เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คุณครูประจำชั้นอนุบาลของลูกสาว (ข้าราชการครู) ได้โทรศัพท์มาหา เพื่อขอยืมเงินเป็นเงินจำนวน 30,000 บาท (ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร)
เราก็สงสารเห็นว่าครูของลูกเดือดร้อนก็เลยบอกแกไปว่าเราก็ไม่มีเงิน แต่พอมีทางที่จะช่วยเหลือแกได้ ก็คือการไปกดบัตรเครดิตมาให้แกก่อน แล้วถามแกจะใช้คืนเมื่อไหร่ แกก็ตอบว่าจะใช้คืนวันที่ 10 มีนาคม เพราะเงินล้านแกจะออกวันนี้ ถ้าเงินล้านแกออกแกจะรีบเอามาคืนให้
เมื่อเลยกำหนดแล้วจึงได้สอบถามแกไปใหม่ว่าจะออกเมื่อไหร่ แกก็บอกว่าเงินล้านยังไม่ออก
หลังจากนั้นแกก็โทรมาถามว่าบัตรเครดิตเราสามารถกู้ได้อีกไหม พอดีแกเดือดร้อน หลานแกต้องไปถ่ายพรีเวดดิ้งแต่งงาน แต่แกไม่มีเงินให้ เราก็บอกไปว่าเราได้กู้มาให้แกหมดแล้ว ตอนนี้เราก็เป็นหนี้แทนแกแล้ว เราไม่มีให้แล้ว อีกไม่กี่วันต่อมาแกก็ไลน์มา ถามว่ามีเงินให้แกยืม 3,000 ไหม พอดีลูกแกกำลังเรียนมหาวิทยาลัยต้องรวบรวมส่งเงินให้ลูกหมด ตอนนี้แกไม่มีเงินใช้แล้ว (ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร) เราก็บอกว่าเราก็ไม่มีแล้วเหมือนกัน
เมื่อวานนี้เราได้โทรไปสอบถามแกว่าแกจะเอาเงินมาคืนให้เมื่อไหร่ แกก็บอกว่าเงินล้านยังไม่ออก แกยังไม่มีให้
ด้วยความสงสัยเราจึงได้โทรไปสอบถามผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนบอกว่าคุณโดนครูคนนี้หลอกแล้ว ไม่ใช่เราที่โดนคนเดียว ผู้ปกครองนักเรียนก็โดนกันหลายราย เงินล้งเงินล้านอะไรไม่มี ครูคนนี้เล่านิทานเก่ง ไม่มีใครเคยได้เงินคืนจากแก
ผู้อำนวยการก็ยังบอกอีกว่าคุณยอมให้เค้ายืมเงินเอง แล้วไม่มีหลักฐานอะไร รับรู้กันแค่สองคน เค้าไม่ได้ขู่บังคับขู่เข็นว่าจะหลอกเอาเงินของคุณ คุณก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่มีสัญญา ไม่มีคนค้ำประกัน เพราะฉะนั้นคุณจะมาเอาเรื่องไม่ได้ ผู้อำนวยการไม่มีสิทธิ์จะไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของครู แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานของครูคนนี้ เค้าจึงจะมีอำนาจตักเตือนครูคนนี้ได้
สรุปก็คือเราก็ต้องเป็นหนี้สามหมื่นและชดไช้หนี้บัตรเครดิตเอง
พฤติกรรมของครูคนนี้เหมือนมาขอเงินจากเรามากกว่า และคนที่จะให้แกต้องให้ด้วยความสมัครใจด้วยเนื่องจากแกจะมีวงเล็บเสมอว่า "ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร"
****เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้เราเป็นหนี้สินบัตรเครดิตเป็นเงินจำนวน 30,000 บาท และไม่รู้ว่าที่แกบอกว่าจะเอามาคืนให้จะให้คืนเมื่อไหร่
คุณครูที่เคารพ
เราก็สงสารเห็นว่าครูของลูกเดือดร้อนก็เลยบอกแกไปว่าเราก็ไม่มีเงิน แต่พอมีทางที่จะช่วยเหลือแกได้ ก็คือการไปกดบัตรเครดิตมาให้แกก่อน แล้วถามแกจะใช้คืนเมื่อไหร่ แกก็ตอบว่าจะใช้คืนวันที่ 10 มีนาคม เพราะเงินล้านแกจะออกวันนี้ ถ้าเงินล้านแกออกแกจะรีบเอามาคืนให้
เมื่อเลยกำหนดแล้วจึงได้สอบถามแกไปใหม่ว่าจะออกเมื่อไหร่ แกก็บอกว่าเงินล้านยังไม่ออก
หลังจากนั้นแกก็โทรมาถามว่าบัตรเครดิตเราสามารถกู้ได้อีกไหม พอดีแกเดือดร้อน หลานแกต้องไปถ่ายพรีเวดดิ้งแต่งงาน แต่แกไม่มีเงินให้ เราก็บอกไปว่าเราได้กู้มาให้แกหมดแล้ว ตอนนี้เราก็เป็นหนี้แทนแกแล้ว เราไม่มีให้แล้ว อีกไม่กี่วันต่อมาแกก็ไลน์มา ถามว่ามีเงินให้แกยืม 3,000 ไหม พอดีลูกแกกำลังเรียนมหาวิทยาลัยต้องรวบรวมส่งเงินให้ลูกหมด ตอนนี้แกไม่มีเงินใช้แล้ว (ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร) เราก็บอกว่าเราก็ไม่มีแล้วเหมือนกัน
เมื่อวานนี้เราได้โทรไปสอบถามแกว่าแกจะเอาเงินมาคืนให้เมื่อไหร่ แกก็บอกว่าเงินล้านยังไม่ออก แกยังไม่มีให้
ด้วยความสงสัยเราจึงได้โทรไปสอบถามผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนบอกว่าคุณโดนครูคนนี้หลอกแล้ว ไม่ใช่เราที่โดนคนเดียว ผู้ปกครองนักเรียนก็โดนกันหลายราย เงินล้งเงินล้านอะไรไม่มี ครูคนนี้เล่านิทานเก่ง ไม่มีใครเคยได้เงินคืนจากแก
ผู้อำนวยการก็ยังบอกอีกว่าคุณยอมให้เค้ายืมเงินเอง แล้วไม่มีหลักฐานอะไร รับรู้กันแค่สองคน เค้าไม่ได้ขู่บังคับขู่เข็นว่าจะหลอกเอาเงินของคุณ คุณก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่มีสัญญา ไม่มีคนค้ำประกัน เพราะฉะนั้นคุณจะมาเอาเรื่องไม่ได้ ผู้อำนวยการไม่มีสิทธิ์จะไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของครู แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานของครูคนนี้ เค้าจึงจะมีอำนาจตักเตือนครูคนนี้ได้
สรุปก็คือเราก็ต้องเป็นหนี้สามหมื่นและชดไช้หนี้บัตรเครดิตเอง
พฤติกรรมของครูคนนี้เหมือนมาขอเงินจากเรามากกว่า และคนที่จะให้แกต้องให้ด้วยความสมัครใจด้วยเนื่องจากแกจะมีวงเล็บเสมอว่า "ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร"
****เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้เราเป็นหนี้สินบัตรเครดิตเป็นเงินจำนวน 30,000 บาท และไม่รู้ว่าที่แกบอกว่าจะเอามาคืนให้จะให้คืนเมื่อไหร่