อิหร่านดำเนินการยิงทดสอบขีปนาวุธติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อวันพุธ โดยอ้างว่าเป็นจรวดที่ยิงได้ไกลถึงประเทศอิสราเอล
ขณะที่สหรัฐฯออกมาขู่ว่าจะตอบโต้อิหร่านด้วยมาตรการที่เหมาะสม...



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองกำลังปกป้องการปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) ทดสอบยิงขีปนาวุธอีก 2 ลูก เมื่อวันพุธที่ 9 มี.ค.
โดยระบุว่าเป็นมิสไซล์ที่ออกแบบมาเพื่อยิงถึงประเทศอิสราเอล พร้อมทั้งตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการทดสอบ
ยิงขีปนาวุธหลายลูกวันอังคารที่ผ่านมาด้วย


สถานีโทรทัศน์ของประเทศอิหร่านเผยแพร่ภาพ จรวด คาดาร์ (Qadr) กำลังถูกปล่อยจากฐานยิงในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ โดยไออาร์จีซีระบุว่า จรวดยิงถูกเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปราว 1,400 กม.


พลจัตวา อาเมียร์ อาลี ฮาจิซาเดห์ ระบุว่า "เหตุผลที่พวกเขาออกแบบมิสไซล์ให้ยิงได้ไกลในระยะ 2,000 กม. ก็เพื่อให้สามารถยิงรัฐบาลไซออนนิสต์ (อิสราเอล) ศัตรูของเราจากระยะห่างที่ปลอดภัย" อนึ่งจุดที่ใกล้ที่สุดระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลมีระยะห่างราว 1,000 กม.


อิหร่านยิงปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่ว่าพวกเขามีพฤติกรรมยั่วยุ จากการทดสอบยิงขีปนาวุธเมื่อวันอังคาร โดยอ้างถึงการรุกรานตะวันออกกลางของสหรัฐฯในอดีต และสิทธิ์ในการป้องกันตัวเองของอิหร่านด้วย


ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ เผยว่า พวกเขารับรู้เกี่ยวกับการทดสอบยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของอิหร่านแล้ว "เช่นเดียวกันรายงานการทดสอบยิงครั้งก่อน เราจะติดตามสถานการณ์และใช้มาตรการตอบโต้ที่เหมาะสมทั้งจากสหประชาชาติและฝ่ายสหรัฐฯเพียงฝ่ายเดียว" เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ ผู้ไม่ขอเปิดเผยนามกล่าว


ขณะที่นาย มูเช ยาลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งประเทศอิสราเอล บอกกับสถานีวิทยุ อิสราเอล เรดิโอ ว่า การทดสอบยิงขีปนาวุธของอิหร่านแสดงให้เห็นความเป็นศัตรูที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่มีการบังคับใช้ข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจเมื่อเดือนม.ค.


ทั้งนี้ กองกำลังปกป้องการปฏิวัติอิหร่าน มีขีปนาวุธพิสัยใกล้และกลางเก็บเอาไว้ในคลังแสงมากที่สุดในตะวันออกกลาง โดยอ้างว่ามิสไซล์ทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อป้องกันตัวเอง และไม่มีหัวรบนิวเคลียร์ด้วย