ธนาคารพาณิชย์พร้อมใจหั่นเป้าจีดีพีปี 59 ลงเหลือ 2.5% จากสัญญาณเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว หลังการลงทุนภาครัฐยังไม่คืบ ยอดส่งออกส่อแววติดลบ เงินร้อนไหลเข้าลงทุนพันบัตรรัฐบาล ดันบาทแข็งค่าเร็ว เสนอธปท. ลดดอกเบี้ยสกัด เพราะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ พร้อมหั่นกำไรบจ.ปี 59 ลงอีก หากตัวเลข Q1/59 ยังไม่ดี จากต้นปีได้ปรับลดไปแล้ว จาก 94 บาทต่อหุ้นเหลือ 86 บาทต่อหุ้น
***KBANK หั่นเป้าจีดีพีปี 59 จาก 3% เหลือ 2.5% และคาดส่งออกติดลบจากเดิมคาดโต 2%
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ในเดือนเม.ย.จะมีการพิจารณาปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี)ไทยในปีนี้ลงเหลือ 2.5% จากคาดการณ์เดิมคาดว่าจะขยายตัวระดับ 3% และตัวเลขส่งออกจากเดิมคาดว่าปีนี้จะขยายตัว 2% มาเป็นติดลบ นับว่าติดลบต่อเนื่องจากปี 58 ซึ่งติดลบ 5.8% เนื่องจากการส่งออกยังหดตัวและเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว
นอกจากนี้ ธนาคารได้ปรับคาดการณ์ค่าเงินบาทในปีนี้เป็น 37 บาทต่อดอลลาร์ จากเดิมคาดการณ์ไว้ระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ โดยคาดว่าระยะสั้นช่วงไตรมาส 2/59 ค่าเงินบาทจะแข็งค่า หรือแตะระดับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ผลจากเงินทุนไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม คาดว่าบาทจะกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐฯ เพราะคาดว่าเฟดจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
***นายแบงก์เสนอธปท.ลดดอกเบี้ยไล่เงินร้อนไม่ก่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจออกนอกประเทศ
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ลดดอกเบี้ยในการประชุมช่วงเดือนมิ.ย. เพื่อดันเงินร้อนออกไป เพราะพบว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1.5%ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เป็นผลจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุนในพันธบัตรธปท. จนดันให้ยอดการถือครองพันธบัตรธปท.ของต่างชาติ เพิ่มขึ้นจาก 10,000 ล้านบาทมาอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท และค่าเงินบาทที่แข็งค่าระดับดังกล่าวยังส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการถือครองพันธบัตรดังกล่าว ถึง 1.2 พันล้านบาท ประเมินว่าหากค่าเงินบาทแข็งค่าต่อไปจะทำให้ต่างชาติจะมาถือครองพันธบัตรธปท. เพิ่มขึ้น มีโอกาสแตะระดับ 1.5-2 แสนล้านบาท
ดังนั้น การลดดอกเบี้ยเพื่อดันให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับ เพราะมองว่าเงินทุนไหลเข้าเหล่าในช่วงเวลานี้ เป็นเงินร้อนไม่ได้เข้ามาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ หรือเข้ามาช่วยกระจายรายได้ กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศแต่อย่างใด
**TMB หั่นเป้าจีดีพีปีนี้เหลือโต 2.5-2% จาก 2.8% ลงทุนภาครัฐฯไม่คืบ
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ไทยปีนี้ลงเหลือ 2.5-2% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 2.8% ปัจจัยสำคัญ คือการลงทุนของภาครัฐ หากยังล่าช้าในการเบิกงบประมาณและภาคเอกชนไม่ได้ลงทุนตาม มีโอกาสที่จีดีพีจะขยายตัวอยู่ที่ 2% ขณะเดียวกันได้หั่นเป้าหมายการส่งออกลงเหลือติดลบ 4.5% จากเดิมเคยคาดการณ์ไว้จะโต 1.8% หลังจากต้นปีการส่งออกของไทยติดลบ 10%
"การลงทุนคิดเป็น 20% ของจีดีพี ซึ่งหากภาครัฐเร่งลงทุนและเอกชนมีการลงทุนตามจะทำให้จีดีพีอยู่ในกรอบที่เรามองว่า 2.5-2% ได้ แต่ต้องติดตามคือภาคการส่งออกหลังจากช่วงต้นปีติดลบ 10% ซึ่งทำให้มองว่าครึ่งปีหลังไม่น่าจะกลับมาขยายตัวสูงถึง 10% ได้ ทำให้เราปรับลดตัวเลขการส่งออกลงจากเดิมที่เคยคาดว่าขยายตัว 1.8% เหลือเป็นติดลบ 4.5%"
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยแทบทุกด้านมีสัญญาณแผ่วลงช่วงต้นปี โดยเฉพาะการส่งออกหดตัวแรง และมีแนวโน้มจะแผ่วต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี ก่อนที่จะดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลังตามทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และเศรษฐกิจคู่ค้าหลักฟื้นตัว ทำให้ภาพรวมส่งออกทั้งปีหดตัว 4.5% แต่ยังมีสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วนในตลาดออสเตรเลีย และตลาด CLMV หมวดเครื่องจักรอุตสาหกรรมในสหรัฐ สหภาพยุโรป และเครื่องจักรเกษตรกรรมใน CLMV
***TISCO มองเศรษฐกิจโตได้ 30% รับแรงกระตุ้นจากภาครัฐ
นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยว่า ธนาคารประเมินจีดีพีของไทยปีนี้จะขยายตัวที่ 3% โดยจะมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐเป็นหลัก ขณะที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยในปีนี้มีโอกาสที่จะปรับลดลงได้อย่างน้อย 0.25% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัวค่อนข้างมาก จึงต้องการแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้นในการใช้จ่าย โดยเฉพาะในกลุ่มรายย่อย
***บล.กสิกรไทย หั่นกำไรบจ.ปี 59 จาก 94 บาท/หุ้น เหลือ 86 บาท/หุ้น จ่อลดอีกหากงบ Q1/59 ออกมาไม่สวย
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยฯได้ปรับลดคาดกาารณ์กำไรบจ.ปี 59 ลงเหลือ 86 บาทต่อหุ้น จากเดิมคาดว่าจะมีกำไร 94 บาทต่อหุ้น และมีโอกาสปรับลดลงอีก หากผลประกอบการไตรมาส 1/59 ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะปรับลดคาดการณ์กำไรบจ.ลงได้อีก เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ภาคส่งออกติดลบ โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศจีนยังไม่ดี ตัวเลขส่งออกเดือนล่าสุดติดลบถึง 20% กระทบให้การค้าทั่วโลกมีปัญหา
อย่างไรก็ตาม ภาพเงินทุนต่างชาติไหลเข้าจนทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่านั้น พบว่าไม่ได้ไหลเข้าลงทุนในหุ้น แต่เข้าไปเก็งกำไรในตลาด Futures เพราะให้ผลตอบแทนสูงกว่า โดยได้เปิดสถานะซื้อล่วงหน้า ตั้งแต่เดือนม.ค. ที่ผ่านมา ช่วงดัชนีSET50 ที่ระดับ 700 จุด จนขณะนี้ดัชนีSET50 ขึ้นมาอยู่ที่ 800 จุด นักลงทุนต่างชาติได้ผลตอบแทนไปแล้ว 200%
Cr: Efinancethai & Tradingeconomics
** แบงก์พร้อมใจหั่นเป้า GDP ปี 2559 เหลือ 2.5% **
ธนาคารพาณิชย์พร้อมใจหั่นเป้าจีดีพีปี 59 ลงเหลือ 2.5% จากสัญญาณเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว หลังการลงทุนภาครัฐยังไม่คืบ ยอดส่งออกส่อแววติดลบ เงินร้อนไหลเข้าลงทุนพันบัตรรัฐบาล ดันบาทแข็งค่าเร็ว เสนอธปท. ลดดอกเบี้ยสกัด เพราะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ พร้อมหั่นกำไรบจ.ปี 59 ลงอีก หากตัวเลข Q1/59 ยังไม่ดี จากต้นปีได้ปรับลดไปแล้ว จาก 94 บาทต่อหุ้นเหลือ 86 บาทต่อหุ้น
***KBANK หั่นเป้าจีดีพีปี 59 จาก 3% เหลือ 2.5% และคาดส่งออกติดลบจากเดิมคาดโต 2%
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ในเดือนเม.ย.จะมีการพิจารณาปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี)ไทยในปีนี้ลงเหลือ 2.5% จากคาดการณ์เดิมคาดว่าจะขยายตัวระดับ 3% และตัวเลขส่งออกจากเดิมคาดว่าปีนี้จะขยายตัว 2% มาเป็นติดลบ นับว่าติดลบต่อเนื่องจากปี 58 ซึ่งติดลบ 5.8% เนื่องจากการส่งออกยังหดตัวและเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว
นอกจากนี้ ธนาคารได้ปรับคาดการณ์ค่าเงินบาทในปีนี้เป็น 37 บาทต่อดอลลาร์ จากเดิมคาดการณ์ไว้ระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ โดยคาดว่าระยะสั้นช่วงไตรมาส 2/59 ค่าเงินบาทจะแข็งค่า หรือแตะระดับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ผลจากเงินทุนไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม คาดว่าบาทจะกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐฯ เพราะคาดว่าเฟดจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
***นายแบงก์เสนอธปท.ลดดอกเบี้ยไล่เงินร้อนไม่ก่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจออกนอกประเทศ
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ลดดอกเบี้ยในการประชุมช่วงเดือนมิ.ย. เพื่อดันเงินร้อนออกไป เพราะพบว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1.5%ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เป็นผลจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุนในพันธบัตรธปท. จนดันให้ยอดการถือครองพันธบัตรธปท.ของต่างชาติ เพิ่มขึ้นจาก 10,000 ล้านบาทมาอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท และค่าเงินบาทที่แข็งค่าระดับดังกล่าวยังส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการถือครองพันธบัตรดังกล่าว ถึง 1.2 พันล้านบาท ประเมินว่าหากค่าเงินบาทแข็งค่าต่อไปจะทำให้ต่างชาติจะมาถือครองพันธบัตรธปท. เพิ่มขึ้น มีโอกาสแตะระดับ 1.5-2 แสนล้านบาท
ดังนั้น การลดดอกเบี้ยเพื่อดันให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับ เพราะมองว่าเงินทุนไหลเข้าเหล่าในช่วงเวลานี้ เป็นเงินร้อนไม่ได้เข้ามาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ หรือเข้ามาช่วยกระจายรายได้ กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศแต่อย่างใด
**TMB หั่นเป้าจีดีพีปีนี้เหลือโต 2.5-2% จาก 2.8% ลงทุนภาครัฐฯไม่คืบ
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ไทยปีนี้ลงเหลือ 2.5-2% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 2.8% ปัจจัยสำคัญ คือการลงทุนของภาครัฐ หากยังล่าช้าในการเบิกงบประมาณและภาคเอกชนไม่ได้ลงทุนตาม มีโอกาสที่จีดีพีจะขยายตัวอยู่ที่ 2% ขณะเดียวกันได้หั่นเป้าหมายการส่งออกลงเหลือติดลบ 4.5% จากเดิมเคยคาดการณ์ไว้จะโต 1.8% หลังจากต้นปีการส่งออกของไทยติดลบ 10%
"การลงทุนคิดเป็น 20% ของจีดีพี ซึ่งหากภาครัฐเร่งลงทุนและเอกชนมีการลงทุนตามจะทำให้จีดีพีอยู่ในกรอบที่เรามองว่า 2.5-2% ได้ แต่ต้องติดตามคือภาคการส่งออกหลังจากช่วงต้นปีติดลบ 10% ซึ่งทำให้มองว่าครึ่งปีหลังไม่น่าจะกลับมาขยายตัวสูงถึง 10% ได้ ทำให้เราปรับลดตัวเลขการส่งออกลงจากเดิมที่เคยคาดว่าขยายตัว 1.8% เหลือเป็นติดลบ 4.5%"
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยแทบทุกด้านมีสัญญาณแผ่วลงช่วงต้นปี โดยเฉพาะการส่งออกหดตัวแรง และมีแนวโน้มจะแผ่วต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี ก่อนที่จะดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลังตามทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และเศรษฐกิจคู่ค้าหลักฟื้นตัว ทำให้ภาพรวมส่งออกทั้งปีหดตัว 4.5% แต่ยังมีสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วนในตลาดออสเตรเลีย และตลาด CLMV หมวดเครื่องจักรอุตสาหกรรมในสหรัฐ สหภาพยุโรป และเครื่องจักรเกษตรกรรมใน CLMV
***TISCO มองเศรษฐกิจโตได้ 30% รับแรงกระตุ้นจากภาครัฐ
นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยว่า ธนาคารประเมินจีดีพีของไทยปีนี้จะขยายตัวที่ 3% โดยจะมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐเป็นหลัก ขณะที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยในปีนี้มีโอกาสที่จะปรับลดลงได้อย่างน้อย 0.25% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัวค่อนข้างมาก จึงต้องการแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้นในการใช้จ่าย โดยเฉพาะในกลุ่มรายย่อย
***บล.กสิกรไทย หั่นกำไรบจ.ปี 59 จาก 94 บาท/หุ้น เหลือ 86 บาท/หุ้น จ่อลดอีกหากงบ Q1/59 ออกมาไม่สวย
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยฯได้ปรับลดคาดกาารณ์กำไรบจ.ปี 59 ลงเหลือ 86 บาทต่อหุ้น จากเดิมคาดว่าจะมีกำไร 94 บาทต่อหุ้น และมีโอกาสปรับลดลงอีก หากผลประกอบการไตรมาส 1/59 ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะปรับลดคาดการณ์กำไรบจ.ลงได้อีก เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ภาคส่งออกติดลบ โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศจีนยังไม่ดี ตัวเลขส่งออกเดือนล่าสุดติดลบถึง 20% กระทบให้การค้าทั่วโลกมีปัญหา
อย่างไรก็ตาม ภาพเงินทุนต่างชาติไหลเข้าจนทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่านั้น พบว่าไม่ได้ไหลเข้าลงทุนในหุ้น แต่เข้าไปเก็งกำไรในตลาด Futures เพราะให้ผลตอบแทนสูงกว่า โดยได้เปิดสถานะซื้อล่วงหน้า ตั้งแต่เดือนม.ค. ที่ผ่านมา ช่วงดัชนีSET50 ที่ระดับ 700 จุด จนขณะนี้ดัชนีSET50 ขึ้นมาอยู่ที่ 800 จุด นักลงทุนต่างชาติได้ผลตอบแทนไปแล้ว 200%
Cr: Efinancethai & Tradingeconomics