นิทานเรื่อง: การผจญภัยในเมืองซอสของริงโก้พาสต้าวงแหวน
กาลครั้งหนึ่งในอาณาจักร "อาหารวิเศษ" ที่ทุกอย่างทำจากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ทำจากขนมปัง ทางเดินทำจากพุดดิ้ง และแม้แต่ต้นไม้ ที่ให้ผลไม้ หวานแสนอร่อยทุกต้น มีทั้งมะม่วง แตงโม สับปะรด และอีกมากมาย
ภายในเมืองนี้ มีหมู่บ้าน "พาสต้าวงแหวน" เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพาสต้าทุกรูปแบบ พาสต้าเหล่านี้สามารถพูดคุยและขยับได้ และส่วนใหญ่พวกพาสต้าวงแหวนจะใช้เวลาพูดคุยกันทั้งวันเกี่ยวกับอาหารแสนอร่อยที่ทำให้ผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่กินแล้วชื่นชอบ
พาสต้าน้อย "ริงโก้" ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน เป็นพาสต้าแบบวงแหวนที่มีลักษณะกลมและน่ารัก แต่เนื่องจากตัวของเข้านั้นเล็กมาก เมื่อมองไปยังคนอื่นที่ดูตัวใหญ่กว่าเขาทั้งหมด ทำให้ตัวเขานั้นมักจะรู้สึกว่าเขาไม่ได้สำคัญเท่ากับพาสต้ารูปแบบอื่นๆ เช่น สปาเก็ตตี้ ที่ยาวและสง่างาม หรือ ฟูซิลี ที่มีรูปทรงเกลียวที่น่าตื่นเต้น ริงโก้คิดว่าเขาธรรมดาเกินไปและไม่มีใครสนใจ
วันหนึ่ง ในขณะที่ริงโก้กำลังนั่งคิดทบทวนอยู่ ริงโก้ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจาก พี่เพนนี พาสต้าแบบหลอดสั้นที่เป็นเพื่อนสนิทของเขา เพนนีบอกว่ามีปัญหาใหญ่ในเมือง "ซอส" ซึ่งเป็นแหล่งซอสที่สำคัญที่สุดสำหรับเมืองอาหารวิเศษ ซอสที่เคยไหลมาอย่างสม่ำเสมอกลับหยุดไหลและไม่สามารถผลิตได้อีกต่อไป
ริงโก้จึงบอกกับเพนนีว่า
"พวกเรารีบไปยังเมืองซอสกันเถอะ"
พร้อมกับคิดในใจว่า.. นี่อาจจะเป็นการผจญภัยครั้งสำคัญของเขา
ริงโก้ได้ออกเดินทางไปพร้อมกับเพนนี และเหล่าพาสต้าเพื่อนๆ อีกหลายคนที่ได้รู้ข่าวจากเพนนี่ และขอติดตามมาด้วย
โดยมี "แฟตตูชินี" และ "ราวิโอลี" พวกเขาเดินทางผ่านป่าผัก ที่เต็มไปด้วยผักสด อย่าง ต้นหอม, ผักชีฝรั่ง, มะเขือเทศ, ชะอม, บล็อกโคลี่, บีทรูท และเครื่องเทศมากมาย อย่าง กระวาน, กานพลู, กระเทียม, ขมิ้น, ขิง, ข่า, งา, ชะเอมเทศ
เมื่อพวกเขามาถึงเมืองซอส พวกเขาพบว่า ราชาซอส กำลังเผชิญกับปัญหาที่ยากลำบาก ซอสทั้งหมดหยุดไหลเพราะท่อซอสหลักนั้นเกิดอุดตันขึ้นมาโดยยังหาสาเหตุไม่ได้ และที่สำคัญ ยังไม่มีใครสามารถแก้ไขได้
ริงโก้ ได้กล่าวกับราชาซอสว่า
"ท่านราชาซอส พวกเราขอเข้าไปดูท่อส่งซอสได้หรือไม่"
ราชาซอสที่กำลังกังวลอยู่นั้น จึงรีบตอบกลับริงโก้ไปว่า ถ้าพวกเจ้าสามารถช่วยได้ ก็ลองเข้าไปดูได้
ริงโก้และเพื่อนๆ เดินตรงเข้าไปใกล้กับท่อส่งซอสเพื่อที่จะได้ดูได้อย่างถนัด
และเมื่อเขาเห็นท่อส่งซอสแล้ว..
เขาตระหนักว่าท่อซอสนั้น มีขนาดเล็กและกลม และเมื่อมองผ่านเข้าไปเห็นว่าด้านในท่อนั้นดูเหมือนจะมีเศษอาหารบางอย่างติดอยู่
ริงโก้ได้คิดอยู่ในใจว่า ตัวเขาเป็นพาสต้าแบบวงแหวนที่สามารถเข้าไปในท่อได้ เขาจึงกล่าวต่อพระราชาว่า
"ท่านพระราชา ตัวผมนั้นเป็นพลาสต้าแบบกลม ที่สามารถลอดเข้าไปด้านในท่อส่งซอสได้ จึงอยากจะขอเข้าไปด้านในเพื่อจัดการทำความสะอาด"
พระราชาซอสได้ฟัง จึงอนุญาตให้ริงโก้เข้าไปในท่อส่งซอส
เพื่อนๆ ที่ได้ฟังสิ่งที่ริงโก้พูดก็รู้สึกดีใจ และชื่นชนในตัวของริงโก้
ริงโก้จึงเริ่มปีนเข้าไปในท่อซอสและพบว่ามีเศษอาหารติดอยู่จริงๆ จากที่เขาเห็น..
ด้วยขนาดท่อที่เล็กและมืด เข้าต้องใช้ความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญในตัวเอง เพื่อดันตัวเข้าไปในท่อให้ลึกขึ้นเพื่อไปยังเศษอาหารเหล่านั้น เพื่อทำความสะอาด
ริงโก้ใช้เวลาอยู่นานหลายชั่วโมง ภายในท่อที่เล็กและมืด จนทำความสะอาดท่อซอสได้สำเร็จ ทำให้ท่อส่งซอสกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
เมื่อริงโก้ออกมาจากท่อแล้ว พระราชาก็สั่งให้เปิดท่อส่งซอสอีกครั้ง ซอสก็เริ่มไหลออกมาอย่างสม่ำเสมอ ทุกคนในเมืองซอสต่างเฉลิมฉลอง และขอบคุณริงโก้ที่ช่วยกู้เมืองซอสไว้ได้
ข้อคิดจากนิทาน..
ความสำคัญของตัวเองไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างหรือขนาด แต่ขึ้นอยู่กับความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น และการมีใจที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ไม่ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคใดๆ ก็ตาม ความพร้อมที่จะทำสิ่งดีให้แก่ผู้อื่น จะช่วยสร้างสังคมที่อบอุ่น การกระทำที่ดีเพียงเล็กน้อยสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนรอบข้าง และสร้างผลดีได้ในระยะยาวเสมอ
😊
วันเส้นพาสต้าวงแหวน 11 ธันวาคม Noodle Ring Day
วันเส้นพาสต้าวงแหวนแห่งชาติตรงกับวันที่ 11 ธันวาคม เพื่อยกให้อาหาร อย่างพาสต้าสไตล์คลาสสิกที่ถูกอบในแม่พิมพ์ทรงวงแหวนแสนอร่อย Noodle Ring เป็นเมนูที่ยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตั้งแต่สลัดพาสต้าเบาๆ ไปจนถึงเมนูพาสต้าอบที่เต็มไปด้วยรสชาติ ขึ้นอยู่กับความชอบ และจินตนาการของผู้ทำ
Noodle Ring หรือเส้นพาสต้าวงแหวน เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และปรากฏในหนังสือทำอาหารยุคนั้นอย่างแพร่หลาย สูตรที่เก่าแก่ที่สุดสูตรหนึ่งมาจากชุมชนชาวเพนซิลเวเนีย-ดัตช์ในปี ค.ศ. 1936 โดยใช้ส่วนผสมหลักอย่างเส้นก๋วยเตี๋ยว แป้ง นม ไข่ และชีส ผสมเข้าด้วยกันและอบในแม่พิมพ์ขนมปัง
การพัฒนาของเส้น Noodle Ring ในปัจจุบัน ยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้ โดยใช้พาสต้า ไข่ ชีส และส่วนผสมอื่นๆ เช่น แป้ง เกล็ดขนมปัง หรือซอสต่างๆ ผสมกันและนำไปอบในแม่พิมพ์ เมื่ออบเสร็จแล้วสามารถนำออกมาจัดเสิร์ฟพร้อมกับสตูว์เนื้อ ไก่ในซอสครีม หรือเห็ดนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การมาถึงของเมนูอย่างมักกะโรนีและชีสที่ทำง่ายและสะดวกกว่า ได้ลดความนิยมของ Noodle Ring ลงไปในยุคปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ วัน Noodle Ring จึงกลายเป็นโอกาสพิเศษในการฟื้นฟูเมนูโบราณนี้ และส่งต่อประเพณีการทำอาหารแสนสร้างสรรค์ให้กับคนรุ่นใหม่
.
เส้นทางของพาสต้าในประวัติศาสตร์..
เส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นหนึ่งในอาหารที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยบันทึกที่เก่าแก่ที่สุดพบในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกของจีน (ค.ศ. 25–220) ซึ่งระบุว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากแป้งสาลีได้กลายเป็นอาหารหลักของประชาชนในยุคนั้น หลักฐานสำคัญอื่นๆ พบในปี 2005 เมื่อทีมนักโบราณคดีค้นพบเส้นก๋วยเตี๋ยวอายุ 4,000 ปีในชามดินเผาที่แหล่งโบราณคดีลาเจีย เส้นดังกล่าวทำจากลูกเดือย และมีลักษณะคล้ายเส้นลามิอานของจีน แม้จะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการผลิต แต่การค้นพบนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเส้นก๋วยเตี๋ยวในวัฒนธรรมอาหารโบราณของจีน
วิวัฒนาการในภูมิภาคต่างๆ..
จีน: ปัจจุบันมีเส้นก๋วยเตี๋ยวมากกว่า 1,200 ชนิดที่บริโภคในจีน โดยแยกเป็นสองกลุ่มใหญ่ คือเส้นที่ทำจากแป้งสาลี (miàn) และเส้นที่ทำจากแป้งอื่น เช่น แป้งถั่วเขียวหรือแป้งข้าว (เฟิน)
ญี่ปุ่นและเกาหลี: เส้นอุด้งในญี่ปุ่นได้รับการดัดแปลงจากสูตรจีนในศตวรรษที่ 9 ส่วนเส้นแนงมยอนในเกาหลีที่ทำจากบัควีทพัฒนาขึ้นในยุคราชวงศ์โชซอน (ค.ศ. 1392–1897) และราเมน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเส้นจีน กำลังเป็นที่นิยมตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20
เอเชียกลาง: ชาวเติร์กบริโภคเส้นก๋วยเตี๋ยวเคสเมและเอริสเตมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13
เอเชียตะวันตก: แอชเรสเทห์ ซึ่งเป็นซุปเส้นผสมสมุนไพร ถือเป็นอาหารยอดนิยมในอิหร่านและประเทศใกล้เคียง
ยุโรป
กรีกและโรมันโบราณ: บันทึกในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลกล่าวถึงลากานา (แผ่นแป้งทอด) ที่เชื่อว่าเป็นต้นแบบของพาสต้า
อิตาลี: การผลิตพาสต้าในอิตาลีเริ่มชัดเจนตั้งแต่อารยธรรมอีทรัสคัน โดยมีเทสตาโรลีเป็นผลิตภัณฑ์พาสต้ารูปแบบแรก และในศตวรรษที่ 10–11 พาสต้าเส้นเริ่มแพร่หลาย โดยนักประวัติศาสตร์เชื่อว่ามีต้นกำเนิดจากชาวอาหรับ
เยอรมนี: ชเปตซ์เล ซึ่งเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่ง มีบันทึกตั้งแต่ปี 1725 และภาพวาดในยุคกลางบ่งชี้ถึงความเก่าแก่ที่มากกว่านั้น
โปแลนด์: ซาเซียร์กี เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่งในอาหารยิวโปแลนด์ และมีบทบาทสำคัญในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ เช่น การกระจายอาหารในเกตโตลอดซ์
.
เส้นก๋วยเตี๋ยวและพาสต้ามีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมอาหารทั่วโลก โดยแต่ละภูมิภาคมีการดัดแปลงและพัฒนาสูตรให้เข้ากับวัตถุดิบและวิถีชีวิตของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเส้นที่ทำจากแป้งสาลี ธัญพืช หรือแป้งชนิดอื่น
จากจีนสู่อิตาลี และจากกรีซสู่ตะวันออกกลาง เส้นก๋วยเตี๋ยวและพาสต้ายังคงเป็นอาหารที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และความหลากหลายทางวัฒนธรรมในแต่ละยุคสมัย
.
ถ้านึกถึงเส้นพาสต้า แน่นอนว่าต้องนึกถึงประเทศอิตาลีเป็นอันดับต้นๆ มาดูเมนูพาสต้าของชาวอิตาลีชวนหิวกัน
1. Spaghetti Bolognese
เมนูพาสต้าคลาสสิกของอิตาลีที่ประกอบด้วยสปาเก็ตตี้เสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศเข้มข้น โดยมักมีเนื้อวัวหรือเนื้อหมูและสมุนไพรหลากหลายชนิด และวอดก้า
2. Fettuccine Alfredo
เส้นพาสต้าครีมมี่เสิร์ฟพร้อมซอสเข้มข้นที่ทำจากเนย ครีมข้น และชีสพาร์เมซาน
3. Lasagna
พาสต้าเนื้อแน่นวางเป็นแผ่นพาสต้าชั้นๆ พร้อมด้วยซอสเนื้อ (วัวหรือหมู) เบชาเมล ชีส และผัก
4.Pasta Primavera
พาสต้าสด ทำจากผักต่างๆ
5. Spaghetti Bolognese
ซอสเนื้อรสเข้มข้นที่ทำจากเนื้อบด เนื้อหมู มะเขือเทศ และผักที่มีกลิ่นหอม
6. Penne alla Vodka
เสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศครีมมี่ปรุงรสด้วยวอดก้า ใส่เบคอนด้วยยิ่งดี
7. Pasta alla Norma
ทำจากมะเขือยาว มะเขือเทศ โหระพา และชีสริคอตต้าซาลาตา
8. Orecchiette alle Cime di Rapa
ประกอบด้วยพาสต้าโอเรคเคียตเตกับผักกาดเขียว กระเทียม และปลาแอนโชวี่ รสชาติขมเค็มที่เป็นเอกลักษณ์
.
เพื่อนๆ มีเมนูเส้นพาสต้าจานโปรดอะไรกันบ้าง ว่าแต่ ถ้าไม่ได้ทำกินเอง แนะนำร้านกันได้น๊าาาา
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: thereisadayforthat
: wikipedia
: tasteatlas
: chefspencil
: erudus
.
LookAt
ร่วมผจญภัยกับริงโก้ พาสต้าวงแหวนในเมืองซอส.. สำรวจเมนูพาสต้าสุดอร่อยจากอิตาลีในวัน Noodle Ring Day
ภายในเมืองนี้ มีหมู่บ้าน "พาสต้าวงแหวน" เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพาสต้าทุกรูปแบบ พาสต้าเหล่านี้สามารถพูดคุยและขยับได้ และส่วนใหญ่พวกพาสต้าวงแหวนจะใช้เวลาพูดคุยกันทั้งวันเกี่ยวกับอาหารแสนอร่อยที่ทำให้ผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่กินแล้วชื่นชอบ
พาสต้าน้อย "ริงโก้" ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน เป็นพาสต้าแบบวงแหวนที่มีลักษณะกลมและน่ารัก แต่เนื่องจากตัวของเข้านั้นเล็กมาก เมื่อมองไปยังคนอื่นที่ดูตัวใหญ่กว่าเขาทั้งหมด ทำให้ตัวเขานั้นมักจะรู้สึกว่าเขาไม่ได้สำคัญเท่ากับพาสต้ารูปแบบอื่นๆ เช่น สปาเก็ตตี้ ที่ยาวและสง่างาม หรือ ฟูซิลี ที่มีรูปทรงเกลียวที่น่าตื่นเต้น ริงโก้คิดว่าเขาธรรมดาเกินไปและไม่มีใครสนใจ
วันหนึ่ง ในขณะที่ริงโก้กำลังนั่งคิดทบทวนอยู่ ริงโก้ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจาก พี่เพนนี พาสต้าแบบหลอดสั้นที่เป็นเพื่อนสนิทของเขา เพนนีบอกว่ามีปัญหาใหญ่ในเมือง "ซอส" ซึ่งเป็นแหล่งซอสที่สำคัญที่สุดสำหรับเมืองอาหารวิเศษ ซอสที่เคยไหลมาอย่างสม่ำเสมอกลับหยุดไหลและไม่สามารถผลิตได้อีกต่อไป
ริงโก้จึงบอกกับเพนนีว่า
"พวกเรารีบไปยังเมืองซอสกันเถอะ"
พร้อมกับคิดในใจว่า.. นี่อาจจะเป็นการผจญภัยครั้งสำคัญของเขา
ริงโก้ได้ออกเดินทางไปพร้อมกับเพนนี และเหล่าพาสต้าเพื่อนๆ อีกหลายคนที่ได้รู้ข่าวจากเพนนี่ และขอติดตามมาด้วย
โดยมี "แฟตตูชินี" และ "ราวิโอลี" พวกเขาเดินทางผ่านป่าผัก ที่เต็มไปด้วยผักสด อย่าง ต้นหอม, ผักชีฝรั่ง, มะเขือเทศ, ชะอม, บล็อกโคลี่, บีทรูท และเครื่องเทศมากมาย อย่าง กระวาน, กานพลู, กระเทียม, ขมิ้น, ขิง, ข่า, งา, ชะเอมเทศ
เมื่อพวกเขามาถึงเมืองซอส พวกเขาพบว่า ราชาซอส กำลังเผชิญกับปัญหาที่ยากลำบาก ซอสทั้งหมดหยุดไหลเพราะท่อซอสหลักนั้นเกิดอุดตันขึ้นมาโดยยังหาสาเหตุไม่ได้ และที่สำคัญ ยังไม่มีใครสามารถแก้ไขได้
ริงโก้ ได้กล่าวกับราชาซอสว่า
"ท่านราชาซอส พวกเราขอเข้าไปดูท่อส่งซอสได้หรือไม่"
ราชาซอสที่กำลังกังวลอยู่นั้น จึงรีบตอบกลับริงโก้ไปว่า ถ้าพวกเจ้าสามารถช่วยได้ ก็ลองเข้าไปดูได้
ริงโก้และเพื่อนๆ เดินตรงเข้าไปใกล้กับท่อส่งซอสเพื่อที่จะได้ดูได้อย่างถนัด
และเมื่อเขาเห็นท่อส่งซอสแล้ว..
เขาตระหนักว่าท่อซอสนั้น มีขนาดเล็กและกลม และเมื่อมองผ่านเข้าไปเห็นว่าด้านในท่อนั้นดูเหมือนจะมีเศษอาหารบางอย่างติดอยู่
ริงโก้ได้คิดอยู่ในใจว่า ตัวเขาเป็นพาสต้าแบบวงแหวนที่สามารถเข้าไปในท่อได้ เขาจึงกล่าวต่อพระราชาว่า
"ท่านพระราชา ตัวผมนั้นเป็นพลาสต้าแบบกลม ที่สามารถลอดเข้าไปด้านในท่อส่งซอสได้ จึงอยากจะขอเข้าไปด้านในเพื่อจัดการทำความสะอาด"
พระราชาซอสได้ฟัง จึงอนุญาตให้ริงโก้เข้าไปในท่อส่งซอส
เพื่อนๆ ที่ได้ฟังสิ่งที่ริงโก้พูดก็รู้สึกดีใจ และชื่นชนในตัวของริงโก้
ริงโก้จึงเริ่มปีนเข้าไปในท่อซอสและพบว่ามีเศษอาหารติดอยู่จริงๆ จากที่เขาเห็น..
ด้วยขนาดท่อที่เล็กและมืด เข้าต้องใช้ความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญในตัวเอง เพื่อดันตัวเข้าไปในท่อให้ลึกขึ้นเพื่อไปยังเศษอาหารเหล่านั้น เพื่อทำความสะอาด
ริงโก้ใช้เวลาอยู่นานหลายชั่วโมง ภายในท่อที่เล็กและมืด จนทำความสะอาดท่อซอสได้สำเร็จ ทำให้ท่อส่งซอสกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
เมื่อริงโก้ออกมาจากท่อแล้ว พระราชาก็สั่งให้เปิดท่อส่งซอสอีกครั้ง ซอสก็เริ่มไหลออกมาอย่างสม่ำเสมอ ทุกคนในเมืองซอสต่างเฉลิมฉลอง และขอบคุณริงโก้ที่ช่วยกู้เมืองซอสไว้ได้
ข้อคิดจากนิทาน..
ความสำคัญของตัวเองไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างหรือขนาด แต่ขึ้นอยู่กับความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น และการมีใจที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ไม่ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคใดๆ ก็ตาม ความพร้อมที่จะทำสิ่งดีให้แก่ผู้อื่น จะช่วยสร้างสังคมที่อบอุ่น การกระทำที่ดีเพียงเล็กน้อยสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนรอบข้าง และสร้างผลดีได้ในระยะยาวเสมอ
😊
Noodle Ring หรือเส้นพาสต้าวงแหวน เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และปรากฏในหนังสือทำอาหารยุคนั้นอย่างแพร่หลาย สูตรที่เก่าแก่ที่สุดสูตรหนึ่งมาจากชุมชนชาวเพนซิลเวเนีย-ดัตช์ในปี ค.ศ. 1936 โดยใช้ส่วนผสมหลักอย่างเส้นก๋วยเตี๋ยว แป้ง นม ไข่ และชีส ผสมเข้าด้วยกันและอบในแม่พิมพ์ขนมปัง
การพัฒนาของเส้น Noodle Ring ในปัจจุบัน ยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้ โดยใช้พาสต้า ไข่ ชีส และส่วนผสมอื่นๆ เช่น แป้ง เกล็ดขนมปัง หรือซอสต่างๆ ผสมกันและนำไปอบในแม่พิมพ์ เมื่ออบเสร็จแล้วสามารถนำออกมาจัดเสิร์ฟพร้อมกับสตูว์เนื้อ ไก่ในซอสครีม หรือเห็ดนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การมาถึงของเมนูอย่างมักกะโรนีและชีสที่ทำง่ายและสะดวกกว่า ได้ลดความนิยมของ Noodle Ring ลงไปในยุคปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ วัน Noodle Ring จึงกลายเป็นโอกาสพิเศษในการฟื้นฟูเมนูโบราณนี้ และส่งต่อประเพณีการทำอาหารแสนสร้างสรรค์ให้กับคนรุ่นใหม่
.
เส้นทางของพาสต้าในประวัติศาสตร์..
เส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นหนึ่งในอาหารที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยบันทึกที่เก่าแก่ที่สุดพบในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกของจีน (ค.ศ. 25–220) ซึ่งระบุว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากแป้งสาลีได้กลายเป็นอาหารหลักของประชาชนในยุคนั้น หลักฐานสำคัญอื่นๆ พบในปี 2005 เมื่อทีมนักโบราณคดีค้นพบเส้นก๋วยเตี๋ยวอายุ 4,000 ปีในชามดินเผาที่แหล่งโบราณคดีลาเจีย เส้นดังกล่าวทำจากลูกเดือย และมีลักษณะคล้ายเส้นลามิอานของจีน แม้จะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการผลิต แต่การค้นพบนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเส้นก๋วยเตี๋ยวในวัฒนธรรมอาหารโบราณของจีน
วิวัฒนาการในภูมิภาคต่างๆ..
จีน: ปัจจุบันมีเส้นก๋วยเตี๋ยวมากกว่า 1,200 ชนิดที่บริโภคในจีน โดยแยกเป็นสองกลุ่มใหญ่ คือเส้นที่ทำจากแป้งสาลี (miàn) และเส้นที่ทำจากแป้งอื่น เช่น แป้งถั่วเขียวหรือแป้งข้าว (เฟิน)
ญี่ปุ่นและเกาหลี: เส้นอุด้งในญี่ปุ่นได้รับการดัดแปลงจากสูตรจีนในศตวรรษที่ 9 ส่วนเส้นแนงมยอนในเกาหลีที่ทำจากบัควีทพัฒนาขึ้นในยุคราชวงศ์โชซอน (ค.ศ. 1392–1897) และราเมน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเส้นจีน กำลังเป็นที่นิยมตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20
เอเชียกลาง: ชาวเติร์กบริโภคเส้นก๋วยเตี๋ยวเคสเมและเอริสเตมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13
เอเชียตะวันตก: แอชเรสเทห์ ซึ่งเป็นซุปเส้นผสมสมุนไพร ถือเป็นอาหารยอดนิยมในอิหร่านและประเทศใกล้เคียง
ยุโรป
กรีกและโรมันโบราณ: บันทึกในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลกล่าวถึงลากานา (แผ่นแป้งทอด) ที่เชื่อว่าเป็นต้นแบบของพาสต้า
อิตาลี: การผลิตพาสต้าในอิตาลีเริ่มชัดเจนตั้งแต่อารยธรรมอีทรัสคัน โดยมีเทสตาโรลีเป็นผลิตภัณฑ์พาสต้ารูปแบบแรก และในศตวรรษที่ 10–11 พาสต้าเส้นเริ่มแพร่หลาย โดยนักประวัติศาสตร์เชื่อว่ามีต้นกำเนิดจากชาวอาหรับ
เยอรมนี: ชเปตซ์เล ซึ่งเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่ง มีบันทึกตั้งแต่ปี 1725 และภาพวาดในยุคกลางบ่งชี้ถึงความเก่าแก่ที่มากกว่านั้น
โปแลนด์: ซาเซียร์กี เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่งในอาหารยิวโปแลนด์ และมีบทบาทสำคัญในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ เช่น การกระจายอาหารในเกตโตลอดซ์
.
เส้นก๋วยเตี๋ยวและพาสต้ามีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมอาหารทั่วโลก โดยแต่ละภูมิภาคมีการดัดแปลงและพัฒนาสูตรให้เข้ากับวัตถุดิบและวิถีชีวิตของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเส้นที่ทำจากแป้งสาลี ธัญพืช หรือแป้งชนิดอื่น
จากจีนสู่อิตาลี และจากกรีซสู่ตะวันออกกลาง เส้นก๋วยเตี๋ยวและพาสต้ายังคงเป็นอาหารที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และความหลากหลายทางวัฒนธรรมในแต่ละยุคสมัย
.
ถ้านึกถึงเส้นพาสต้า แน่นอนว่าต้องนึกถึงประเทศอิตาลีเป็นอันดับต้นๆ มาดูเมนูพาสต้าของชาวอิตาลีชวนหิวกัน
1. Spaghetti Bolognese
เมนูพาสต้าคลาสสิกของอิตาลีที่ประกอบด้วยสปาเก็ตตี้เสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศเข้มข้น โดยมักมีเนื้อวัวหรือเนื้อหมูและสมุนไพรหลากหลายชนิด และวอดก้า
2. Fettuccine Alfredo
เส้นพาสต้าครีมมี่เสิร์ฟพร้อมซอสเข้มข้นที่ทำจากเนย ครีมข้น และชีสพาร์เมซาน
3. Lasagna
พาสต้าเนื้อแน่นวางเป็นแผ่นพาสต้าชั้นๆ พร้อมด้วยซอสเนื้อ (วัวหรือหมู) เบชาเมล ชีส และผัก
4.Pasta Primavera
พาสต้าสด ทำจากผักต่างๆ
5. Spaghetti Bolognese
ซอสเนื้อรสเข้มข้นที่ทำจากเนื้อบด เนื้อหมู มะเขือเทศ และผักที่มีกลิ่นหอม
6. Penne alla Vodka
เสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศครีมมี่ปรุงรสด้วยวอดก้า ใส่เบคอนด้วยยิ่งดี
7. Pasta alla Norma
ทำจากมะเขือยาว มะเขือเทศ โหระพา และชีสริคอตต้าซาลาตา
8. Orecchiette alle Cime di Rapa
ประกอบด้วยพาสต้าโอเรคเคียตเตกับผักกาดเขียว กระเทียม และปลาแอนโชวี่ รสชาติขมเค็มที่เป็นเอกลักษณ์
.
เพื่อนๆ มีเมนูเส้นพาสต้าจานโปรดอะไรกันบ้าง ว่าแต่ ถ้าไม่ได้ทำกินเอง แนะนำร้านกันได้น๊าาาา
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: thereisadayforthat
: wikipedia
: tasteatlas
: chefspencil
: erudus
.
LookAt