยายไม่มาหาพวกเราอีกเลย เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราฝันเห็นยาย ยายมายิ้มให้เราแล้วบอกว่า "ไปแล้วนะ" เราและแม่เชื่อว่ายายคงไปเกิดแล้วค่ะ

เดี๋ยวเราจะเล่าเรื่องต่อไปเป็นเรื่องเล่าจากงานศพอีกเรื่อง แต่เรื่องนี้จะเกี่ยวกับเจ้าที่เจ้าทางด้วย ขอขอบคุณที่ติดตามนะคะ แสดงความคอดเห็นได้เต็มที่เลยค่ะ และเราขอยืนยันว่าเรื่องที่เล่านี้เรื่องจริง100%ค่ะ
ปล.อย่าลืมติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
ปล2. เราพยายามพิมพ์ให้มันอยู่ในอันเดียวกัน แบบเดี๋ยวมาต่อค่ะๆแบบนี้เรารู้ว่ามันทำให้เสีบอารมณ์
ปล3.คืนนี้ก็เช่นเดิม ราตรีสวัสดิ์นะคะ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่