ผีกะ..แปลงเป็นหมามาหลอก...ที่สวรรคโลก



....ผีกะ  ผมไม่รู้นะว่า  ที่อื่นมีหรือเปล่า  และเป็นยังไง  แต่ที่บ้านทวดผม คือบ้านหนองป่าตอ  อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ที่เป็นสังคมชาวนาชาวสวน
ในสมัยก่อนเชื่อกันมาก   เมื่อทวดยังอยู่  ทวดเล่าให้ผมฟังว่า  สมัยก่อนคนจะเจอผีกะกันมาก  เพราะยังเป็นป่าดงพงไพร  ความเจริญไม่ค่อยมี
เรื่องผีๆเลยมาก  เพราะคนสมัยก่อนเขาชอบเล่นของ  เล่นไสยศาสตร์  เลี้ยงผี  (ทวดผมเองก็เลี้ยงดังในกระทู้เก่าๆของผมที่เคยเล่าไปแล้ว)
แกว่าผีกะ เป็นดวงวิญญาณ  ที่หลุดจากการครอบครองของคนเลี้ยง  อาจจะด้วยคนเลี้ยงชิงตายไปก่อน  หรือเจ้าของเลี้ยงไม่ดี  ทิ้งๆขว้างๆ
ดวงวิญญาณนั้นก็จะกลายเป็นผีกะ  ออกหากิน หรือหลอกหลอนคนให้หวาดกลัว  จะได้ไปทำบุญให้

....ทวดบอกว่า  สมัยก่อนทวดเจอบ่อยมาก  ผีกะชอบแปลงเป็นสัตว์ต่างๆนาๆมาหลอก  บางทีก็เข้าสิงสู่ในร่างสัตว์มาหลอกคน
สมัยทวดคลอดลูกคนแรก  ผีกะ แปลงเป็นหมา ตัวเท่าม้า มายืนรออยู่หน้าบ้าน  แกบอก มันคิดจะมากิน..รกเด็ก  ถ้าได้โอกาสก็จะกินตับไตไส้พุงเด็กเลย
แต่ทวดเอง แกก็ไม่ใช่หมูๆจะให้ผีมาลูบคมง่ายๆ  เจอใบหนาดชุบน้ำมนตร์ สะ ไว้รอบบ้าน  มันเลยทำได้แต่ยืนรอหน้าบ้าน  พอเข้าไม่ได้ มันก็หายไป
เด็กรุ่นใหม่  คงอาจไม่เคยเห็นใบหนาด  แต่ผมยังทัน เพราะทวดปลูกไว้หน้าบ้านหลายต้น  ใครอยากเห็นถามกูเกิ้ลเลย  เขาว่าผีมันกลัวใบหนาด
ผมก็ไม่รู้ว่าใครคนต้นคิด  แต่คนสมัยก่อนเค้าก็ใช้ใบหนาดไล่ผีกันผีจริงๆ  ถ้าเอามาวิจัยดีๆ อาจพบสรรพคุณทางวิทยาศาสตร์ก็ได้มั้ง

.....ทวดบอกว่า  สมัยนั้น  เวลาคนจะไปไหนมาไหนตอนกลางคืน  นอกจากพกมีดพร้าหรือปืนแล้ว  ยังต้องเด็ดใบหนาดเหน็บเอวไปด้วยทุกครั้ง  เพราะผีกะ..ชุม  มันเป็นยุคที่คนเล่นไสยศาสตร์  เล่นของ เลี้ยงผีกันเยอะ  แล้วพอเลี้ยงๆไป ก็เกิดเบื่อหน่าย  ก็เซ่นบ้างไม่เซ่นบ้าง  เพราะแสงสีเริ่มเข้ามา  แล้วพวกผีที่ถูกปล่อยปละ ก็หิว ออกหากินเอง  กลายเป็นผีกะ   แปลงกายเป็นสัตว์นี่ฮิตมาก  (บางทีผมก็แอบคิดว่า J.K.โรว์ลิ่ง คนเขียนแฮรี่ พอตเตอร์  แอบมาก๊อปผีกะของไทยไปใส่ในนิยายหรือเปล่า  แปลงกันจัง เป็นนู่นเป็นนี่  ของไทยก็มี แปลงกันมาตั้งแต่ทวดยังสาวเลย)

......ทวดบอกลุงของผม  เคยโดนผีกะเล่นงานมาแล้ว  
ตอนนั้นลุงของผม กำลังเป็นวัยรุ่น  ยุคนั้นเป็นยุคที่ส้วมหลุม ครองเมือง  ไร้ส้วมซึมแบบอารยะทุกวันนี้
ส้วมหลุมคือ  ใครใคร่ขี้ตรงไหนขี้  พอปวดที จับจอบได้ก็เดินดุ่มๆหาทำเลเหมาะๆจกดินแล้วเบ่งเลย  เช็ดตูดด้วยใบไม้ หรือท่อนไม้ก่อนจะกลับมาบ้านล้างด้วยน้ำอีกที  ยุคนั้นมันเป็นแบบนี้จริงๆในสังคมบ้านนอก

...ลุงผมแกมีหมาคู่ใจอยู่ตัวนึง  ชื่อสีนวล  มันตามแกตลอด ไม่ว่าจะเข้าป่าลงน้ำ  คืนนั้นแกก็ปวดท้อง
เลยคว้าจอบ  เดินเข้าไปในคลองเก่า  ที่มันร้าง ไม่มีน้ำไหลมานานแล้ว  ก็ไกลบ้านพอสมควร  เพราะแกไม่อยากให้กลิ่นรบกวน
อาศัยว่าชินสถานที่  ลุงแกก็ไม่ถือไฟฉายหรือตะเกียงไปด้วย  เพราะทุกครั้งแกก็ไปขี้ตอนกลางคืนแบบนี้ตลอด
พอขุดเสร็จก็นั่งเบ่ง  (จะบรรยายเป็นก้อนๆเลยไม๊)  

....นั่งๆไป แกก็มองไปในความมืดของป่ากล้วย  ที่มีใบย้วยลงข้างต้น  ก็มีแสงจันทร์พอกระจ่างส่องนำทางสัญจร  คิดถึงนางฟ้าอรชร  เอิ่มมม ไม่ช่ายและ
ลุงเพ่งมองไปที่ดงกล้วย  ที่อยู่ไม่ไกล  ก็เหมือนเห็นมีเงาอะไรชะโงกมามองแก  จาก กอ กล้วยกอนึง
ก็ชะโงกออกด้านนี้ที  ด้านโน้นที  ลุงผมแกไม่ใช่คนกลัวผี  แกคิดว่าใช่แน่ๆ มันเอากูแน่ๆ ช่วงนั้นผีกะ กำลังฟีเวอร์  ถ้าจะเจอก็ไม่แปลก

....ลุงผมแกก็ใจแข็งหนักแน่นว่า  ถ้าจะมาก็ให้มา  แกไม่มีอะไรกันผี  แกไม่ได้พกใบหนาด  ถ้าไอ้เงาประหลาดกล้าเข้ามาใกล้  แกจะฟาดด้วยหัวจอบสักที
แกก็นึกในใจว่า  แน่จริงมืงเข้ามาเลย  แล้ว  เห้ยยยย  แมงเงานั้นมาจริง  เดินตรงมาหาแกที่นั่งขี้รอด้วยใจระทึกเลย
ลุงผมก็คว้าจอบมาถือรอละ  ก้นก็เบ่งขี้ไปดังแพร่ดๆๆ  พอเงานั้นเดินเข้ามาใกล้
...ก็มีเสียงดัง  งื๊ดๆๆๆๆ
ลุงผมก็โล่งใจ  ว่าไม่ใช่ผีละ เลยตะโกนไป  มานี่สีนวล  ใจหายหมด  มาข้างๆนี่ กินขี้กูมา

....สีนวลที่ว่าก็ว่าง่าย  เดินมานั่งแบบนั่งหัวตั้ง  ยันขา2ข้างไว้ข้างหน้า  นั่งข้างๆลุงเลย
ลุงแกก็เอ็นดู ว่าหมาแกแสนรู้  แกก็ลูบหัวมัน  ปากก็พร่ำบอก
  "แสนรู้จริงนะสีนวล"
พอสิ้นประโยค  สีนวลที่ว่าแสนรู้ของแก ก็ยุบแว้บ หดหายไปในพื้นดินเลย

...ลุงผมแกก็ร้อง เอิ้วววววววววว ผีหลอก ลั่นคลองกลางค่ำเลย  แล้วก็วิ่งขึ้นบ้านทั้งที่ยังไม่ได้เช็ดตูด
ขี้ยังคาตูดอยู่เลย  ขึ้นบ้านได้ก็ร้องไห้ บอกทวดว่าผีแปลงเป็นหมามาหลอก  หายไปในดิน
ทวดแกก็ปลอบใจ  บอกว่าโดนผีกะ แปลงเป็นสีนวลมาหลอกแล้ว  แล้วเรื่องลุงผมวิ่งหนีผีกะขึ้นบ้านทั้งที่ขี้คาตูด
กางเกงยังไม่นุ่ง  ก็เป็นเรื่องเล่าที่ทวดจะเล่าให้คนอื่นๆฟังบ่อยๆ เวลาอยู่กันพร้อมหน้า
ก็จบเรื่องผีกะ  สั้นๆเพียงเท่านี้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่