สุดท้ายแล้วการเป็น "กัลยาณมิตร" ที่ดีต่อกัน อาจจะดีที่สุด

นี่เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรกของผม ติชมกันได้ตามสะดวกนะครับ

เริ่มเรื่องเลยละกันนะคับเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เมื่อสมัยผมอยู่ปี 1 (ปัจจุบันปี 5 คับ) ผมแอบชอบผู้หญิงอยู่คนนึง เธออยู่ปีเดียวกับผมนี่แหละ เธอดูเป็นคนโผงผาง พูดตรง ด่าแรง ฮ่าๆๆ แต่ผมไม่ได้ติดเรื่องนั้นนะ บอกตามตรงว่า มันก็เหมือนๆกับการแอบชอบรักใคร่ทั่วๆไปของวัยหนุ่มสาว (ขอสงวนชื่อ กับคณะนะคับ)  ผมติดตามชีวิตของเธอแทบจะเป็นเหมือน สโตกเกอร์ ฮ่าๆๆ แต่ก็นะ มันก็ได้แค่การติดตามแบบถ้ำมองเท่านั้น ผมไม่เคยเข้าไปทักหรือสนทนากับเธอเลยสักครั้ง เพราะผมเป็นคนขี้อาย และจีบใครไม่เป็น จากที่ผมได้แค่มองเธออยู่ห่างๆในโลกความจริง วันนึงผมก็ค้นหา facebook ของเธอเจอในที่สุด (หายากมากกกก) คราวนี้ผมจะได้รู้ตัวตนของเธอในโลกออนไลน์บ้าง เธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆไปที่ผมเคยเจอ ชอบเที่ยว กิน เม้าท์ แต่งตัว อยู่กับเพื่อนฝูง ตามภาษาวัยรุ่นผู้หญิงทั่วไป ทุกวันแม้ในเวลาเรียน ผมชอบเข้าไปส่อง facebook ของเธอเป็นประจำ เธอไปไหน ทำอะไร ผมทำแบบนั้นอยู่แรมปี จนผมขึ้นปี 2 (คือได้แต่แอบถ้ำมองในโลกความจริง และเมื่อว่างก็ส่อง facebook) ช่วงเย็นของทุกวัน ผมกับเพื่อนๆจะนัดกันไปอ่านหนังสือกันที่ห้องสมุดของมหาลัย ผมบังเอิญเจอเธอคนนั้นที่ห้องสมุด และ เจอเป็นประจำซะด้วย หลังจากนั้นภายในเทอมนั้น หลังหมดคาบเรียนของแต่ละวัน ผมจะรีบแจ้นไปห้องสมุดเพื่อไปหาหนังสืออ่านเล่น และที่สำคัญ ไปแอบดูเธอแบบห่างๆ ฮ่าๆ(หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะรำคาญละ เมื่อไหร่จะรุกเข้าหา ฮ่าๆ) อย่างที่บอกครับ ผมไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้ และกลัวการโดนปฏิเสธิ ผมเลยมีความสุขกับการแอบมองเธออยู่ห่างๆแบบนี้ จนระยะเวลาผ่านไปเรื่อยๆจนผมขึ้น ปี 3 ผมตั้งมั่นว่าจะต้องกล้าเข้าไปทักเธอให้ได้ซะที แต่มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นเลย เพราะเทอมนี้ เป็นเทอมที่ผมเจอเธอน้อยมาก แต่ก็ยังเห็นอัพเดทใน facebook ของเธออยู่เรื่อยๆ แต่ผมก็ยังคิดถึงเธอเสมอ และอยากเจอมากๆ เวลาผ่านไปจนเมื่อผมขึ้นปี 4 มันคือปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของผมจริงๆ ฮ่าๆๆ ไม่อยากจะเชื่อ วันนึงระหว่างผมออน facebook เธอคนนั้นทักแชทมาหาผม ถามปัญหาเกี่ยวกับการรักษาสัตว์กับผม เหมือนจะรู้ข้อมูลคณะของผมจากข้อมูลใน  facebook (อ่อ ผมลืมบอกผมเรียนคณะที่เกี่ยวกับการรักษาสัตว์) ผมดีใจมากกกคับ เท่าที่จะเป็นการดีใจของผู้ชายขี้อายคนนึงได้ ผมยินดีที่จะตอบเธอทุกคำถาม ไม่รู้อะไรยังไงก็ค้นหาคำตอบมาให้เธอจนได้ พยายามยืดระยะเวลาการแชทด้วยกันให้นานที่สุด แต่ไม่ได้ทำให้เธอรำคาญนะคับ จนวันนั้นเราก็จบบทสนทนากันด้วยคำว่า ฝันดี และส่งสติ๊กเกอร์ให้กัน คือหลายคนที่ได้คุยกับคนที่แอบชอบมานานๆมากคงเข้าใจ ว่าความรู้สึกของการได้คุยกับคนที่แอบชอบนั้นมันสุดแสนจะเกินบรรยายมาก แต่!!!  เราก็ไม่ได้แชทคุยกันอีกสักพักเลยหลังจากนั้น แต่ผมก็ยังเฝ้ามองเธอต่อไปแบบนี้เรื่อยๆและจนวันนึง ผมได้อัพรูปคู่กับหมาวัดลง facebook ผมได้ไปให้อาหารพวกมัน และผมก็ดีใจมากก ที่เธอเข้ามาคอมเม้นใต้รูปของผมด้วยย ถึงจะเป็นแค่คอมเม้นธรรมดาก็เถอะ (ส่วนตัวเธอเป็นคนรักสัตว์มากกกกกโดยเฉพาะหมา) เอาล่ะคับหลายคนอ่านมาถึงตรงนี้เริ่มเบื่อกันแล้ว ใกล้ละครับ เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างความสัมพันธ์กันของผมและเธอ ผมไปไหนมาไหนเจอหมาข้างถนน หรือ ตามวัด ผมจะชอบเซลฟี่และอัพลงfacebook ทุกครั้ง และเธอก็จะมาคอมเม้นทุกครั้ง จนเราได้แชทกันอีกครั้งนึง เธอมาถามปัญหาสุขภาพหมาของเพื่อนเธอ ผมนี่รีบหาคำตอบเลยคับ เปิดตำราเรียน เปิดชีทเรียน เสิดอากู๋ หามาให้เธอจนได้ คืนนั้นผมกับเธอแชทคุยกันนานมากก ไม่ได้คุยแค่เรื่องหมาๆแล้ว คุยกันแบบแลกเปลี่ยนทัศนคติของคณะกันและกัน จนลากยาวไปถึง ตี4 ฮ่าๆๆ ผมเลยรวบรวมความกล้าและตัดสินใจ เล่าเรื่องว่าที่ผ่านมาผมเจอเธอยังไง และแอบชอบเธอมานานแค่ไหน แอบมองเธออยู่แบบนั้นทั้งๆที่เธอไม่เคยสังเกตุผมเลยด้วยซ้ำ เธอตอบผมมาว่า เธอรู้สึกดีที่มีคนแอบปลื้มเธอและสังเกตุเธอ และรู้ทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเธอแบบนี้ แต่ผมก็แบบ กล้าๆกลัวๆไงคือเลยพิมพ์ไปแบบประมาณว่า "ไม่เป็นไรนะ ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรา เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ได้" แต่ด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่างนี่แหละครับ ผมอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เราก็เปลี่ยนบทสนทนาแล้วมาคุยเรื่องส่วนตัวกัน เป็นคนที่ไหน ชอบทำอะไร ฟังเพลงแนวไหน ชอบสีอะไร คือมันเป็นอะไรที่แบบ ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆสักคำหลายคนคงเดาออกว่า เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเธอก็คงโอเคกับผมไม่มากก็น้อย ผมและเธอคุยแชทกันทุกวันและเริ่มสนิทกันจนนัดเจอกันในวันเกิดของผม เธอสัญญาว่าเธอจะมาหาผมที่วัดและเก็บภาพผมกับเจ้าพวกหมาที่ผมมาเล่นเป็นประจำ และก่อนกลับเราทั้งคู่ก็มาเซลฟี่กัน เธอก็มาตามสัญญาและมาคนเดียวซะด้วย ผมดีใจมากๆที่เธอโอเคกับผมและวันนั้นเธอแท๊กรูปคู่กับผมลง facebook เป็นครั้งแรก ผมดีใจที่สุดในชีวิตเลยฮ่าๆๆ ผมกับเธอยังคงคุยกันไปเรื่อยๆและเริ่มสนิทกันมากขึ้น จนถึงวันนึงที่ผมตัดสินใจจะขอคบหาดูใจกับเธอและเธอก็ตกลงคบกับผม เรื่องราวต่อจากนี้ผมจะพยายาม skip เนื้อหานะครับ(ช่วงเวลาที่คบกัน) ผมจะเล่าแค่พื้นฐานผมกับเธอ ว่าเรามีนิสัยในเรื่องความรักกันแบบไหน เริ่มจากผม ผมเป็นคนขี้หึงคับ ขี้หึงมากก( ก ล้านต้ว) เป็นคนที่รักใครแล้ว รักแบบฝังรากลึกเลย รักเดียวใจเดียว ชอบเปิดเผยว่ามีแฟน ชอบเป็นผู้นำ ชอบตีกรอบ ยอมสละเวลาส่วนตัว และเวลาอยู่กับเพื่อนเพื่อมาหาเธอคนนี้ได้โดยไม่มีกังวล และคิดว่าการได้ใช้เวลาอยู่กับเธอคนนี้นี่แหละคือความสุขของผมอย่างแท้จริง ส่วนแฟนของผม(ฮ่าๆใช้คำว่าแฟนละ) เธอเป็นคนจิตใจดี บริสุทธิ์ และไม่เคยตีกรอบหรือมาบังคับอะไรผม มีมุมหวานๆบ้างในบางเวลา ไม่มีการแสดงออกว่าขี้หึงเลยแม้แต่น้อย แต่เอาใจใส่ผมแทบทุกเรื่อง เธอชอบอยู่กับเพื่อนๆของเธอมาก(ประมาณว่าติดเพื่อน) แต่หลังจากมาคบกับผม เหมือนเธอจะใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆของเธอน้อยลงไปมาก ผมกับเธอมีปากเสียงกันเพราะความขี้หึงของผมหลายต่อหลายครั้ง เธอร้องไห้บ้าง ผมร้องไห้บ้าง ผมไม่อยากเสียเธอไป ผมต้องเข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับตัวของเธอและเพื่อนผู้ชายของเธอไปเรื่อยๆ จนเราคบกันได้ปีครึ่ง เหมือนความรักที่เธอมีต่อผม มันคือความรู้สึกฝืนสุดขีด เมื่อวันนั้นเธออยากที่จะเลิกกับผม เพราะเธออึดอัดและไม่ชอบให้ใครมาตีกรอบใดๆในตัวของเธอ จนวันนึงเธอหมดความอดทน เธอจึงไม่อยากที่จะคบกับผมต่ออีกแล้ว และความรู้สึกต่างๆนาๆทั้งหมดมันก็พรั่งพรูออกมากลายเป็นน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด ผมเล่าย้อนให้เธอฟังอีกครั้งว่าเราสองคนรักกันมากแค่ไหน ผ่านอะไรกันมาบ้าง พยายามยื้อเธอไว้สุดกำลัง เธอเหมือนจะเริ่มใจอ่อนมาบ้าง แต่เธอยื่นข้อเสนอให้ผม คือ...ให้สถานะในตอนนั้นของเราสองคนคือ คนที่พึ่งเริ่มจีบกันแบบใหม่ๆ โดยเธอตั้งกฏกับผมว่า ต้องรับในตัวเธอให้ได้ทุกเรื่อง ห้ามมาบังคับ ยัดเยียดอะไร ตีกรอบ หรือเอาเวลาส่วนตัวของเธอและเพื่อนไป และอื่นๆอีกหลายเรื่อง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายแบบนั้นเลย เหมือนผมต้องตั้งค่า reset ตัวเองใหม่ทั้งหมด ปรับทัศนคติที่มีต่อทุกคนรอบตัวเธอ และเธอใหม่(หลายคนที่อ่านเริ่มคิดว่าจะฝืนเพื่อ??ฮ่าๆ) ในระหว่างนั้นเราก็มีปากเสียงกันบ้างจากเพียงแค่เรื่องเล็กๆ จนมันเริ่มรุนแรงเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นอีกครั้ง แต่ในตอนนั้นผมสามารถยอมรับตัวเธอได้ในหลายๆเรื่อง จนแทบจะเหลือแค่เรื่องของความขี้หึงของผม ผมไม่สามารถที่จะจัดการดัดนิสัยส่วนนี้ได้ในระเวลาอันสั้น มันคงต้องใช้เวลาพอสมควรจริงๆ แต่เหมือนเธอคงไม่อยากจะรอจนกว่าผมจะรับในตัวเธอ หรือ แก้ความขี้หึงนั้นได้ ผมเข้าใจว่าเธอก็คงเหนื่อยกับตัวผมมามากแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เธอรู้สึกกับผมประมาณว่า จากคนที่เคยรู้สึกรัก แต่กลับกลายเป็นแค่ คนที่เคยผูกพัน และลดลงเหลือเป็นเพียง คนที่กำลังคุยกัน จนตอนนี้ไม่เหลือความสัมพันธ์ใดๆที่มากกว่าคำว่า "เพื่อน" ผมเป็นคนทำทุกอย่างพังหมด ในวันนั้นก่อนผมและเธอจะต้องยอมรับว่าจะต้องเป็นเพื่อนกันจริงๆหรือ ผมโทรไปหาเธอขอโทษสำหรับทุกอย่างและขอโอกาสจากเธอเหมือนครั้งผ่านๆมา แต่คราวนี้ไม่เหมือนกับครั้งไหนๆอีกแล้ว น้ำเสียงของเธอเย็นชา และไม่มีท่าทีจะให้โอกาสหรือความหวังใดๆ เธอบอกผมว่า เธอเป็นเพื่อนกับผมได้นะ และเรายังคุยกันบ้างเวลาคิดถึงกัน ความรู้สึก ณ ตอนนี้เวลานี้ เธอไม่อยากที่จะกลับไปจุดนั้น และก็ไม่อยากให้ความหวังกับผมอีก แต่ความรู้สึกของผมนั้นมันเหมือนแบบ เราไม่อยากจบกันแบบนี้เลย ผมพยายามยืดเยื้อให้ความรักของเราให้มันนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ผมดูเห็นแก่ตัวมากจริงๆคับ) ผมเป็นห่วงเธอในหลายๆเรื่อง พยายามพูดกล่อมเธอ จนผมบอกเธอไปว่า "จนกว่าเธอจะเรียนจบ เราขอช่วยเหลือเกื้อกูลเธอแบบนี้ไปเรื่อยๆได้มั้ย ถ้าเธอมีปัญหาอะไรขอให้นึกถึงเราเป็นคนแรกเสมอ และเราขอทักแชทไปหาเธอทุกวัน แต่เธอไม่ต้องตอบกลับมาหาเราก็ได้" เหมือนเธอจะไม่โอเคกับข้อเสนอผมสักเท่าไหร่ จนผมขอร้องและพูดจนเธอยอมรับในข้อเสนอนี้ (เอาล่ะหลายคนอ่านมาถึงตรงนี้เริ่มด่าผมในใจกันแล้ว ฮ่าๆๆๆ  แน่นอนคับหลายคนคงไม่ชอบวิธีการและความรั้นของผม แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอมันยากเกินที่จะอธิบาย) จนตอนนี้ผมกับเธอ เรากลับมาอยู่ในสถานะที่เรียกว่า "เพื่อน" แต่สำหรับผมมันก็พูดไม่ได้เต็มปาก และตอนนี้ก็เหลือระยะเวลาอีกเพียง 1 ปี จนกว่าเธอจะเรียนจบ(ผมเรียนจบหลังเธอคับ) ที่ผมจะต้องพิสูจน์ตัวเองในหลายๆเรื่องให้เธอเห็น ผมต้องอยู่แบบนี้ให้ได้ และก็ยังเป็นห่วงเธอเสมอ ถึงจะเข้าไปทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ผมยินดีที่จะคอยเฝ้ามองเธอแบบนี้ เหมือนครั้งที่ผ่านๆมาก่อนที่เธอและผมจะคบกัน จนความรู้สึกของผมมันบอกมาว่า "ถ้าไม่เหมือนเดิมก็ไม่เป็นไรนะ เราจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอเอง" ผมไม่มั่นใจว่า สิ่งนี้คือสิ่งที่เรียกว่า "กัลยาณมิตร" รึเปล่า แต่ลึกๆผมก็หวังว่า ถ้าบุญเสมอ หรือ ศีลเสมอกัน อนาคตเราอาจจะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้งในฐานะของคนรัก แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันจะไม่เป็นเช่นนั้นจริงๆ ผมก็คงต้องยอมรับความจริงในจุดนี้ และลึกๆแล้วก็อยากให้เธอมีความสุขโดยผมจะไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ก็ผมเป็นพวกที่ชอบแอบมองเธอแบบนี้อยู่แล้วนี่คับ จะมองเธออยู่ห่างๆอย่างห่วงๆแบบนี้อีกสักครั้งก็คงไม่เลว ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่