เรื่อง กรมที่ดิน ประกาศยกเลิก ส.ค. 1 ให้เวลา 2 ปี
กรมที่ดิน แจ้งให้ผู้ที่มีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน(ส.ค.1) รีบนำหลักฐานดังกล่าว ไปยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ภายในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว และประสงค์จะยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์จะต้องมีคำพิพากษามาแสดงด้วย
นายชัยฤกษ์ ดิษฐ์อำนาจ อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยว่า จากการที่มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 มาตรา 8 บัญญัติให้ผู้ซึ่งครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ (1 ธันวาคม พ.ศ. 2497) โดยมีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) และยังมิได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ให้รีบนำหลักฐาน ส.ค. 1 มายื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาสองปี นับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553) หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ได้ ก็ต่อเมื่อศาลยุติธรรมได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุด ว่าผู้นั้นเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
1.นับแต่วันที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดินฉบับนี้ใช้บังคับ คือ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 จนครบกำหนดเวลาสองปี คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ผู้ที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินและมีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) อยู่แล้ว สามารถนำหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) ดังกล่าว มายื่นคำขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ โดยไม่ต้องนำคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดว่าเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ มาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
2. เมื่อพ้นกำหนดสองปีดังกล่าว คือ ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป ผู้ที่มายื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยอาศัยหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน(ส.ค.1) ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จะต้องนำคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดว่าเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน โดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
กรมที่ดิน จึงขอให้ผู้ที่มีหลักฐาน ส.ค. 1 และต้องการขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง การทำประโยชน์รีบไปติดต่อดำเนินการ ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ หรือ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานที่ดินนั้นเช่นเดียวกัน
สอบถามดังนี้
กรณีเป็นผู้ครองครองที่ดิน โดยมีใบ สค.1 ต้องการยื่นขอออกโฉนดกับ จพง ที่ดิน แต่เนื่องจากมีการออก พรบ.แก้ไข ป.ที่ดิน ฉ.11 พศ.2551 ม.8 ให้ผู้ครอบครองตามหลักฐานและพฤติการณ์ โดยมีใบ สค.1 ถูกต้อง
แต่เนื่องจาก พรบ.ดังกล่าวให้ไปยื่นขอภายในสองปี ซึ่งสิ้นสุดเมื่อ 6 กพ.53 โดยเมื่อพ้นกำหนดนั้นแล้ว ให้ผูมายื่นขอออกโฉนด หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยอาศัยหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน สค.1 ต่อ พงจ. จะต้องนำคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดว่าเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วย กม.อยู่ก่อนแล้วมาแสดงต่อ จพง ที่ดินด้วย.
คำถาม
1. ต้องไปยื่นคำร้อง ที่ศาลใด? ศาลปกครอง หรือศาล จว.
2. ต้องมีทนายหรือไม่ หรือแค่รบกวนนิติกรศาลร่างคำร้องให้?
3. มีค่าฤชาธรรมเนียม อะไรหรือไม่?
ขอบคุณครับ
สอบถามเกี่ยวกับการประกาศยกเลิก ส.ค. 1 ให้เวลา 2 ปี หากพ้นกำหนดต้องมีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล
กรมที่ดิน แจ้งให้ผู้ที่มีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน(ส.ค.1) รีบนำหลักฐานดังกล่าว ไปยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ภายในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว และประสงค์จะยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์จะต้องมีคำพิพากษามาแสดงด้วย
นายชัยฤกษ์ ดิษฐ์อำนาจ อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยว่า จากการที่มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 มาตรา 8 บัญญัติให้ผู้ซึ่งครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ (1 ธันวาคม พ.ศ. 2497) โดยมีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) และยังมิได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ให้รีบนำหลักฐาน ส.ค. 1 มายื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาสองปี นับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553) หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ได้ ก็ต่อเมื่อศาลยุติธรรมได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุด ว่าผู้นั้นเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
1.นับแต่วันที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดินฉบับนี้ใช้บังคับ คือ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 จนครบกำหนดเวลาสองปี คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ผู้ที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินและมีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) อยู่แล้ว สามารถนำหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) ดังกล่าว มายื่นคำขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ โดยไม่ต้องนำคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดว่าเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ มาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
2. เมื่อพ้นกำหนดสองปีดังกล่าว คือ ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป ผู้ที่มายื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยอาศัยหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน(ส.ค.1) ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จะต้องนำคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดว่าเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน โดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
กรมที่ดิน จึงขอให้ผู้ที่มีหลักฐาน ส.ค. 1 และต้องการขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง การทำประโยชน์รีบไปติดต่อดำเนินการ ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ หรือ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานที่ดินนั้นเช่นเดียวกัน
สอบถามดังนี้
กรณีเป็นผู้ครองครองที่ดิน โดยมีใบ สค.1 ต้องการยื่นขอออกโฉนดกับ จพง ที่ดิน แต่เนื่องจากมีการออก พรบ.แก้ไข ป.ที่ดิน ฉ.11 พศ.2551 ม.8 ให้ผู้ครอบครองตามหลักฐานและพฤติการณ์ โดยมีใบ สค.1 ถูกต้อง
แต่เนื่องจาก พรบ.ดังกล่าวให้ไปยื่นขอภายในสองปี ซึ่งสิ้นสุดเมื่อ 6 กพ.53 โดยเมื่อพ้นกำหนดนั้นแล้ว ให้ผูมายื่นขอออกโฉนด หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยอาศัยหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน สค.1 ต่อ พงจ. จะต้องนำคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดว่าเป็นผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินโดยชอบด้วย กม.อยู่ก่อนแล้วมาแสดงต่อ จพง ที่ดินด้วย.
คำถาม
1. ต้องไปยื่นคำร้อง ที่ศาลใด? ศาลปกครอง หรือศาล จว.
2. ต้องมีทนายหรือไม่ หรือแค่รบกวนนิติกรศาลร่างคำร้องให้?
3. มีค่าฤชาธรรมเนียม อะไรหรือไม่?
ขอบคุณครับ