แชร์ประสบการ์ณ มีแฟนแล้วเหงากว่าเดิม

เกริ่นก่อนคือผมเอง ตอนโสดเป็นหนุ่มเพลย์บอยเอาเรื่องครับ ก็คนมันหล่ออ่ะนะ55 
แล้วจู่ๆก็มีผูหญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตผมครับ เธอเป็นคนที่น่าจะเป็นคนเดียวที่ดีกับผมแบจริงใจในตอนนั้น
เราทั้งสองจึงตกลงเป็นแฟนกันครับ ตอนนี้เราคบกันได้ประมานสามปีเข้าสู่ปีที่สี่แล้วครับ
ตลอดเวลาที่คบกันมาเธอคือผู้หญิงที่ดีที่สุดที่เข้ามาในชีวิตผมเลย และผมก็สัญญากับตัวเองว่า
ผมจะเป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตเธอเช่นกันครับ 
มันคือเบสิคของคู่รักที่เพรียบพร้อมไปด้วยความสุข ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือความลงตัวในชีวิตคู่ที่วิเศษมากๆที่สุดเท่าที่ชีวิตคู่จะมีได้ครับ
ตลอดเวลาที่คบกันมาคู่ของเราไม่เคยบาดหมางใจกัน ให้เกียติกันและกันอย่างถึงที่สุด ไม่มีใครเอาเปรียบใคร มันคือความเพอเฟคมากๆครับ 
ผมหยุดเรื่องไม่ดีทุกๆอย่างและยกทั้งชีวิตให้เธอไปเลยครับ

เธอทำงานประจำครับ ส่วนผมทำงานฟรีแลนอยู่บ้านครับ เลิกงานผมก็จะคอยไปรับไปส่งตลอด เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน เรามีความสุขด้วยกันทุกวัน
วันที่เศร้าเราก็เป็นพลังบวกให้กัน
เนื่องจากชีวิตที่ผมมีความสุขกับชีวิตคู่มากๆ ผมจึงเริ่มตัดผู้คนหรือทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวออกหมด เนื่องจากอาชีพของผมวันๆมันอยู่แต่บ้าน จึงไม่ได้เจอผู้คนเลย ไม่มีเพื่อนร่วมงาน ไม่มีเพื่อนสังสรรค์ใดๆทั้งสิ้น ชีวิตนี้ผมมีแค่ผู้หญิงคนนี้เป็นทุกอย่างให้กับผม เรียกได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมเจอแค่หน้าแฟนผมที่เป็นมนุษย์เป็นตัวเป็นตนเลยครับ

ชีวิตคู่ของเราตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตแบบให้เกียตกัน ไว้ใจกัน ใครอยากทำอะไรก็ทำ เราจะไม่เหนี่ยวรั้งอะไรกันทั้งสิ้น อยากไปเดินห้าง อยากไปเที่ยวกับเพื่อนเราจะไม่ก้าวก่ายกันเด็ดขาด
หากมีธุระห่างกัน เราก็จะวิดีโอคอลคุยกันเฉพาะตอนว่างๆหรือเสร็จธุระ ชีวิตก็เป็นแบบนี้เรื่อยมา

จนมาวันนึงเธอได้เปลี่ยนงาน ที่ต้องไปทำงานต่างประเทศ ไปทีก็เป็นอาทิต 
ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแบบฉับพลันมากๆเลยครับ

หลังจากครั้งแรกที่ผมส่งเธอขึ้นเครื่องบินเสร็จ นับแต้งแต่นั้นเราแทบไม่ได้มีการปฏิสัมพันใดๆกันเลย แชทก็ตอบกันวันละไม่ถึงสองสามประโยค
ไม่มีการโทรหากัน วิดีโอคอลหากันเลยแต่อย่างใด

ผมได้รับข้อความเพียงแค่ นอนแล้วนะ นั่นคือข้อความที่ผมจะได้รับแต่ละวัน
ผมยังคงให้เกียรตเธอเสมอและพยายามเข้าใจว่าเขาไปทำงานและต้องเผชิญกับงานที่ตัวเขาต้องเจออยู่ ซึ่งมันก็คงจะหนักพอตัว
เขาให้เหตุผลว่า ไม่มีเวลาที่จะให้ผมได้เลยเพราะงาน

ผมเองก็ยังไม่ได้คิดเรื่องมือที่สามนะครับ เพราะอยู่ด้วยกันมาเราเชื่อใจกันมาก
ผมเองก็ไม่ไปจุกจิกอะไรกับเขาเช่นกันเพราะว่าไม่อยากให้เขาต้องมาเครียดที่ผมเอง เพราะผมเคยบอกกับเขาไปแล้วว่าผมจะเป็นกำลังซับพรอทให้เขา ไม่ใช่สิ่งที่จะขัดขวางเขา อยากให้เขาได้โฟกัสกับสิ่งที่ทำ และเขาก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำมาก

ประเด็นคือ เมื่อทุกๆอย่างมันห่างกันมากขึ้น ผมเองก็รู้สึกเหงา และเมื่อมันผ่านไปมากขึ้น ผมเองกลับรู้สึกว่า มันเหงากว่าตอนที่ผมยังโสดอยู่อีก
เพราะผมไม่เหลือใครเลยในชีวิต ช่วงโสดผมยังหาแชทเล่นแอพไปเรื่อย แต่ตอนนี้มันไม่โสดครับมันทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ บอกตามตรงครับ ชีวิตผมไม่เคยรู้สึกเหงา โดดเดี่ยวอะไรมาก่อนขนาดนี้เลยครับ
จะเลิกก็ไม่ได้เพราะผมเองก็ยังรักเขา และก็ไม่มีเหตุปัจจัยอะไรมาเป็นสิ่งที่ทำให้เลิกกัน ทุกวนนี้เวลาเธอกลับมาเราก็จะได้อยู่ด้วยกันเพียงแป๊บเดียวละเขาก็จะต้องบินไปทำงานต่อเลยทันที บางทีเวลาเจอกันผมก็ทำตัวไม่ถูกไปแล้วด้วยซ้ำ  ตอนนี้ผมเริ่มทำใจกับการอยู่คนเดียวได้แล้วครับ แต่สำหรับผม มันคนเดียวเกินไป คนเดียวแบบ ไม่มีใครรอบตัวจริงๆเลยครับ ในหนึ่งวันผมไม่ได้มีปฎิสัมพันกับใครเลย ตื่นมาทำงาน ทำงานเสร็จนอน ชีวิตผมวนลูบอยู่แค่นี้เลยครับ

ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกแบบนี้มันจะไปลงเอยแบบไหนนะครับ เราอาจจะชินกันไปเอง เราอาจจะต่างคนต่างไปเจอคนที่ดี จะต้องมีใครคนนึงโดนสวมเขา หรือมันอาจจะต้องจบลงไปเลยเฉยๆ ผมเข้าใจครับมันอาจจะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องที่ความสัมพันนี้มันใกล้จะจบแล้ว เราเคยตกลงกันไว้แล้วว่า ถ้ามีคนอื่นเราจะไม่มาโกหกปิดบังกัน ให้บอกกันมาเลยตรงๆ ยังไงจะต้องมีคนใดคนนึงมีความสุขกับชีวิตใหม่ และอีกคนจะต้องเสียใจอยู่แล้ว ให้รีบบอกกันจะได้มีเวลาเสียใจ มีเวลาไปเริ่มชีวิตใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น
ในเมื่อเรายังเชื่อมันในข้อตกลงนี้ผมจึงยังคงยึดมั่นกับชีวิตคู่ของเราต่อไปครับ

โพสนี้มาแชร์เรื่องความรัก ของสาวรอบโลก กับหนุ่มอยู่แต่ในห้อง ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่