ทำไมไม่ไปงานศพกู
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แม่เราเจอกับตัวเอง แม่เล่าให้ฟังว่า..
สมัยที่แม่ยังสาวเพิ่งคลอดเราได้2-3เดือน ก็ย้ายจากกทม.มาอยู่ลำปาง ซึ่งบ้านที่อยู่จะเป็นบ้านที่แม่อาศัยอยู่ตั้งแต่เด็ก
อยู่มาวันนึงยายวิ่งมาบอกทุกคนที่บ้านว่า อุ๊ย(หรือพ่อของยาย) แกตกลงมาจากยุ้งข้าว(เรียกถูกไหม555 คือที่เก็บข้าวของคนสมัยก่อน เป็นบ้านที่มีใต้ถุนสูง)
ญาติทุกคนก็พากันไปเยี่ยมแก แม่ก็พาเราไปเยี่ยมด้วยเพราะอยู่บ้านคนละหลัง บ้านจะห่างกันไม่มาก แต่ในหมู่บ้านเดียวกัน แม่อุ้มเราไปแนะนำให้อุ๊ยรู้จัก แกก็ได้แต่มองเรา พูดอะไรก็ไม่ได้
แต่ด้วยความที่อุ๊ยแก่แล้ว อาการป่วยจากอุบัติเหตุ+โรคคนแก่ ทำให้อาการแย่ลงเรื่อยๆ แกจะลุกไปไหนไม่ได้ ต้องนอนอยู่ตรงกลางบ้านทั้งวัน
ทุกครั้งที่อุ้ยรู้สึกเจ็บหรือทรมานมากๆ แกจะใช้ส้นเท้ากระทืบพื้นไม้ที่นอนอยู่เป็นจังหวะ
ตึก..ตึก..ตึก.. เป็นแบบนี้ราวๆ 2 เดือน
ในระหว่างที่อุ๊ยป่วยนั้น ญาติๆและเพื่อนในหมู่บ้านต่างพากันแวะเวียนมาเยี่ยมให้กำลังใจอยู่เสมอ แต่อาการของแกก็ไม่ดีขึ้นเลย ร่างกายผอมแห้งจนหนังหุ้มกระดูก จนวันนึงแกก็จากไป ที่บ้านก็จัดงานศพปกติ ยายถามแม่เราว่าจะไปงานไหม แต่แม่เราบอกว่าคืนนี้ไม่ไปไว้ค่อยไปวันอื่น เพราะดูท่าแล้วคนต้องเยอะแน่ๆ แล้วเราก็ยังเด็กมากด้วย อยู่ในงานดูแลลำบาก แม่จึงตัดสินใจเฝ้าบ้านให้ ทุกคนจึงไปช่วยงานศพหมด เหลือแม่และเราเพียงสองคน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนดึก แม่ยังนอนไม่ได้เพราะเรายังไม่นอน บรรยากาศรอบตัวแม่เงียบมาก ไม่มีเสียงอะไรเลยนอกจากลมนอกหน้าต่าง
ระหว่างที่แม่กำลังให้นมเรา แม่ก็ได้ยินเสียง ตึก ตึก ตึก..
ดังอยู่ตรงขอบเตียงที่นอนอยู่ เสียงนั้นดังวนไปวนมาหลายรอบ แต่เมื่อมองไปรอบๆก็ไม่เจออะไร แม่ทำท่าจะนอนต่อ เสียงเดิมก็มาอีก
ตึก..ตึก..ตึก..
ทีนี้แม่บอกว่าแม่เห็นเป็นภาพอุ๊ย (ก่อนที่ท่านจะเสีย) นอนอยู่กลางบ้านห่างจากเตียงที่แม่นอนอยู่ประมาณ 2 เมตร กำลังเคาะส้นเท้าด้วยความเจ็บปวด แล้วหน้ามามองแม่..
แกก็ค่อยๆเอาแขนดันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งเหยียดขาโดยที่ยังมองหน้าแม่อยู่ และนั่งอยู่ท่าเดิมแต่ตัวแกเริ่มลอยห่างออกไปเรื่อยๆจนลอยไปชิดประตูห้องที่แม่นอนอยู่
แล้วแกก็ลุกขึ้นไปเกาะผนัง ลักษณะกำลังคลานแล้วไต่ผนังเข้ามานั่งยองๆข้างตัวแม่แล้วกระซิบว่า
"ทำไมเอ็งไม่ไปงานศพกู"
เท่านั้นแหละ แม่ใส่เกียร์ม้าวิ่งออกไปหน้าบ้าน แต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเราไว้ก็วิ่งกลับมาอุ้มเราแล้วตรงดิ่งไปบ้านที่จัดงานศพทันที
* ถ้าเล่าแล้วไม่เห็นภาพขออภัยด้วยนะคะ เราเล่าเรื่องไม่เก่ง5555
** กระทู้หน้าเป็นเรื่องวิญญาณพ่อลูกตามมาจากดอย ฝากติดตามด้วยนะคะ
ท ำ ไ ม ไ ม่ ไ ป ง า น ศ พ กู
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แม่เราเจอกับตัวเอง แม่เล่าให้ฟังว่า..
สมัยที่แม่ยังสาวเพิ่งคลอดเราได้2-3เดือน ก็ย้ายจากกทม.มาอยู่ลำปาง ซึ่งบ้านที่อยู่จะเป็นบ้านที่แม่อาศัยอยู่ตั้งแต่เด็ก
อยู่มาวันนึงยายวิ่งมาบอกทุกคนที่บ้านว่า อุ๊ย(หรือพ่อของยาย) แกตกลงมาจากยุ้งข้าว(เรียกถูกไหม555 คือที่เก็บข้าวของคนสมัยก่อน เป็นบ้านที่มีใต้ถุนสูง)
ญาติทุกคนก็พากันไปเยี่ยมแก แม่ก็พาเราไปเยี่ยมด้วยเพราะอยู่บ้านคนละหลัง บ้านจะห่างกันไม่มาก แต่ในหมู่บ้านเดียวกัน แม่อุ้มเราไปแนะนำให้อุ๊ยรู้จัก แกก็ได้แต่มองเรา พูดอะไรก็ไม่ได้
แต่ด้วยความที่อุ๊ยแก่แล้ว อาการป่วยจากอุบัติเหตุ+โรคคนแก่ ทำให้อาการแย่ลงเรื่อยๆ แกจะลุกไปไหนไม่ได้ ต้องนอนอยู่ตรงกลางบ้านทั้งวัน
ทุกครั้งที่อุ้ยรู้สึกเจ็บหรือทรมานมากๆ แกจะใช้ส้นเท้ากระทืบพื้นไม้ที่นอนอยู่เป็นจังหวะ
ตึก..ตึก..ตึก.. เป็นแบบนี้ราวๆ 2 เดือน
ในระหว่างที่อุ๊ยป่วยนั้น ญาติๆและเพื่อนในหมู่บ้านต่างพากันแวะเวียนมาเยี่ยมให้กำลังใจอยู่เสมอ แต่อาการของแกก็ไม่ดีขึ้นเลย ร่างกายผอมแห้งจนหนังหุ้มกระดูก จนวันนึงแกก็จากไป ที่บ้านก็จัดงานศพปกติ ยายถามแม่เราว่าจะไปงานไหม แต่แม่เราบอกว่าคืนนี้ไม่ไปไว้ค่อยไปวันอื่น เพราะดูท่าแล้วคนต้องเยอะแน่ๆ แล้วเราก็ยังเด็กมากด้วย อยู่ในงานดูแลลำบาก แม่จึงตัดสินใจเฝ้าบ้านให้ ทุกคนจึงไปช่วยงานศพหมด เหลือแม่และเราเพียงสองคน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนดึก แม่ยังนอนไม่ได้เพราะเรายังไม่นอน บรรยากาศรอบตัวแม่เงียบมาก ไม่มีเสียงอะไรเลยนอกจากลมนอกหน้าต่าง
ระหว่างที่แม่กำลังให้นมเรา แม่ก็ได้ยินเสียง ตึก ตึก ตึก..
ดังอยู่ตรงขอบเตียงที่นอนอยู่ เสียงนั้นดังวนไปวนมาหลายรอบ แต่เมื่อมองไปรอบๆก็ไม่เจออะไร แม่ทำท่าจะนอนต่อ เสียงเดิมก็มาอีก
ตึก..ตึก..ตึก..
ทีนี้แม่บอกว่าแม่เห็นเป็นภาพอุ๊ย (ก่อนที่ท่านจะเสีย) นอนอยู่กลางบ้านห่างจากเตียงที่แม่นอนอยู่ประมาณ 2 เมตร กำลังเคาะส้นเท้าด้วยความเจ็บปวด แล้วหน้ามามองแม่..
แกก็ค่อยๆเอาแขนดันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งเหยียดขาโดยที่ยังมองหน้าแม่อยู่ และนั่งอยู่ท่าเดิมแต่ตัวแกเริ่มลอยห่างออกไปเรื่อยๆจนลอยไปชิดประตูห้องที่แม่นอนอยู่
แล้วแกก็ลุกขึ้นไปเกาะผนัง ลักษณะกำลังคลานแล้วไต่ผนังเข้ามานั่งยองๆข้างตัวแม่แล้วกระซิบว่า
"ทำไมเอ็งไม่ไปงานศพกู"
เท่านั้นแหละ แม่ใส่เกียร์ม้าวิ่งออกไปหน้าบ้าน แต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเราไว้ก็วิ่งกลับมาอุ้มเราแล้วตรงดิ่งไปบ้านที่จัดงานศพทันที
* ถ้าเล่าแล้วไม่เห็นภาพขออภัยด้วยนะคะ เราเล่าเรื่องไม่เก่ง5555
** กระทู้หน้าเป็นเรื่องวิญญาณพ่อลูกตามมาจากดอย ฝากติดตามด้วยนะคะ