สายใยรักจิ้งจอกพันปี (yaoi) บทที่ 16 เสียงสะท้อนจากข้างใน

กระทู้สนทนา
บทที่ 1-2 http://ppantip.com/topic/34581823
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/34641272
บทที่ 4-5 http://ppantip.com/topic/34657924
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/34686112
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/34709647
บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/34730781
บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/34740745
บทที่ 10 http://ppantip.com/topic/34855480
บทที่ 11 http://ppantip.com/topic/34899050
บทที่ 12 http://ppantip.com/topic/34910335
บทที่ 13 http://ppantip.com/topic/34928427
บทที่ 14 http://ppantip.com/topic/34939664
บทที่ 15 http://ppantip.com/topic/34947967

          บทที่ 16 เสียงสะท้อนจากข้างใน

          เกล็ดเล็กๆของหิมะโปรยปรายลงมาอย่างเชื่องช้าดุจปุยนุ่น ปกคลุมทั่วบริเวณไม่ว่าจะเป็นสะพานโค้ง สนาม ต้นไม้ กำแพง ตัวบ้านไล่เรื่อยขึ้นไปจนถึงหลังคาจนขาวโพลนมองเห็นเด่นชัดแม้เวลานี้จะเป็นตอนกลางคืน

          ชิรายูกิยาชิกิ

          เรือนหิมะขาว

          สถานที่ซึ่งฟุรุคาวะมาเยือนหลายครั้ง ในความฝัน ได้พบกับชายลึกลับที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายเคียวยะหากแต่ดูนิ่งขรึมเยือกเย็นกว่ามาก ทั้งที่รู้สึกคุ้นเคยกับมันตั้งแต่วันที่มาเป็นครั้งแรกแต่กลับนึกไม่ออกว่ามันเป็นบ้านของใคร จนรู้จากทาคุเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เองว่าแท้จริงแล้วคฤหาสน์หลังนี้เป็นที่ชุมนุมของกลุ่มกินกิซึเนะหรือถ้าพูดให้เจาะจงคือเป็นบ้านของซาคาโมโตะ เคียวยะ

          ทำไมถึงคิดว่าที่นี่คือชิรายูกิยาชิกิ เด็กหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ความรู้สึกลึกๆบางอย่างมันบอกว่าใช่ แถมพอคิดแบบนั้นความอบอุ่นประหลาดก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวเหมือนคนพลัดพรากจากถิ่นที่อยู่ไปนานได้กลับมาเยือนบ้านตัวเองอีกครั้ง เขารู้แผนผังบ้านหลังนี้ละเอียดทุกซอกทุกมุม รู้กระทั่งว่าส่วนไหนเป็นอะไรและตรงไหนคือห้องนอนของซาคาโมโตะ

          ลมเย็นพัดมากระทบกายแต่ใบหน้าของฟุรุคาวะกลับร้อนวูบวาบเมื่อนึกถึงเจ้าบ้านหนุ่มหน้าดุ นี่เขาเป็นอะไรไป? ทำไมต้องใจเต้นเวลานึกถึงแถมความรู้สึกบ้าๆนี่ยังลามไปถึงผู้ชายผมขาวคนนั้นด้วย ถึงจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่สายตาช่างเหมือนกับซาคาโมโตะไม่มีผิด แถมทั้งคู่ยังมีพฤติกรรมน่าโมโหเหมือนๆกันคือชอบลวนลามเขาทุกครั้งที่มีโอกาส พอนึกถึงตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของคนทั้งสองแล้วเด็กหนุ่มต้องระบายลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด เจ้าพวกบ้า! กระแทกเสียงในใจด้วยความโมโหแต่แล้วความโกรธกลับกลายเป็นความตระหนกเมื่อจู่ๆมีเงาทะมึนของผู้ชายโถมเข้าใส่เขาโดยไม่ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มร้องด้วยความตกใจ  

          “อ๊ะ!!!”  

          น้ำหนักที่ใส่มาไม่ยั้งส่งผลให้ฟุรุคาวะหงายหลังล้มทั้งยืน แต่คนตัวโตไม่หยุดแค่นั้น พอแน่ใจว่าอีกฝ่ายหมดโอกาสหนี เขาก็ลงมือฉีกเสื้อผ้าและก้มหน้าลงตะโบมจูบทั่วตัว การจู่โจมอย่างไม่คาดฝันทำให้เด็กหนุ่มเย็นวาบไปทั้งร่าง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าทำเรื่องบัดสีแบบนี้

          คาวาเบะ!

          ความขยะแขยงชิงชังในชื่อนี้ทำให้ฟุรุคาวะก็รวบรวมกำลังทั้งหมดผลักร่างบนตัวออกแต่ข้อมือทั้งสองกลับโดนมือใหญ่กว่ากดตรึงให้อยู่นิ่งกับที่ จะอ้าปากร้องก็ถูกปากหนาทาบลงมาบดขยี้อย่างหิวกระหาย เมื่อร่างกายท่อนบนถูกพันธนาการจนไม่อาจขัดขืนจึงเหลือแต่เพียงขาเท่านั้นที่ยังพอขยับได้ พอได้จังหวะเด็กหนุ่มจึงถีบคนที่ทับอยู่บนตัวเต็มแรง เมื่ออีกฝ่ายผงะก็สะบัดมือจนหลุดและรีบดันคนตัวโต กว่าออกแต่ยังไม่ทันลุกกลับถูกผลักให้นอนลงไปอีกครั้ง ความกลัวทำให้ฟุรุคาวะหลับหูหลับตารัวกำปั้นใส่ไม่ยั้งปากก็ร้องตะโกน

          “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้โรคจิต!”

          การดิ้นรนอย่างรุนแรงส่งผลให้ฟุรุคาวะตกใจตื่น แต่พอลืมตากลับยิ่งเพิ่มความตระหนกเมื่อเห็นร่างกายอันใหญ่โตของทาคุกำลังคร่อมอยู่บนตัว

          “ค...คุณทาคุ” เรียกด้วยนึกไมถึงว่าจะโดนคนขี้เล่นแกล้งแบบนี้ พอตั้งสติได้เด็กหนุ่มก็ดันอกสารถีหนุ่มให้ลุกแต่พออีกฝ่ายยังคงนิ่งเขาก็มุ่นคิ้ว “ตัวหนักเป็นบ้า ลุกได้แล้วฉันไม่สนุกด้วยนะ”

          ตบท้ายด้วยเสียงขุ่นพร้อมกับออกแรงผลักเพิ่มขึ้นอีกนิดแต่ไม่เป็นผล นอกจากจะไม่ขยับแล้วคนบนตัวยังกดเขาลงกับที่นอน

          “ฉันหิว”

          กระซิบบอกเสียงต่ำพลางแตะจมูกลงบนแก้มเบาๆ ความร้อนแล่นเป็นริ้วไปตามใบหน้า ฟุรุคาวะจ้องทาคุเขม็งเหมือนไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้

          “พูดอะไรของนาย” เขาข่มความกลัวเค้นเสียงถามขณะเดียวกันก็เริ่มออกแรงดิ้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”

          “ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ”

          “ฉันก็จะร้องให้คนช่วย” แกล้งขู่แต่ท่าทางจะไม่ได้ผลเพราะสารถีหนุ่มเหยียดรอยยิ้มที่ฟุรุคาวะเห็นแล้วนึกถึงคาวาเบะขึ้นมาในทันที รอยยิ้มของคนที่กำลังอยู่ในความปรารถนา รอยยิ้มที่แสนต่ำช้าน่าชิงชัง  

          “ลองร้องดูสิ” ทาคุท้าและขู่ไปพร้อมกัน พอเห็นคนตัวเล็กกว่านอนนิ่งเถียงอะไรไม่ออกก็ก้มลงไปหอมแก้มและเริ่มซุกไซ้ไปตามลำคอ

          “อย่า” ฟุรุคาวะร้องห้ามเสียงแห้งและใช้มือดันไหล่ของอีกฝ่าย “นายจะทำอะไรน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะทาคุ!"

          สารถีหนุ่มไม่สนใจฟัง เขาเคล้นคลึงร่างกายของคนตัวเล็กกว่าอย่างตะกรุมตะกราม ท่าทางที่ไม่ผิดไปจากสุนัขป่าผู้อดอยากปากแห้งมานานทำให้ฟุรุคาวะทั้งตระหนกและหวาดกลัว นี่ไม่ใช่ทาคุที่เขารู้จัก! เด็กหนุ่มตะโกนร้องอยู่ในอก มือที่พยายามผลักไสกำแน่นเป็นกำปั้นระดมทุบไม่ยั้งเพื่อให้คนที่อยู่บนตัวยุติการกระทำอันน่าขยะแขยง แต่แรงอันน้อยนิดของเขาไม่ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามสะเทือนเลยแม้แต่น้อย ทาคุคำรามในลำคอเบาๆอย่างรำคาญก่อนคว้าข้อมือเล็กๆนั่นกดไว้กับที่นอน

          “พอได้แล้ว” เขาพูดเสียงต่ำพลางตวัดลิ้นเลียแก้มฟุรุคาวะ สัมผัสอุ่นชื้นทำให้เด็กหนุ่มตัวเย็นวาบเพราะมันให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากการกระทำของคาวาเบะเลยแม้แต่น้อย ยิ่งตอนที่ทาคุลากมือลูบไล้ไปบนร่างกายด้วยแล้วช่างเหมือนกับตอนที่ถูกมือสากหนาของคนต่ำช้าลวนลามไม่มีผิด เด็กหนุ่มขนลุกซู่ด้วยความสยอง เขากำลังถูกคนที่อุตส่าห์ไว้ใจทำร้ายหรือนี่

          “ไม่!” ร้องออกมาจนสุดเสียงพร้อมกับดิ้นรนด้วยกำลังที่มีอยู่ทั้งหมด ทาคุจึงรีบตะปบปากเอาไว้และคำรามออกมาอย่างขัดใจ

          “อย่าร้อง” เขาปรามเสียงดุ ฟุรุคาวะสะบัดหน้าส่งเสียงอึกอักและเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายใช้เล็บที่แหลมคมกรีดเสื้อที่เขาสวมจนขาดเป็นริ้ว พอเห็นผิวเนื้อขาวๆสารถีหนุ่มก็เลียปากตัวเอง

          “น่าอร่อย”

          พึมพำเสียงพร่าก่อนก้มหน้าลงชิมความหวานของเนินอกอย่างหิวกระหาย พอถึงทับทิมสีชมพูเม็ดงาม ทาคุก็ครอบครองมันเอาไว้ในปาก หยอกเย้าด้วยปลายลิ้นสร้างความวาบหวามรัญจวนจนกายของเด็กหนุ่มถึงกับสั่นสะท้าน

          “อย่า!” เสียงหลุดออกจากปากพร้อมลมหายใจหอบถี่ “ไม่”

          ใจอยากทุบตีผลักไสคนบนตัวแต่เรี่ยวแรงกลับเหือดแห้งไปเสียเฉยๆ ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะโอนอ่อนไปกับการเล้าโลม แต่เกิดจากความตระหนกที่ถูกรุกรานโดยคนที่เขาไว้ใจ

          ทำไม? ฟุรุคาวะร้องถามอย่างไม่เข้าใจ ทำไมทาคุที่อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาถึงตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากหมาป่าที่หิวโซไปได้

          “ได้โปรดหยุดเถอะ” เด็กหนุ่มพยายามอ้อนวอนด้วยหวังว่าเสียงของเขาอาจทำให้อีกฝ่ายได้สติขณะเดียวกันก็ดันไหล่เบาๆพร้อมกับเรียกย้ำ “ทาคุ”

          สารถีหนุ่มชะงักเงยหน้าขึ้น ตาสีน้ำตาลจ้องประสานกับตาของฟุรุคาวะ แสงแห่งสติปะทุขึ้นวูบหนึ่งและมอดดับลงทันทีเมื่อปิศาจที่อยู่รอบตัวส่งเสียงอื้ออึง

          “หยุดทำไม จัดการต่อเร็วๆสิ”

          ทาคุส่งเสียงคำรามในลำคอและยืดตัวขึ้น ฟุรุคาวะยิ้มทั้งน้ำตาเพราะคิดว่าเขาได้สติแต่ความยินดีกลับหายวับไปเมื่อสองมือของสารถีหนุ่มตะปบลงบนสะโพกรูดกางเกงออกจากตัว

          “ไม่!” ร้องห้ามด้วยความตระหนกพร้อมกับดึงขอบกางเกงของตัวเองเอาไว้ในขณะเดียวกันก็พยายามถีบอีกฝ่ายให้พ้นตัว ทาคุปัดป้องการตอบโต้ของเด็กหนุ่มอย่างรำคาญพอขัดใจหนักเข้าเขาจึงเปลี่ยนจากถอดเป็นตวัดกรงเล็บฉีกมันเป็นชิ้นจนฟุรุคาวะอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า สารถีหนุ่มซึ่งบัดนี้กลายเป็นหมาป่าไปแล้วจ้องคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยดวงตาของนักล่าเมื่อต้อนเหยื่อให้จนมุม สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวกับร่างกายที่สั่นเทิ้มราวลูกแกะช่างเย้ายวนชวนน้ำลายสอจนเขาต้องเลียริมฝีปากตัวเอง

          “ฟุบุกิ”

          หลุดปากออกมาเพียงคำเดียวก่อนกางแขนคร่อมร่าง โน้มตัวลงเพื่อกลืนกินให้สมอยาก พออีกฝ่ายขัดขืนดิ้นรนเขาก็คว้าข้อมือเล็กๆทั้งสองตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเดียว เมื่อจำกัดอิสรภาพของเหยื่อได้แล้วทาคุจึงก้มหน้าลงแนบริมฝีปากจูบเด็กหนุ่มอย่างหลงใหล ไล่ตั้งแต่หน้าผาก ใบหน้าเรื่อยลงไปจนถึงหน้าอก วนเวียนหยอกล้อผลเชอรี่สีแดงอันหวานฉ่ำสลับซ้ายขวาอย่างไม่รู้เบื่อ

            “หยุด” เสียงห้ามปนสะอื้นแผ่วเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน “ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลยทาคุ”

          ฟุรุคาวะพร่ำคำอ้อนวอนด้วยใบหน้านองน้ำตา แต่มันไม่อาจทะลุผ่านเข้าไปในหูที่อื้ออึงไปด้วยลมแห่งราคะของทาคุเลยแม้แต่คำเดียว

          “อย่า...” เด็กหนุ่มพยายามพูดด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกตัว ตาที่พร่ามัวมองคนตัวใหญ่ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายของตัวเอง พริบตานั้นพลันมีเงาเลือนรางของหน้ากากปรากฏขึ้น มันลอยอยู่เหนือศีรษะของทาคุ แสยะยิ้ม และเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

          นั่นมันอะไรกัน ฟุรุคาวะตั้งคำถามกับตัวเองและเม้มปากแน่น จะเป็นอะไรก็ช่าง เพราะเวลานี้สิ่งเลวร้ายที่สุดไม่ใช่ปิศาจพวกนั้น หากเป็นเรื่องบัดซบที่กำลังเกิดขึ้นกับเขาต่างหาก

          เด็กหนุ่มหลับตาลง ร่ำไห้

          ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นฝีมือของคาวาเบะ เขาคงดิ้นรนขัดขืนหรือต่อสู้อย่างไม่กลัวตายไปแล้ว แต่พอเป็นทาคุ เขากลับไม่มีความคิดแบบนั้น ใช่ว่ายินดียอมรับหากแต่ความรู้สึกบางอย่างบอกลึกๆภายในใจว่า ผู้ชายคนนี้ไม่มีวันทำเรื่องเลวร้าย และไม่มีทางหักหลังเคียวยะ  

          หยุดเถอะ พอได้แล้ว

          เสียงหนึ่งสะท้อนออกมาจากก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก ฟุรุคาวะลืมตาขึ้นมองทาคุแน่วนิ่ง

          อย่าทำแบบนี้เลย.....ท่านเป็นคนมีเกียรติไม่ใช่หรือ

           “คุโระอินุมารุ”

          ชื่อหนึ่งหลุดจากปากเด็กหนุ่มโดยที่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดออกมาได้ยังไง แต่มันส่งผลอย่างน่าประหลาดต่อคนได้ยิน ทาคุชะงักทันที ตามองฟุรุคาวะอย่างมึนงง พอรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่เขาก็ใจหายวาบรีบผละโดดลงจากเตียง เท้ายังไม่ทันแตะพื้นกลับถูกของหนักๆเสยเปรี้ยงเข้าที่ปลายคาง ร่างสูงใหญ่กระเด็นไปกระแทกกับผนังห้องอย่างแรง

          “โอ๊ย!” สารถีหนุ่มร้องออกมาแต่ยังไม่ทันเต็มเสียงลำคอของเขาก็ถูกมือข้างหนึ่งตะครุบเอาไว้ ดันให้ติดกับกำแพง ทาคุเงื้อกำปั้นหมายสวนกลับแต่ต้องชะงักค้าง  

          “เคียวยะ”

          เอ่ยเรียกด้วยความแปลกใจและเปลี่ยนไปเป็นความตระหนกเมื่อเห็นนัยน์ตาของซาคาโมโตะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอำพันและมีเพลิงแห่งโทสะกำลังเต้นระริกอยู่ภายใน แต่ความน่ากลัวไม่ใช่มีเพียงแค่นั้น เงาสีขาวที่ปรากฏขึ้นซ้อนบนใบหน้าทำให้ทาคุถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว

          จิ้งจอกเงิน !

                  สารถีหนุ่มอ้าปากเพื่ออธิบายแต่ต้องชะงักค้างเมื่อซาคาโมโตะยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้น เล็บทั้งห้ายืดยาวออกมาและมีความคมดุจใบมีด พริบตามันก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเขาด้วยความเร็วยิ่งกว่างูฉก

                  สวบ!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่