ความเดิมจากตอนที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/34908284
ตัวอักษรจีนที่ผมนำมาเปิดหัวกระทู้ในวันนี้ เป็นตัวอักษรจีน緣อ่านว่า “หยวน”
緣 จะแปลว่ามูลเหตุก็ได้ พรหมลิขิตก็ได้ บุพเพสันนิวาสก็ได้
แต่สำหรับในพระพุทธศาสนา ในเรื่องดี ผมชอบแปลว่า
“สายบุญ”!
แม้เราอยู่ไกลกันเป็นพันลี้ ถ้ามีสายบุญด้วยกัน ยังไงก็มาเจอกันจนได้
แต่หากแม้เราไร้ซึ่งสายบุญ แม้นอยู่ตรงหน้ากัน เราก็มิอาจจะรู้จักกันได้
คุณเชื่อเรื่องสายบุญไหม?
คุณผูกสายบุญไว้กับพระพุทธศาสนาแน่นแค่ไหน?
วันนี้มาฟังเรื่องชาวจีน ที่ผูกสายบุญกับพระพุทธศาสนาไว้อย่างแนบแน่น
แล้วก็ส่งต่อสายบุญไปยังทั่วไต้หวัน และทั่วโลก !
หยิบกระบี่ขึ้นมา แล้วเดินตามข้าพเจ้ามาติด ๆ ณ บัดนี้เถิด
โลกนิยายกำลังภายในของกิมย้งได้กล่าวไว้ว่า
ก๊วยเซียง ลูกสาวของก๊วยเจ๋งที่ไปตั้งสำนักง้อไบ๊
เตียซำฮง ที่ไปตั้งสำนักบู๊ตึ๊ง
ก็ล้วนแต่เอาเคล็ดวิชาเก้าเอี๊ยง ที่ได้ฟังจากกักเอี๊ยงไต้ซือ
มาพัฒนาเป็นเคล็ดวิชาของสำนักตัวเอง ฉันใด
จตุรบรรพตรุ่นใหม่ในไต้หวัน
ไม่ว่าจะเป็นท่านซิงหวิน ตั้งวัดฝอกวงซาน
ท่านเจิ้งเหยียน ตั้งองค์กรพุทธฉือจี้
ท่านเซิ่งเหยียน ตั้งวัดฝากู่ซาน
ก็ล้วนแต่ได้แนวคิดมาจากปรมาจารย์ท่านหนึ่ง
มาพัฒนาเป็นจุดแข็งของสำนักตนเอง ฉันนั้นเช่นกัน !
พระพุทธศาสนาในไต้หวัน ep.3 ขอนำเสนอประวัติ และแนวคิดของพระภิกษุมหายานรูปหนึ่ง
ผู้ที่มีสายบุญอันแนบแน่นกับพระพุทธศาสนา
และเป็นผู้ขับเคลื่อนแนวคิด “พุทธศาสนามนุษย์นิยม人間佛教”
ไปสู่พุทธศาสนิกชนชาวไต้หวัน และกระจายไปยังหลายประเทศทั่วโลก
พระภิกษุผู้นี้มีนามว่า “ปรมาจารย์อิ้นซุ่น 印順導師”
แสวงหาสัมมาทิฏฐิชอบ 追尋正見
หมั่นประกอบตั้งศรัทธาให้คงมั่น確立正信
เพียรอดทนปฏิบัติมุ่งฝ่าฟัน 堅忍正行
สานสืบทอดธรรมอันเป็นสัจจาฯ 傳承正法
สี่ประโยคนี้ คือเป้าหมายที่ท่านอิ้นซุ่น พยายามทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อให้บังเกิดขึ้น
ท่านไม่ใช่แค่ทำได้ แต่ทำได้ดีมาก ๆ เสียด้วย
ท่านอิ้นซุ่น มีชื่อเดิมว่า จางลู่ฉิน 張鹿芹 เกิดในปีค.ศ.1906
ที่มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน มณฑลเจ้อเจียงอยู่ตรงไหน ผมมีภาพชี้พิกัดครับ
จางลู่ฉิน ถือกำเนิดในครอบครัวที่ความพร้อมทางด้านการเงินไม่ค่อยดีนัก
แถมเป็นช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 พอดี
ชีวิตเด็กน้อยที่ดูแลตัวเองไม่ค่อยเป็น ไม่รู้การทำความสะอาด ไม่รู้จักการจัดข้าวของ
ยิ่งพวกเรื่องเสื้อผ้า ของเล่น ก็ไม่มีอย่างเพื่อน ๆ คนอื่นเขา
มีแต่ความโดดเดี่ยวเป็นเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
ไม่ว่าเจออะไรมา ก็ไม่กล้าจะเอ่ยปากระบายให้คนอื่นฟัง
ส่วนความสามารถของเด็กชายจางลู่ฉินน่ะหรือครับ
ไม่ถนัดวาดรูป
ไม่ถนัดดนตรี
ไม่ถนัดพละ
ไม่ถนัดหลายอย่างเลย
เหตุผลที่ไม่ถนัดก็เพราะไม่มีความสนใจ
แต่สิ่งที่สนใจเป็นพิเศษคือ “การอ่าน”
อ่านหนังสือทั้งของลัทธิเต๋า ปรัชญาจีนของเล่าจื๊อ จวงจื่อ
หนังสือพันธสัญญาเดิม พันธสัญญาใหม่ของคริสต์
เรียกว่าหนังสือเกี่ยวกับแนวปรัชญา ศาสนาที่พอจะหาได้ตรงแถวบ้านเกิด
จางลู่ฉินอ่านเรียบ!
จนวันหนึ่งเมื่อจางลู่ฉินอายุ 20 ปีเต็ม
ได้อ่านเจอ อักษรจีน คำว่า 佛法 (ฝอฝ่า) แปลว่า “ธรรมะ”
พอเห็นคำว่าธรรมะ ก็มีความรู้สึกคุ้นเคยมาก ๆ
คุณเคยเจอใครครั้งแรกแล้วรู้สึกว่าคนนี้คุ้นจังเลย
เหมือนเราเคยรู้จักเขามาก่อน ทั้ง ๆ ที่เจอกันครั้งแรกไหม?
อารมณ์นั้นล่ะครับ
จางลู่ฉินตื่นเต้น ที่ได้เจอเพื่อนคนใหม่ที่ชื่อว่า “ธรรมะ” แล้ว
ตัวอักษรตัวใหญ่ คือ ฝอฝ่า (ธรรมะ)
ในใจมีแต่ความกระหายอยากจะรู้ว่าธรรมะนั้นเป็นยังไงกันแน่
เลยไปตามวัดที่พอจะไปถึง อยากจะไปหาหนังสือธรรมะอ่าน
พอเปิดประตูวัดเข้าไป กลับเจอแต่คนจุดธูปขอให้พรพระ
ขอให้ชีวิตสงบสุข ให้แข็งแรง ให้ร่ำรวย เท่านั้น
แถมนักบวชที่อยู่ที่นั่น ก็ดูลักษณะไม่มีอะไรแตกต่างกับโยมที่มาไหว้พระเลย
คือเน้นพิธีกรรมทางศาสนาเป็นหลัก โดยไม่ได้ศึกษาว่า ธรรมะที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
หันซ้าย หันขวาเจอตำราพระสูตรจีนเล่มหนึ่ง
ก็ยืมมาอ่านที่บ้านด้วยความกระหาย
แต่เนื่องจากในวัยเด็ก จางลู่ฉินเรียนหนังสือมาน้อย
ดังนั้นการอ่านพระสูตรจีน จึงเป็นเรื่องยาก
ยากจริง ๆ นะคุณ ผมเคยไปเปิดอ่านดู
หน้าแรกจะทำให้ตาพร่า
หน้าที่สองจะทำให้มึน ๆ
หน้าที่สามสติจะหายไป
เหมือนมีค่ายกลอะไรอยู่ในนั้น
คือต้องบอกก่อนว่าศัพท์ทีใช้ในพระไตรปิฎกจีน เป็นศัพท์โบราณ
แล้วก็เป็นภาษาคัมภีร์ อ่านยากกว่าภาษาปัจจุบันเยอะเลย
แต่สิ่งที่เป็นเรื่องยากนั้น กลับทำให้จางลู่ฉินยิ่งรักที่จะอ่านพระไตรปิฎกมากขึ้น
มีอยู่วันหนึ่ง หนุ่มน้อยจางลู่ฉิน ไปเจอหนังสือพจนานุกรมอธิบายศัพท์พระพุทธศาสนาเล่มหนาเล่มหนึ่ง
อยากได้มาก แต่ไม่มีเงินจะซื้อ แล้วจะทำยังไง?
เป็นคุณ ๆ จะทำยังไง เมื่อไม่มีห้องสมุดให้ยืมหนังสือได้
ไม่มีเครื่องถ่ายเอกสารด้วย
ถึงมีเครื่องถ่าย ก็คงไม่มีตังค์ที่จะใช้จ้างถ่ายอยู่ดี ?
แต่จางลู่ฉิน ไม่ท้อเลย ไม่ได้มองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรค ต่อการศึกษาพระพุทธศาสนา
เขาไปสอบถามเพื่อนแต่ละคน จนรู้ว่ามีคนหนึ่งที่มีพจนานุกรมเล่มนี้
เลยไปยืมเพื่อน ยืมมาจดศัพท์ที่ไม่เข้าใจรึ?
ไม่ใช่หรอก เขายืมมาเพื่อมาคัดลอกศัพท์ทีละตัวๆ ด้วยลายมือของตนเอง จนจบเล่ม !
พจนานุกรมนะคุณ ไม่ใช่ โปสเตอร์ที่ภาพเยอะ ๆ ตัวอักษรน้อย ๆ
พจนานุกรม ฉือหยวน 辭源 ที่จางลู่ฉินคัด
การคัดลอกศัพท์ก็ไม่ใช่การคัดแบบตะบี้ตะบันส่งคุณครู
แต่เป็นการอ่านไป ทำความเข้าใจไป ตกผลึกความคิดไป
ดังนั้นมือก็เขียนไป ตาก็มองไป สมองก็คิดไป
ใจก็ดื่มด่ำไปกับรสพระธรรมที่ผ่านตัวอักษรตัวแล้วตัวเล่า
จนการคัดลอกศัพท์พระพุทธศาสนาครั้งนี้ได้ทำให้ความเข้าใจในธรรมะของจางลู่ฉินก้าวหน้าไปอีกขั้น
ชีวิตของมนุษย์นั้น เมื่อได้มา ก็สูญเสีย เมื่อมีเจอ ก็มีจาก
นี่เป็นเรื่องที่เราทุกคนรู้กันอยู่แล้ว
แต่พอเจอเข้ากับตัว หลาย ๆ คนก็รับไม่ได้ หลายคนรับไม่ทัน
แล้ววันนั้นก็มาถึงตัวของจางลู่ฉิน
เมื่อเขาอายุได้ 23 ปี มารดาอันเป็นที่รักของเขาได้ละโลกไป
ผ่านไปอีกปี พ่อก็ป่วยและเสียชีวิตไปอีก
ในสองปีนี้เขาพยายามแสวงหาหมอมารักษาบิดา และมารดา
แต่ก็ไม่เป็นผล....
ความโศกเศร้าเสียใจปกคลุมใจของจางลู่ฉินเสียสนิท
แต่ก็เพราะความโศกเศร้านี่ล่ะ ที่เป็นกัลยาณมิตรชี้แนะให้เห็นชัดความไม่เที่ยงของชีวิตมนุษย์
การสูญเสียกลับเป็นการหลอมละลายกาย และใจของจางลู่ฉิน ให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมะ
จนตัดสินใจอยากจะออกบวชในที่สุด...
สำหรับจางลู่ฉินแล้ว การบวชไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ลำพังแค่หาที่จะบวชก็ยากแล้ว
เพราะธรรมะในชนบทที่เขาอยู่นั้น ช่างหาศึกษาได้ยากจริง ๆ
แต่มันต้องมีสิ จะต้องมีที่ใดที่หนึ่ง ที่เป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนา ธรรมะรุ่งเรืองแน่ ๆ
ถึงตอนนี้ดูเหมือนสายบุญที่จางลู่ฉิน ได้ทำเอาไว้กับพระพุทธศาสนาในอดีต
จะได้โอกาสทำหน้าที่แล้ว สายบุญค่อย ๆ ดึงเขาไป ๆ
จนวันหนึ่งได้เห็นแผ่นประชาสัมพันธ์วิทยาลัยสงฆ์เป่ยผิงผูถี北平菩提佛學院
ที่อยู่ในมณฑลปักกิ่งในปัจจุบัน กำลังรับสมัครนักเรียน
ข่าวนี้เหมือนกับประทีปสว่างที่ถูกจุดขึ้น ในยามท้องฟ้าอันธการ เพื่อจางลู่ฉินโดยแท้
เขารีบเขียนจดหมายสมัครสอบทันที
และไม่นานก็ได้จดหมายตอบรับว่าสอบผ่าน
ให้เข้าเรียนได้ !
จางลู่ฉิน อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน เพื่อที่จะรอฟังข่าวว่าเมื่อไหร่จะเปิดเรียน
อยากศึกษาธรรมะ อยากศึกษาธรรมะ อยากศึกษาธรรมะ !
ยิ่งรอ ยิ่งร้อนรน จนในที่สุดอดรนทนไม่ไหว
จึงรีบเดินทางทางทะเล เพื่อจะไปปักกิ่ง ก่อนที่จะเปิดเรียน
บุกเดี่ยวไม่มีใครที่รู้จักไปด้วย นี้เป็นครั้งแรกของจากลู่ฉิน ที่ออกเดินทางไกลขนาดนี้
และการเดินทางในครั้งนี้ ก็เป็นการจากบ้านเกิด โดยไม่ได้กลับไปอีกเลย
ส่วนสายบุญจะทำหน้าที่พาจางลู่ฉิน ไปพบธรรมะที่เขาปรารถนาไหม?
แล้วความปรารถนาที่จะบวชของเขาจะสำเร็จเมื่อใด?
โปรดติดตามตอนต่อไป
แล้วเจอกันใหม่ครับ ไจ้เจี้ยน 再見
ติดตามพระพุทธศาสนาในไต้หวัน ep.4 ได้ที่
http://ppantip.com/topic/34964177
พระพุทธศาสนาในไต้หวัน ep.3: ปรมาจารย์อิ้นซุ่น(1)
ตัวอักษรจีนที่ผมนำมาเปิดหัวกระทู้ในวันนี้ เป็นตัวอักษรจีน緣อ่านว่า “หยวน”
緣 จะแปลว่ามูลเหตุก็ได้ พรหมลิขิตก็ได้ บุพเพสันนิวาสก็ได้
แต่สำหรับในพระพุทธศาสนา ในเรื่องดี ผมชอบแปลว่า
“สายบุญ”!
แม้เราอยู่ไกลกันเป็นพันลี้ ถ้ามีสายบุญด้วยกัน ยังไงก็มาเจอกันจนได้
แต่หากแม้เราไร้ซึ่งสายบุญ แม้นอยู่ตรงหน้ากัน เราก็มิอาจจะรู้จักกันได้
คุณเชื่อเรื่องสายบุญไหม?
คุณผูกสายบุญไว้กับพระพุทธศาสนาแน่นแค่ไหน?
วันนี้มาฟังเรื่องชาวจีน ที่ผูกสายบุญกับพระพุทธศาสนาไว้อย่างแนบแน่น
แล้วก็ส่งต่อสายบุญไปยังทั่วไต้หวัน และทั่วโลก !
หยิบกระบี่ขึ้นมา แล้วเดินตามข้าพเจ้ามาติด ๆ ณ บัดนี้เถิด
โลกนิยายกำลังภายในของกิมย้งได้กล่าวไว้ว่า
ก๊วยเซียง ลูกสาวของก๊วยเจ๋งที่ไปตั้งสำนักง้อไบ๊
เตียซำฮง ที่ไปตั้งสำนักบู๊ตึ๊ง
ก็ล้วนแต่เอาเคล็ดวิชาเก้าเอี๊ยง ที่ได้ฟังจากกักเอี๊ยงไต้ซือ
มาพัฒนาเป็นเคล็ดวิชาของสำนักตัวเอง ฉันใด
จตุรบรรพตรุ่นใหม่ในไต้หวัน
ไม่ว่าจะเป็นท่านซิงหวิน ตั้งวัดฝอกวงซาน
ท่านเจิ้งเหยียน ตั้งองค์กรพุทธฉือจี้
ท่านเซิ่งเหยียน ตั้งวัดฝากู่ซาน
ก็ล้วนแต่ได้แนวคิดมาจากปรมาจารย์ท่านหนึ่ง
มาพัฒนาเป็นจุดแข็งของสำนักตนเอง ฉันนั้นเช่นกัน !
พระพุทธศาสนาในไต้หวัน ep.3 ขอนำเสนอประวัติ และแนวคิดของพระภิกษุมหายานรูปหนึ่ง
ผู้ที่มีสายบุญอันแนบแน่นกับพระพุทธศาสนา
และเป็นผู้ขับเคลื่อนแนวคิด “พุทธศาสนามนุษย์นิยม人間佛教”
ไปสู่พุทธศาสนิกชนชาวไต้หวัน และกระจายไปยังหลายประเทศทั่วโลก
พระภิกษุผู้นี้มีนามว่า “ปรมาจารย์อิ้นซุ่น 印順導師”
แสวงหาสัมมาทิฏฐิชอบ 追尋正見
หมั่นประกอบตั้งศรัทธาให้คงมั่น確立正信
เพียรอดทนปฏิบัติมุ่งฝ่าฟัน 堅忍正行
สานสืบทอดธรรมอันเป็นสัจจาฯ 傳承正法
สี่ประโยคนี้ คือเป้าหมายที่ท่านอิ้นซุ่น พยายามทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อให้บังเกิดขึ้น
ท่านไม่ใช่แค่ทำได้ แต่ทำได้ดีมาก ๆ เสียด้วย
ท่านอิ้นซุ่น มีชื่อเดิมว่า จางลู่ฉิน 張鹿芹 เกิดในปีค.ศ.1906
ที่มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน มณฑลเจ้อเจียงอยู่ตรงไหน ผมมีภาพชี้พิกัดครับ
จางลู่ฉิน ถือกำเนิดในครอบครัวที่ความพร้อมทางด้านการเงินไม่ค่อยดีนัก
แถมเป็นช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 พอดี
ชีวิตเด็กน้อยที่ดูแลตัวเองไม่ค่อยเป็น ไม่รู้การทำความสะอาด ไม่รู้จักการจัดข้าวของ
ยิ่งพวกเรื่องเสื้อผ้า ของเล่น ก็ไม่มีอย่างเพื่อน ๆ คนอื่นเขา
มีแต่ความโดดเดี่ยวเป็นเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
ไม่ว่าเจออะไรมา ก็ไม่กล้าจะเอ่ยปากระบายให้คนอื่นฟัง
ส่วนความสามารถของเด็กชายจางลู่ฉินน่ะหรือครับ
ไม่ถนัดวาดรูป
ไม่ถนัดดนตรี
ไม่ถนัดพละ
ไม่ถนัดหลายอย่างเลย
เหตุผลที่ไม่ถนัดก็เพราะไม่มีความสนใจ
แต่สิ่งที่สนใจเป็นพิเศษคือ “การอ่าน”
อ่านหนังสือทั้งของลัทธิเต๋า ปรัชญาจีนของเล่าจื๊อ จวงจื่อ
หนังสือพันธสัญญาเดิม พันธสัญญาใหม่ของคริสต์
เรียกว่าหนังสือเกี่ยวกับแนวปรัชญา ศาสนาที่พอจะหาได้ตรงแถวบ้านเกิด
จางลู่ฉินอ่านเรียบ!
จนวันหนึ่งเมื่อจางลู่ฉินอายุ 20 ปีเต็ม
ได้อ่านเจอ อักษรจีน คำว่า 佛法 (ฝอฝ่า) แปลว่า “ธรรมะ”
พอเห็นคำว่าธรรมะ ก็มีความรู้สึกคุ้นเคยมาก ๆ
คุณเคยเจอใครครั้งแรกแล้วรู้สึกว่าคนนี้คุ้นจังเลย
เหมือนเราเคยรู้จักเขามาก่อน ทั้ง ๆ ที่เจอกันครั้งแรกไหม?
อารมณ์นั้นล่ะครับ
จางลู่ฉินตื่นเต้น ที่ได้เจอเพื่อนคนใหม่ที่ชื่อว่า “ธรรมะ” แล้ว
ในใจมีแต่ความกระหายอยากจะรู้ว่าธรรมะนั้นเป็นยังไงกันแน่
เลยไปตามวัดที่พอจะไปถึง อยากจะไปหาหนังสือธรรมะอ่าน
พอเปิดประตูวัดเข้าไป กลับเจอแต่คนจุดธูปขอให้พรพระ
ขอให้ชีวิตสงบสุข ให้แข็งแรง ให้ร่ำรวย เท่านั้น
แถมนักบวชที่อยู่ที่นั่น ก็ดูลักษณะไม่มีอะไรแตกต่างกับโยมที่มาไหว้พระเลย
คือเน้นพิธีกรรมทางศาสนาเป็นหลัก โดยไม่ได้ศึกษาว่า ธรรมะที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
หันซ้าย หันขวาเจอตำราพระสูตรจีนเล่มหนึ่ง
ก็ยืมมาอ่านที่บ้านด้วยความกระหาย
แต่เนื่องจากในวัยเด็ก จางลู่ฉินเรียนหนังสือมาน้อย
ดังนั้นการอ่านพระสูตรจีน จึงเป็นเรื่องยาก
ยากจริง ๆ นะคุณ ผมเคยไปเปิดอ่านดู
หน้าแรกจะทำให้ตาพร่า
หน้าที่สองจะทำให้มึน ๆ
หน้าที่สามสติจะหายไป
เหมือนมีค่ายกลอะไรอยู่ในนั้น
คือต้องบอกก่อนว่าศัพท์ทีใช้ในพระไตรปิฎกจีน เป็นศัพท์โบราณ
แล้วก็เป็นภาษาคัมภีร์ อ่านยากกว่าภาษาปัจจุบันเยอะเลย
แต่สิ่งที่เป็นเรื่องยากนั้น กลับทำให้จางลู่ฉินยิ่งรักที่จะอ่านพระไตรปิฎกมากขึ้น
มีอยู่วันหนึ่ง หนุ่มน้อยจางลู่ฉิน ไปเจอหนังสือพจนานุกรมอธิบายศัพท์พระพุทธศาสนาเล่มหนาเล่มหนึ่ง
อยากได้มาก แต่ไม่มีเงินจะซื้อ แล้วจะทำยังไง?
เป็นคุณ ๆ จะทำยังไง เมื่อไม่มีห้องสมุดให้ยืมหนังสือได้
ไม่มีเครื่องถ่ายเอกสารด้วย
ถึงมีเครื่องถ่าย ก็คงไม่มีตังค์ที่จะใช้จ้างถ่ายอยู่ดี ?
แต่จางลู่ฉิน ไม่ท้อเลย ไม่ได้มองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรค ต่อการศึกษาพระพุทธศาสนา
เขาไปสอบถามเพื่อนแต่ละคน จนรู้ว่ามีคนหนึ่งที่มีพจนานุกรมเล่มนี้
เลยไปยืมเพื่อน ยืมมาจดศัพท์ที่ไม่เข้าใจรึ?
ไม่ใช่หรอก เขายืมมาเพื่อมาคัดลอกศัพท์ทีละตัวๆ ด้วยลายมือของตนเอง จนจบเล่ม !
พจนานุกรมนะคุณ ไม่ใช่ โปสเตอร์ที่ภาพเยอะ ๆ ตัวอักษรน้อย ๆ
การคัดลอกศัพท์ก็ไม่ใช่การคัดแบบตะบี้ตะบันส่งคุณครู
แต่เป็นการอ่านไป ทำความเข้าใจไป ตกผลึกความคิดไป
ดังนั้นมือก็เขียนไป ตาก็มองไป สมองก็คิดไป
ใจก็ดื่มด่ำไปกับรสพระธรรมที่ผ่านตัวอักษรตัวแล้วตัวเล่า
จนการคัดลอกศัพท์พระพุทธศาสนาครั้งนี้ได้ทำให้ความเข้าใจในธรรมะของจางลู่ฉินก้าวหน้าไปอีกขั้น
ชีวิตของมนุษย์นั้น เมื่อได้มา ก็สูญเสีย เมื่อมีเจอ ก็มีจาก
นี่เป็นเรื่องที่เราทุกคนรู้กันอยู่แล้ว
แต่พอเจอเข้ากับตัว หลาย ๆ คนก็รับไม่ได้ หลายคนรับไม่ทัน
แล้ววันนั้นก็มาถึงตัวของจางลู่ฉิน
เมื่อเขาอายุได้ 23 ปี มารดาอันเป็นที่รักของเขาได้ละโลกไป
ผ่านไปอีกปี พ่อก็ป่วยและเสียชีวิตไปอีก
ในสองปีนี้เขาพยายามแสวงหาหมอมารักษาบิดา และมารดา
แต่ก็ไม่เป็นผล....
ความโศกเศร้าเสียใจปกคลุมใจของจางลู่ฉินเสียสนิท
แต่ก็เพราะความโศกเศร้านี่ล่ะ ที่เป็นกัลยาณมิตรชี้แนะให้เห็นชัดความไม่เที่ยงของชีวิตมนุษย์
การสูญเสียกลับเป็นการหลอมละลายกาย และใจของจางลู่ฉิน ให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมะ
จนตัดสินใจอยากจะออกบวชในที่สุด...
สำหรับจางลู่ฉินแล้ว การบวชไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ลำพังแค่หาที่จะบวชก็ยากแล้ว
เพราะธรรมะในชนบทที่เขาอยู่นั้น ช่างหาศึกษาได้ยากจริง ๆ
แต่มันต้องมีสิ จะต้องมีที่ใดที่หนึ่ง ที่เป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนา ธรรมะรุ่งเรืองแน่ ๆ
ถึงตอนนี้ดูเหมือนสายบุญที่จางลู่ฉิน ได้ทำเอาไว้กับพระพุทธศาสนาในอดีต
จะได้โอกาสทำหน้าที่แล้ว สายบุญค่อย ๆ ดึงเขาไป ๆ
จนวันหนึ่งได้เห็นแผ่นประชาสัมพันธ์วิทยาลัยสงฆ์เป่ยผิงผูถี北平菩提佛學院
ที่อยู่ในมณฑลปักกิ่งในปัจจุบัน กำลังรับสมัครนักเรียน
ข่าวนี้เหมือนกับประทีปสว่างที่ถูกจุดขึ้น ในยามท้องฟ้าอันธการ เพื่อจางลู่ฉินโดยแท้
เขารีบเขียนจดหมายสมัครสอบทันที
และไม่นานก็ได้จดหมายตอบรับว่าสอบผ่าน
ให้เข้าเรียนได้ !
จางลู่ฉิน อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน เพื่อที่จะรอฟังข่าวว่าเมื่อไหร่จะเปิดเรียน
อยากศึกษาธรรมะ อยากศึกษาธรรมะ อยากศึกษาธรรมะ !
ยิ่งรอ ยิ่งร้อนรน จนในที่สุดอดรนทนไม่ไหว
จึงรีบเดินทางทางทะเล เพื่อจะไปปักกิ่ง ก่อนที่จะเปิดเรียน
บุกเดี่ยวไม่มีใครที่รู้จักไปด้วย นี้เป็นครั้งแรกของจากลู่ฉิน ที่ออกเดินทางไกลขนาดนี้
และการเดินทางในครั้งนี้ ก็เป็นการจากบ้านเกิด โดยไม่ได้กลับไปอีกเลย
ส่วนสายบุญจะทำหน้าที่พาจางลู่ฉิน ไปพบธรรมะที่เขาปรารถนาไหม?
แล้วความปรารถนาที่จะบวชของเขาจะสำเร็จเมื่อใด?
โปรดติดตามตอนต่อไป
แล้วเจอกันใหม่ครับ ไจ้เจี้ยน 再見
ติดตามพระพุทธศาสนาในไต้หวัน ep.4 ได้ที่ http://ppantip.com/topic/34964177