ถ้าผมกับเมียไม่ได้ร่วมกับลูกที่โรงเรียน ผมคงเสียใจไปตลอดชีวิตครับ

ผมกับภรรยาได้คุยกันว่าในอาทิตย์นี้จะต้องไปรับลูกที่โรงเรียนให้ได้ เพราะเป็นเดือนสุดท้ายที่ลูกจะได้อยู่ที่นี่ เราจึงคิดว่าน่าจะทำอะไรเพื่อลูกดีนะ เราสองคนจึงตกลงกันว่า เราจะขออนุญาติคุณครูที่ศูนย์เด็กเล็กที่ลูกเรียนอยู่ เพื่อไปทำกิจกรรมให้ลูกและเพื่อนๆ ของลูกได้สนุกสนานกันครับ

เด็กๆ ที่นี่ อายุเฉลี่ย 1 - 2 ปี ผมกับภรรยาจึงต้องหากิจกรรมที่จะทำให้เด็กคนละหนึ่งอย่างเพื่อไปแสดง โดยในช่วงแรกแม่เงาะจะเป็นคนเล่านิทาน และช่วงที่สองพ่อเอสจะนำเด็กๆ เล่นเกม ซึ่งคิดว่าเด็กๆ น่าจะชอบแน่ และแล้วความสนุกก็เกิดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ และเสียงหัวเราะของเด็กๆ



แม่เงาะ ได้เล่านิทานประกอบกับเชิดหุ่นตุ๊กตามือ "เรื่องลูกหมู 3 ตัว กับหมาป่าจอมโหด"  โดยเล่าให้ฟังสดๆ ว่า...



กาลครั้งหนึ่ง มีลูกหมู 3 ตัว เป็นพี่น้องกัน แต่ละคนต้องออกไปสร้างบ้านเป็นของตัวเอง โดยมีแม่หมูได้บอกกับลูกๆ ของตนเองว่า
“พวกเจ้าโตกันแล้ว บ้านหลังนี้คงจะคับแคบเกินไป สำหรับพวกเจ้าแล้วนะ แม่ขอให้พวกเจ้าทั้ง 3 ตัว จงไปพยายามสร้างบ้านอยู่เป็นของตัวเองกันนะลูก”



เมื่อลูกหมูทั้ง 3 ได้ยินดังนั้น จึงล่ำลาแม่หมู และออกเดินทางไปสร้างบ้านของตนเองกัน

ลูกหมูตัวที่ 1 เลือกที่จะสร้างบ้านจากฝาง เพราะง่ายสุดใช้เวลาเร็วสุด เพื่อรีบออกมาเล่นสนุก

ลูกหมูตัวที่ 2 เลือกที่จะสร้างบ้านจากไม้ เพราะใช้เวลาไม่มาก เพื่อจะได้ออกไปวิ่งเล่นและกินขนม

ส่วนลูกหมูตัวที่ 3 เลือกที่จะสร้างจากอิฐที่มั่นคงและแข็งแรง ซึ่งต้องใช้เวลานานมาก และยอมแลกกับการที่ไม่ได้ออกไปเล่นจนกว่างานจะเสร็จสำเร็จ



วันหนึ่งได้มีมาป่าหิวโซตัวหนึ่ง (นำตุ๊กตามาประกอบให้ลุกช่วยถือ) ได้แอบมองลูกหมูทั้ง 3 ที่กำลังทำงานอยู่นั้น หมาป่าได้หย่องเข้าไปเคาะประตูบ้านของลูกหมูตัวที่ 1 ที่สร้างบ้านจากฝาง หวังที่จะกินเป็นอาหาร แต่ลูกหมูไม่ยอมเปิดประตู หมาป่าจึงเป่าลมทางปาก เพื่อทำให้บ้านพัง



ลูกหมูตัวที่ 1 ได้วิ่งหนีเข้าไปยังบ้านไม้ของลูกหมูตัวที่ 2 จากนั้นหมาป่าก็เป่าบ้านไม้ให้พังลงอีกครั้ง และลูกหมูทั้ง 2 พี่น้อง จึงวิ่งหนีไปยังบ้านของลูกหมูตัวที่ 3 ซึ่งเป็นน้องคนสุดท้อง

ลูกหมูตัวที่ 3 ได้บอกพี่ๆ หมูว่า “พี่ๆ ไม่ต้องกลัวนะ บ้านผมทั้งใหญ่และแข็งแรง” จากนั้นหมาป่าก็สูดลมหายใจเป่าลม เพื่อจะพังบ้านอิฐหลังนี้ จนเป่ากี่ครั้งๆ บ้านก็ไม่พัง เพราะทั้งใหญ่และแข็งแรง

หมาป่าจึงย่องเข้าทางปล่องไฟ แต่ลูกหมูเห็นท่าไม่ดีตั้งแต่แรกจึงต้มน้ำเดือดคอยไว้ พอหมาป่าลงมายังปล่องไฟ มันจึงถูกน้ำร้อนรวกและกระโดดวิ่งหนีออกไปจากบ้านนี้และไม่มาอีกเลย



หลังจากนั้นมาลูกหมูทั้ง 3 ตัว จึงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แม่เงาะให้แง่คิดทิ้งท้ายของนิทานไว้กับเด็กๆ ว่า…

“เราต้องไม่ละความพยายามที่จะสร้างบ้านให้มั่นคงและแข็งแรง เพื่อยอมแลกกับความสบายและใช้เวลาน้อยกับบ้านฟางและบ้านไม้ที่พังง่ายมาก”

ในส่วนของ พ่อเอส ได้พาเด็กๆ เล่นเกม “ช่วยลูกไก่ออกจากท่อ” ซึ่งหาโอกาสให้เด็กได้ฝึกทักษะที่จะสามารถแก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยตนเองกับเพื่อนๆ โดยใช้อุปกรณ์ช่วย

อุปกรณ์คือ :



วางท่อที่มีผ้าสีสดม้วนอยู่กลางท่อสายยาง ตรงหน้าเด็ก
พูดคุยกับเด็กถามว่า “ใครคิดได้มั่งว่า… จะเอาลูกไก่ออกมาจากท่อได้ยังไงนะ ? “
หยุดรอจังหวะให้เด็กคิด
พ่อยื่นท่อสายยาง ให้เด็กๆ แต่ละคน พร้อมเรียกชื่อเด็ก ให้คิดหาวิธีเอา “ลูกไก่” ออกมาหน่อยสิครับ



สังเกตุว่า เด็กๆ แต่ละคนจะมีวิธีการ เช่น เอานิ้วแย่ เป่าลมที่ท่อ เคาะให้ออก แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถนำลูกไก่ออกมาจากท่อได้

จากนั้น พ่อก็หยิบแท่งตะเกียบไม้ ที่ซ่อนอยู่ออกมาวางตรงหน้า แล้วบอกว่า

“ไหนใครลองคิดอีกทีสิครับ ว่าจะเอาลูกไก่ออกได้ยังไง?…”

คิดตามนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น?…



ใช่!… เด็กๆ แต่ละคนสามารถเอา แท่งตะเกียบไม้ เข้าไปเสียบที่ท่อสายยาง แล้วดัน ลูกไก่ที่เป็นเศษผ้า ออกมาอีกข้างหนึ่งได้สำเร็จกันทุกคนครับ

จากนั้นพวกเราทุกคนก็นำเด็กๆ ปรบมือและให้กำลังใจเพื่อนๆ เมื่อเด็กทำได้สำเร็จ เด็กชอบมากครับ รอเข้าคิวที่จะเล่นเกมนี้กันต่ออีกหลายคนอย่างสนุกนาน



“ครับถ้าวันนั้นผมและภรรยาไม่คิดที่จะหาวิธีไปทำกิจกรรมร่วมกับลูกๆ ที่โรงเรียนของเขา พวกเราคงเสียใจไปตลอดกาลครับ”

คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมหาเวลา สละเวลานิดหนึ่ง ที่จะนำลูกเล่นกิจกรรมกันนะครับ ไปที่ห้องเรียนของพวกเขาก็ได้ครับ ที่นั่นอาจจะมีคุณครูและเด็กๆ รอเราทำอะไรดีๆ อยู่ก็ได้ครับ และคุณจะรู้ว่าเวลาดีๆ เพื่อลูกรักนั้นมีค่าแค่ไหน สู้สู้ ครับ… สนุกสนานดี

ขอบคุณมากครับ

เอส DaddyThumb
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่