ตามหัวข้อเลยครับ ผมเป็นช่างซ่อมคอมอาศัยอยู่ในร้านแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นลูกจ้างเขาเงินเดือนก็ไม่ถึงหมื่น แต่ก็พยายามหาความรู้ใส่ตัวจากซ่อมคอม ก็เริ่มเรียนรู้ระบบอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆไม่ว่าจะเเป็น AP Mikrotik ต่างๆ ต่อมาก็ ซ่อมปริ้นเตอร์ จนถึงเครื่องถ่าย ล่าสุด พึ่งไปอบรม ซ่อม ATM CDM รับงานสารพัด ก็รู้สึกว่าสนุกที่ได้เรียนรู้ วันถึงวันนี้
เรื่องก็มีอยู่ว่า ร้านให้ผมเข้าไปซ่อมเครื่องถ่ายที่ บริษัท ก.(เป็นบริษัทขายรถขอไม่เอ๋ยว่ายี่ฆ้ออะไร) เนื่องจากเครื่องดังกล่าวเป็นเครื่องที่ทางร้าน ให้บริการเช่าใช้ เป็นรายเดือน ด้วยความที่ลูกค้าแจ้งแค่ว่า มันใช้งานไม่ได้ ผมก็เตรียมเครื่องมือ ซ่อมไปเต็มที่เลยครับ เพื่อจะซ่อมมัน แต่พอไปถึง ผมกับใช้งานได้ปกติ
ผมเลยถามกับเจ้าหน้าที่ ที่ใช้เครื่องว่า "พี่ผมลองพิมดูแล้วครับ ก็ออกปกตินะครับ"
พี่ผู้หญิงเลยตอบกลับมาว่า "ตอนพี่เปิดเครื่องตอนเช้าเครื่องมันดัง ตลอดไม่หยุดเลย"
ผมเลยตอบไปว่า "สงสัยเซ็นเชอร์ทำความร้อนเสียมั้งคอมผมขอเช็คดูก่อน" ด้วยความไม่รอบครอบผมเอง ผมลืมดูไปว่า หมึกมันไกล้หมด พอผมดึงตลับหมึกออกมาเท่านั้นแหละครับ ถึงกลับอึ้ง ด้วยความเขินอายผมเลย ยิ้มนิดๆแล้วหันไปทักพี่คนที่อยู่ข้างว่า"พี่ผมรู้แล้วว่าสาเหตุมาจากอะไร หมึกหมดครับ "
แล้วผมก็เขย่าตลับไห้เขาดูแล้วเอาตลับใส่เข้าไปที่เดิม
พี่ผู้หญิงอีกคนเลยทักมาว่า "ขอเปลี่ยนไห้เลยได้ไหม"
ผมเลยตอบไปว่า"ครับอย่างช้าไม่เกินบ่ายเดี่ยวผมเอามาไส่ไห้"
แล้วผมก็รีบเดินไปหาน้องที่รถยนต์ แล้วบอกน้องว่า "ขับรถไปที่ร้านไห้หน่อยไปเอาตลับหมึกมาไห้พี่ 1 ลูก "
แล้วผมก็เดินไปดู เครื่องที่เสียอีกเครื่องที่ อยู้ห้องถัดไปใน บริษัท ก. ดังกล่าว ก่อนน้อง โทรมาบอกว่า "พี่ครับ ห้องมะกี้เขาอยากคุยด้วย ช่วยกลับไปหาเขาหน่อย " ผมเลยคิดว่าสงสัยเครื่องเสียอีกละมั้งเลยรีบเดินไปด้วยความหวังดี แล้วผมต้องตลึง เมื่อเปิดประตูไปเจอ ชายแก่คนหนึ่ง แต่งตัวดีไม่รู้ เป็นตำแหน่งอะไร เอ๋ยมาว่า "นี่ถามจริง หน้าที่ดูแลเครื่องคอยตรวจดูความเรียบร้อยมันหน้าที่ไคร ไครเป็นคนตรวจเช็คเครื่อง นี่มันเครื่องเช่านะ คุณต้องเป็นคนเช็คไม่ไช่เหรอ แล้วทำไมทำตัวเยาะเย้ย น้องพนักงานแบบนั้น เอาตลับหมึกออกมาแล้วมาชี้ เนี้ยหมึก หมด แบบนี้ มันเยาะเย้ย กันรู้ไหม ทำตัวเหมือนแสดงไห้เห็นว่าเขาโง่ แบบนี้เขาเรียกปากดี ทำงานบริการอะ อย่าปากดีไห้มากรู้ไหม......."
อีกมากมายผมจำไม่ได้ละ จากนั้นผมนี้เหมือนหูอื้อไปเลย ไม่เถียงสักครับ แล้วผมก็ตอบครับแล้วเดินออกมาเพราะว่าเรามันแค่พนักงานร้าน ผู้ต้อยต่ำ แล้วเดินกลับไปซ่อมเครื่องที่ด้านหลังต่อไห้เสร็จ พอผมเดินกลับมาที่ รถ ไห้น้องเอาตลับไปใส่ เพราะไม่อยากไปแล้ว เสียความรู้สึกมาก ชายแก่คนเดิมก็เดินมา แล้วมาพุดว่า "ควาวหลังมาให้บริการก็พุดไห้มันดีๆอยากปากดีรู้ไหม พุดว่าขอโทษครับหมึกหมด แค่นี้ไม่เป็นไง "
ผมนี้ก็เลยจะถามว่านี้ลุงครับก็พุดดีนะครับไม่ได้เยาะเย้ยไครแต่อย่างใด เขาก็อารมณืขึ้นอีก ไม่ได้เยาะเย้ยอะไร ยื่นตลับหมึกอยากมาแล้วชี้ๆเนี้ย ไอ้เราก็จะบอกต่อก็ไม่กล้าบอกเลยเงียบ ไห้เขาเดินไป ทั้งๆที่จะพุดต่อว่า ที่เอาตลับหมึกออกมาชี้เนี้ยเพื่อแสดงสาเหตุที่เครื่องมันไม่พิมพ์ รู้ไว้ไม่เสียหายอะไร วันหลังมันมีอะไรก็จะได้แจ้งอาการถูก สรุป ผมผิดสินะ เข้าใจแล้วอย่างนี้นี่เองลูกค้าคือ พระเจ้า ผมจะจำไว้ นะ บริษัท ก. เอ๋ย อย่าให้วันใดผมได้เป็นลูกค้าท่านบ้าง แล้วไป
จบด้วยประการนี้ อันนี้เรื่องจริงนะครับ เผื่อไครคิดว่าผมพุดเล่นร็สึกสบายใจที่ได้ระบายอย่างบอกไม่ถูก ขอบคุณครับที่เสียเวลานั่งอ่านจนจบทั้งๆที่มันไร้สาระ
ชีวิตคนให้บริการที่น่าเศร้า
เรื่องก็มีอยู่ว่า ร้านให้ผมเข้าไปซ่อมเครื่องถ่ายที่ บริษัท ก.(เป็นบริษัทขายรถขอไม่เอ๋ยว่ายี่ฆ้ออะไร) เนื่องจากเครื่องดังกล่าวเป็นเครื่องที่ทางร้าน ให้บริการเช่าใช้ เป็นรายเดือน ด้วยความที่ลูกค้าแจ้งแค่ว่า มันใช้งานไม่ได้ ผมก็เตรียมเครื่องมือ ซ่อมไปเต็มที่เลยครับ เพื่อจะซ่อมมัน แต่พอไปถึง ผมกับใช้งานได้ปกติ
ผมเลยถามกับเจ้าหน้าที่ ที่ใช้เครื่องว่า "พี่ผมลองพิมดูแล้วครับ ก็ออกปกตินะครับ"
พี่ผู้หญิงเลยตอบกลับมาว่า "ตอนพี่เปิดเครื่องตอนเช้าเครื่องมันดัง ตลอดไม่หยุดเลย"
ผมเลยตอบไปว่า "สงสัยเซ็นเชอร์ทำความร้อนเสียมั้งคอมผมขอเช็คดูก่อน" ด้วยความไม่รอบครอบผมเอง ผมลืมดูไปว่า หมึกมันไกล้หมด พอผมดึงตลับหมึกออกมาเท่านั้นแหละครับ ถึงกลับอึ้ง ด้วยความเขินอายผมเลย ยิ้มนิดๆแล้วหันไปทักพี่คนที่อยู่ข้างว่า"พี่ผมรู้แล้วว่าสาเหตุมาจากอะไร หมึกหมดครับ "
แล้วผมก็เขย่าตลับไห้เขาดูแล้วเอาตลับใส่เข้าไปที่เดิม
พี่ผู้หญิงอีกคนเลยทักมาว่า "ขอเปลี่ยนไห้เลยได้ไหม"
ผมเลยตอบไปว่า"ครับอย่างช้าไม่เกินบ่ายเดี่ยวผมเอามาไส่ไห้"
แล้วผมก็รีบเดินไปหาน้องที่รถยนต์ แล้วบอกน้องว่า "ขับรถไปที่ร้านไห้หน่อยไปเอาตลับหมึกมาไห้พี่ 1 ลูก "
แล้วผมก็เดินไปดู เครื่องที่เสียอีกเครื่องที่ อยู้ห้องถัดไปใน บริษัท ก. ดังกล่าว ก่อนน้อง โทรมาบอกว่า "พี่ครับ ห้องมะกี้เขาอยากคุยด้วย ช่วยกลับไปหาเขาหน่อย " ผมเลยคิดว่าสงสัยเครื่องเสียอีกละมั้งเลยรีบเดินไปด้วยความหวังดี แล้วผมต้องตลึง เมื่อเปิดประตูไปเจอ ชายแก่คนหนึ่ง แต่งตัวดีไม่รู้ เป็นตำแหน่งอะไร เอ๋ยมาว่า "นี่ถามจริง หน้าที่ดูแลเครื่องคอยตรวจดูความเรียบร้อยมันหน้าที่ไคร ไครเป็นคนตรวจเช็คเครื่อง นี่มันเครื่องเช่านะ คุณต้องเป็นคนเช็คไม่ไช่เหรอ แล้วทำไมทำตัวเยาะเย้ย น้องพนักงานแบบนั้น เอาตลับหมึกออกมาแล้วมาชี้ เนี้ยหมึก หมด แบบนี้ มันเยาะเย้ย กันรู้ไหม ทำตัวเหมือนแสดงไห้เห็นว่าเขาโง่ แบบนี้เขาเรียกปากดี ทำงานบริการอะ อย่าปากดีไห้มากรู้ไหม......."
อีกมากมายผมจำไม่ได้ละ จากนั้นผมนี้เหมือนหูอื้อไปเลย ไม่เถียงสักครับ แล้วผมก็ตอบครับแล้วเดินออกมาเพราะว่าเรามันแค่พนักงานร้าน ผู้ต้อยต่ำ แล้วเดินกลับไปซ่อมเครื่องที่ด้านหลังต่อไห้เสร็จ พอผมเดินกลับมาที่ รถ ไห้น้องเอาตลับไปใส่ เพราะไม่อยากไปแล้ว เสียความรู้สึกมาก ชายแก่คนเดิมก็เดินมา แล้วมาพุดว่า "ควาวหลังมาให้บริการก็พุดไห้มันดีๆอยากปากดีรู้ไหม พุดว่าขอโทษครับหมึกหมด แค่นี้ไม่เป็นไง "
ผมนี้ก็เลยจะถามว่านี้ลุงครับก็พุดดีนะครับไม่ได้เยาะเย้ยไครแต่อย่างใด เขาก็อารมณืขึ้นอีก ไม่ได้เยาะเย้ยอะไร ยื่นตลับหมึกอยากมาแล้วชี้ๆเนี้ย ไอ้เราก็จะบอกต่อก็ไม่กล้าบอกเลยเงียบ ไห้เขาเดินไป ทั้งๆที่จะพุดต่อว่า ที่เอาตลับหมึกออกมาชี้เนี้ยเพื่อแสดงสาเหตุที่เครื่องมันไม่พิมพ์ รู้ไว้ไม่เสียหายอะไร วันหลังมันมีอะไรก็จะได้แจ้งอาการถูก สรุป ผมผิดสินะ เข้าใจแล้วอย่างนี้นี่เองลูกค้าคือ พระเจ้า ผมจะจำไว้ นะ บริษัท ก. เอ๋ย อย่าให้วันใดผมได้เป็นลูกค้าท่านบ้าง แล้วไป
จบด้วยประการนี้ อันนี้เรื่องจริงนะครับ เผื่อไครคิดว่าผมพุดเล่นร็สึกสบายใจที่ได้ระบายอย่างบอกไม่ถูก ขอบคุณครับที่เสียเวลานั่งอ่านจนจบทั้งๆที่มันไร้สาระ