สวัสดีคะ เพื่อนๆใน pantip ทุกท่าน วันนี้ จขกท อยากจะมาขอแชร์ประสบการณ์ในการสัมภาษณ์งาน และขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้คนหางาน โดยเฉพาะ คนที่กำลังหางานทำในต่างประเทศ การหางานทำที่ต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยาก
จากประสบการณ์ที่ได้เรียกสัมภาษณ์มาส่วนใหญ่จะดูที่ประสบการณ์ การทำงานมากกว่า วุฒิการศึกษาคะ อย่างตัวจขกทเอง ก็ไม่ได้จบนอกมา วุฒิ ป.ตรี อักษรศาสตร์ แต่มีประสบการณ์การทำงานสายการบินมา 6 ปี จากเมืองไทย
หลังจากแต่งงาน จขกทได้ย้ายตามสามีมาอยู่อังกฤษ ตั้งแต่ต้น พ.ย 58 เริ่มหางานจริงๆจังๆ ต้นเดือนกุมภา เพราะมีเหตุต้องกลับเมืองไทยเนื่องจากคุณแม่เสีย บอกเลยว่าชีวิตช่วงนั้น ถือว่าหนักพอสมควร คุณแม่เสีย ลาออกจากงานที่รัก เพราะไม่สามารถขอโอนย้ายได้เนื่องข้อจำกัดของวีซ่า
ไหนจะต้องปรับตัวกับสภาพอากาศ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอังกฤษ บอกจากใจจริงตอนนั้นท้อมาก แต่ก็พยายามดึงตัวเองขึ้นมาให้ได้เพราะ ไม่อยากให้แม่ กับพ่อและคนที่บ้านเป็นห่วง
หลังจากได้ Residence Card กับลงทะเบียนเสียภาษีสำหรับทำงาน ก็เดินหน้าหางานอย่างต่อเนื่องจากใบสมัครเกือบ สองร้อยใบ โดนเรียก ไปสัมภาษณ์บ้าง แต่ก็แห้ว เนื่องจากไม่ตรงกับสายงาน และอาจจะเป็นเพราะภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรงพอ
จขทก เริ่มแก้ไข เปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยฝึกจากการดูข่าว BBC อ่านหนังสือ ฝึกพูดกับสามี เตรียมสัมภาษณ์แบบจริงจัง หาคำถามในการสัมภาษณ์มานั่งวิเคราะห์และฝึกตอบคำถาม
จนวันนึงได้รับโทรศัพท์จากสายการบินสัญชาติอเมริกันที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนี้ ในตำแหน่ง Airport Service Agent ตอนนั้นจำได้เลยว่าสัมภาษณ์ในห้องน้ำ เพราะกรรมการ ขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เพื่อ ต้องการทดสอบ การฟัง และการพูด ภาษาอังกฤษ ตอนนั้นไม่พร้อมเลย เพราะกำลังส่ง Fax อย่างเมามันส์ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ สุดท้าย ผลการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ก็ผ่าน!!!
รอบสอง กับการทดสอบทักษะ การเขียน และ ทำ Group interview โดยที่ มีสถานการณ์กำหนดมาให้ ซึ่งถ้าผ่านขั้นตอนนี้ก็จะผ่านไปสัมภาษณ์ รอบสุดท้ายกับ กรรมการ ซึ่งเราก็ผ่านรอบนี้มาได้
บอกเลยว่าช่วงที่ทำ group กดดันมาก เพราะ ผู้สมัครเป็นคนอังกฤษ และ ยุโรป ซึ่งแน่นอนว่า ภาษาเค้าเหนือกว่าเราอยู่แล้ว สุดท้าย เราก็ผ่านรอบนี้มาได้
รอบสุดท้าย สัมภาษณ์ กับกรรมการ 3 ท่าน คนนึงถาม อีกคนนึงจด อีกคนนึงนั่งฟังอย่างเดียว ตอนนั้นกดดันมาก แต่ก็พยายามตั้งสติ ตอบคำถามให้ชัดเจน พยายามเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด จนสุดท้าย !!!! เราก็ได้ผ่านรอบนี้ และได้Job offer จากบริษัท บอกเลยว่า เหมือนยกภูเขา ออกจากอก และดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่อย่างน้อยความพยายามที่ผ่านมาก็ไม่สูญเปล่า
อยากจะขอเป็นกำลังให้คนงานหา โดยเฉพาะ คนที่อยู่ต่างประเทศนะคะ ว่าลองเปิดโอกาสให้ตัวเอง พัฒนาและฝึกฝนอยู่สม่ำเสมอ อย่าท้อ ในเวลาที่เราโดนปฎิเสธ ขอให้เก็บมาเป็นแรงผลักดันคะ
เราทำได้ พวกคุณก็ทำได้เช่นกันคะ สู้ๆนะคะ
นับหนึ่งใหม่ จากไทยถึงอังกฤษ ตอน สายการบินอเมริกันรับฉันเข้าทำงาน
จากประสบการณ์ที่ได้เรียกสัมภาษณ์มาส่วนใหญ่จะดูที่ประสบการณ์ การทำงานมากกว่า วุฒิการศึกษาคะ อย่างตัวจขกทเอง ก็ไม่ได้จบนอกมา วุฒิ ป.ตรี อักษรศาสตร์ แต่มีประสบการณ์การทำงานสายการบินมา 6 ปี จากเมืองไทย
หลังจากแต่งงาน จขกทได้ย้ายตามสามีมาอยู่อังกฤษ ตั้งแต่ต้น พ.ย 58 เริ่มหางานจริงๆจังๆ ต้นเดือนกุมภา เพราะมีเหตุต้องกลับเมืองไทยเนื่องจากคุณแม่เสีย บอกเลยว่าชีวิตช่วงนั้น ถือว่าหนักพอสมควร คุณแม่เสีย ลาออกจากงานที่รัก เพราะไม่สามารถขอโอนย้ายได้เนื่องข้อจำกัดของวีซ่า
ไหนจะต้องปรับตัวกับสภาพอากาศ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอังกฤษ บอกจากใจจริงตอนนั้นท้อมาก แต่ก็พยายามดึงตัวเองขึ้นมาให้ได้เพราะ ไม่อยากให้แม่ กับพ่อและคนที่บ้านเป็นห่วง
หลังจากได้ Residence Card กับลงทะเบียนเสียภาษีสำหรับทำงาน ก็เดินหน้าหางานอย่างต่อเนื่องจากใบสมัครเกือบ สองร้อยใบ โดนเรียก ไปสัมภาษณ์บ้าง แต่ก็แห้ว เนื่องจากไม่ตรงกับสายงาน และอาจจะเป็นเพราะภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรงพอ
จขทก เริ่มแก้ไข เปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยฝึกจากการดูข่าว BBC อ่านหนังสือ ฝึกพูดกับสามี เตรียมสัมภาษณ์แบบจริงจัง หาคำถามในการสัมภาษณ์มานั่งวิเคราะห์และฝึกตอบคำถาม
จนวันนึงได้รับโทรศัพท์จากสายการบินสัญชาติอเมริกันที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนี้ ในตำแหน่ง Airport Service Agent ตอนนั้นจำได้เลยว่าสัมภาษณ์ในห้องน้ำ เพราะกรรมการ ขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เพื่อ ต้องการทดสอบ การฟัง และการพูด ภาษาอังกฤษ ตอนนั้นไม่พร้อมเลย เพราะกำลังส่ง Fax อย่างเมามันส์ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ สุดท้าย ผลการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ก็ผ่าน!!!
รอบสอง กับการทดสอบทักษะ การเขียน และ ทำ Group interview โดยที่ มีสถานการณ์กำหนดมาให้ ซึ่งถ้าผ่านขั้นตอนนี้ก็จะผ่านไปสัมภาษณ์ รอบสุดท้ายกับ กรรมการ ซึ่งเราก็ผ่านรอบนี้มาได้
บอกเลยว่าช่วงที่ทำ group กดดันมาก เพราะ ผู้สมัครเป็นคนอังกฤษ และ ยุโรป ซึ่งแน่นอนว่า ภาษาเค้าเหนือกว่าเราอยู่แล้ว สุดท้าย เราก็ผ่านรอบนี้มาได้
รอบสุดท้าย สัมภาษณ์ กับกรรมการ 3 ท่าน คนนึงถาม อีกคนนึงจด อีกคนนึงนั่งฟังอย่างเดียว ตอนนั้นกดดันมาก แต่ก็พยายามตั้งสติ ตอบคำถามให้ชัดเจน พยายามเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด จนสุดท้าย !!!! เราก็ได้ผ่านรอบนี้ และได้Job offer จากบริษัท บอกเลยว่า เหมือนยกภูเขา ออกจากอก และดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่อย่างน้อยความพยายามที่ผ่านมาก็ไม่สูญเปล่า
อยากจะขอเป็นกำลังให้คนงานหา โดยเฉพาะ คนที่อยู่ต่างประเทศนะคะ ว่าลองเปิดโอกาสให้ตัวเอง พัฒนาและฝึกฝนอยู่สม่ำเสมอ อย่าท้อ ในเวลาที่เราโดนปฎิเสธ ขอให้เก็บมาเป็นแรงผลักดันคะ
เราทำได้ พวกคุณก็ทำได้เช่นกันคะ สู้ๆนะคะ