บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม
ในการเฟ้นหาหุ้นดีๆสักตัวหนึ่งนั้น สิ่งสำคัญที่เราจะต้องพยายามค้นหาให้เจอนั่นก็คือ “กิจการที่มีแนวโน้มของการเจริญเติบโต” เพราะเมื่อกิจการเจริญเติบโตขึ้น ก็แน่นอนว่าราคาหุ้นของกิจการนั้นย่อมต้องขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เมื่อมีแนวโน้มของการเจริญเติบโตก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เป็นปัจจัยสำคัญที่คอยฉุดรั้งการเจริญเติบโตของกิจการเอาไว้ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่คอยฉุดรั้งการเจริญเติบโตของกิจการไว้นั่นก็คือ “ภาระหนี้สิน” ของกิจการเอง
การประเมินภาระหนี้สินของกิจการว่ามีมากเกินไปหรือไม่ เราสามารถวิเคราะห์ได้จาก “อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน” (Debt to Equity Ratio) หรือที่เรียกกันย่อๆว่า “D/E” ซึ่งมีสูตรการคำนวณดังนี้ครับ
ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นตัวบอกว่ากิจการมีภาระหนี้สินมากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น (ทุน) เท่ากับกี่เท่า โดยปกติแล้วกิจการที่ดีควรภาระหนี้สิน ต่อ ส่วนของผู้ถือหุ้น (ทุน) ไม่เกิน 1 เท่า หรืออย่างมากก็ไม่ควรเกิน 2 เท่า (ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจด้วยนะครับ)
เราลองมาดูตัวอย่างการหาค่า D/E จากข้อมูลใน Factsheet ของหุ้นสักตัวนะครับ สมมติว่าผมต้องการหาค่า D/E ของปี 2556 จะหาค่าได้ดังนี้ครับ
นำค่าที่ได้จาก “งบแสดงฐานะทางการเงิน” ไปแทนค่าลงในสูตร จากข้อมูลตัวอย่างก็จะได้ค่า D/E = 0.81 เท่า ลักษณะนี้ถือว่ากิจการนี้มีความสามารถในการชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ได้ดีอยู่ไม่เสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ กิจการที่มีค่า D/E สูงๆ ย่อมมีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้มากกว่ากิจการที่มีค่า D/E ต่ำๆ
ลองคิดง่ายๆนะครับ กิจการ A กับ กิจการ B มีเงินทุนเท่าๆกันคือ 1 ล้านบาท แต่ว่า
A มีหนี้อยู่ 10 ล้านบาท (D/E = 10 / 1 ได้เท่ากับ 10 เท่า)
B มีหนี้แค่ 5 ล้านบาท (D/E = 5 / 1 ได้เท่ากับ 5 เท่า)
เห็นอย่างนี้แล้วก็แน่นอนว่ากิจการ B มีแนวโน้มความน่าสนใจลงทุนมากกว่ากิจการ A เพราะกิจการที่มีภาระหนี้สินน้อยย่อมมีความเสี่ยงน้อยกว่ากิจการที่มีภาระหนี้สินมาก อย่าลืมนะครับว่านอกจากเงินต้นที่กิจการจะต้องชำระให้กับเจ้าหนี้แล้ว ยังจะมีภาระดอกเบี้ยที่แฝงมากับหนี้สินก้อนนั้นด้วย และยิ่งกิจการกู้เงินมาจนเกินตัวมิหนำซ้ำยังผิดนัดชำระหนี้อีก..ทีนี้ก็ใช้หนี้กันหัวโตล่ะครับจะเอาเวลาที่ไหนมาสร้างความเจริญเติบโตให้กับกิจการ..
คราวนี้ก็คงพอจะเข้าใจแล้วสินะครับว่าทำไมเราจึงต้องสนใจค่า D/E ก่อนการตัดสินใจลงทุน
ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาติดตาม หากไม่รังเกียจกรุณาช่วยกด Like facebook หรือช่วยแชร์ ส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้ให้กับสังคมด้วยนะครับ และขอเชิญมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ..สังคมเล็กๆที่อบอุ่น เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆคืนให้กับสังคมต่อไป.
บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม
ทำไมถึงต้องสนใจค่า D/E : โดย คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม
ในการเฟ้นหาหุ้นดีๆสักตัวหนึ่งนั้น สิ่งสำคัญที่เราจะต้องพยายามค้นหาให้เจอนั่นก็คือ “กิจการที่มีแนวโน้มของการเจริญเติบโต” เพราะเมื่อกิจการเจริญเติบโตขึ้น ก็แน่นอนว่าราคาหุ้นของกิจการนั้นย่อมต้องขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เมื่อมีแนวโน้มของการเจริญเติบโตก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เป็นปัจจัยสำคัญที่คอยฉุดรั้งการเจริญเติบโตของกิจการเอาไว้ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่คอยฉุดรั้งการเจริญเติบโตของกิจการไว้นั่นก็คือ “ภาระหนี้สิน” ของกิจการเอง
การประเมินภาระหนี้สินของกิจการว่ามีมากเกินไปหรือไม่ เราสามารถวิเคราะห์ได้จาก “อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน” (Debt to Equity Ratio) หรือที่เรียกกันย่อๆว่า “D/E” ซึ่งมีสูตรการคำนวณดังนี้ครับ
ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นตัวบอกว่ากิจการมีภาระหนี้สินมากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น (ทุน) เท่ากับกี่เท่า โดยปกติแล้วกิจการที่ดีควรภาระหนี้สิน ต่อ ส่วนของผู้ถือหุ้น (ทุน) ไม่เกิน 1 เท่า หรืออย่างมากก็ไม่ควรเกิน 2 เท่า (ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจด้วยนะครับ)
เราลองมาดูตัวอย่างการหาค่า D/E จากข้อมูลใน Factsheet ของหุ้นสักตัวนะครับ สมมติว่าผมต้องการหาค่า D/E ของปี 2556 จะหาค่าได้ดังนี้ครับ
นำค่าที่ได้จาก “งบแสดงฐานะทางการเงิน” ไปแทนค่าลงในสูตร จากข้อมูลตัวอย่างก็จะได้ค่า D/E = 0.81 เท่า ลักษณะนี้ถือว่ากิจการนี้มีความสามารถในการชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ได้ดีอยู่ไม่เสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ กิจการที่มีค่า D/E สูงๆ ย่อมมีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้มากกว่ากิจการที่มีค่า D/E ต่ำๆ
ลองคิดง่ายๆนะครับ กิจการ A กับ กิจการ B มีเงินทุนเท่าๆกันคือ 1 ล้านบาท แต่ว่า
A มีหนี้อยู่ 10 ล้านบาท (D/E = 10 / 1 ได้เท่ากับ 10 เท่า)
B มีหนี้แค่ 5 ล้านบาท (D/E = 5 / 1 ได้เท่ากับ 5 เท่า)
เห็นอย่างนี้แล้วก็แน่นอนว่ากิจการ B มีแนวโน้มความน่าสนใจลงทุนมากกว่ากิจการ A เพราะกิจการที่มีภาระหนี้สินน้อยย่อมมีความเสี่ยงน้อยกว่ากิจการที่มีภาระหนี้สินมาก อย่าลืมนะครับว่านอกจากเงินต้นที่กิจการจะต้องชำระให้กับเจ้าหนี้แล้ว ยังจะมีภาระดอกเบี้ยที่แฝงมากับหนี้สินก้อนนั้นด้วย และยิ่งกิจการกู้เงินมาจนเกินตัวมิหนำซ้ำยังผิดนัดชำระหนี้อีก..ทีนี้ก็ใช้หนี้กันหัวโตล่ะครับจะเอาเวลาที่ไหนมาสร้างความเจริญเติบโตให้กับกิจการ..
คราวนี้ก็คงพอจะเข้าใจแล้วสินะครับว่าทำไมเราจึงต้องสนใจค่า D/E ก่อนการตัดสินใจลงทุน
ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาติดตาม หากไม่รังเกียจกรุณาช่วยกด Like facebook หรือช่วยแชร์ ส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้ให้กับสังคมด้วยนะครับ และขอเชิญมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ..สังคมเล็กๆที่อบอุ่น เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆคืนให้กับสังคมต่อไป.
บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม