งาช้าง ไม่ได้ งอกจาก ปากหมา : เมื่อตัวรองขยับ ตัวเอกคงตามมาในไม่ช้า.
---------------------------
"งาช้าง ย่อมไม่ งอกจาก ปากสุนัข"
สำนวนข้างต้นนั้น เดิมเป็นสำนวนจีน สมัย ราชวงศ์ฮั่น
แต่สำนวนไทยเล่นซื่อ ๆ ตรง ๆ ง่าย ๆ ว่า.....
"งาช้างย่อมไม่ได้งอกจากปากหมา"
----------------
- ความหมายสำนวนนี้ คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ชัด ๆ อยู่แล้ว ช้างไม่ใช่หมา หมาก็ไม่ใช่ช้าง.
-----------------------------
- แต่โบราณไทยเรา ได้คิดนำเอามาเปรียบเทียบไว้ว่า...
"คนที่มีจิตใจ ชั่วช้าสามาลย์นั่น ย่อมไม่มีคำพูด ที่เป็นมงคล ออกมา จากปาก ฉันใด
งาช้าง ก็ย่อมไม่งอก ออกมาจาก ปากหมา ฉันนั้น".
- ซึ่งก็คือ มันเป็นไปไม่ได้นั้นเอง.
-----------------------
- เบื้องต้นขอบอกว่า ที่ยกสำนวนข้างต้นมาจั่วหัวข้อนั้น ผมไม่ได้เจาะจงที่จะไปว่าใคร.
- แต่หากใครที่จะมามีพฤติกรรม ไปตรงกับในบทความที่ผมจะพูดถึงในโพสต์ต่อไปนี้.
- พฤติกรรมมันไปตรงกับสำนวนที่ว่านี้ ผมก็คงช่วยไม่ได้.
- เพราะสำนวนนี้เป็นสาธารณะ เมื่อใช้แล้ว ย่อมไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ในการเปรียบเทียบกับบุคคลที่พูดคำชั่ว ๆ ออกมาจากปากเน่า ๆ ของตัวเอง.
--------------------------------
เข้าเรื่องเลยนะครับ
- หลังโพสต์เมื่อวาน ผมได้พูดถึง การให้สัมภาษณ์สื่อของ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว. ยุติธรรม คนดูแล ดีเอสไอ ของรัฐบาลรัฐประหารชุดนี้.
- เหตุการณ์ กำลังจะไปด้วยดี ตามตัวบทกฏหมายอยู่แล้ว
- นั่นคือ หลังจากที่ คณะดีเอสไอ เดินทางออกจากวัดปากน้ำ หลังนัดแนะกับทนาย.
- ในการสอบปากคำหลวงพ่อสมเด็จ ช่วง กรณีมีรายชื่อถือครองรถโบราณ เสร็จในช่วงค่ำ.
- ปรากฏว่า การดำเนินการของ ดีเอสไอครั้งนี้ สร้างความผิดหวังให้กับ พลเอกไพบูลย์ ผู้เป็นนาย เป็นอย่างมาก.
- งานนี้ เล่นเอาลูกน้องก็พากันงงว่า "นายเป็นอะไรไปเปล่า".
- อาการเดือด ของ พลเอกไพบูลย์ ชนิดเก็บอาการไม่อยู่ ที่ได้โพล่งผรุสวาจาออกมา ในครั้งนี้ .
- เรียกว่าแทบจะเปลือยตนเองไปเลย ว่า ...
- ในใจตนเองคิดวางแผนตั้งธงอะไรไว้ กับ คดีของประมุขคณะสงฆ์ในครั้งนี้.
- เล่นเอาผู้คนพากันหายสงสัยกันไปเลย และก็พางงทั้งประเทศกับอาการของ เสนาบดียุติธรรมในครั้งนี้ ว่า....
"รัฐมนตรีท่านนี้ เขาเอาปากหรืออะไรพูด ยังมีสติสัมปชัญยะดีอยู่หรือเปล่า
ทำไมถึงไร้สติ พูดก้าวล่วง กับ พระมหาเถระผู้ใหญ่ ประมุขสงฆ์สูงสุดได้ถึงขนาดนี้.
---------------------------
- ในส่วนของผม เจ้าคุณเบอร์ลิน นั้น ประสาทรับรู้เรื่องในเรื่องนี้จะเร็วเป็นพิเศษ นั่นคือ ผมพอจะมองเห็นแล้วครับว่า...
" คนที่นั่งเหนือ ดีเอสไอ คือ ใคร คนที่นั่งเหนือขึ้นไป จาก พลเอกไพบูลย์ นั่นคือใคร โยงกันยังไง"
- ขอบคุณสักร้อยหน นะครับ ท่านไพบูลย์ที่เผลอเผยความลับ ออกมากให้ทราบ.
------------------
- มาวันนี้ ในวันนี้ ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๙ นสพ. เดลินิวส์ รายงานข่าวว่า....
- ท่านพลเอกไพบูลย์ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
"เหตุการณ์ที่วัดปากน้ำ เมื่อวันที่ ๑๖ นั้น ผมลมออกหูเลย"
- ตรงนี้อยากจะแทรกว่า....
"ตัวท่านนะมีแค่ สองหู แต่ ชาวพุทธทั่วโลกนั้น ไม่รู้กี่ล้านหู
- พวกเขาลมออกหูมานานแล้ว กับ พฤติกรรมของพวกคนพาล มารศาสนาที่ก่อปัญหาไม่เกรงกลัวบาปเหล่านี้ (พวกไหนไม่ต้องบอก).
----------------------
- โดย เดลินิวส์ จั่วหัวข้อว่า
" จ่อหมายเรียก "สมเด็จช่วง" / ย้ำทำตาม กม. - ไม่มา หมายจับ"
------------------------------
- โอ้...นี่ ท่าน พลเอกไพบูลย์ คุณไปใหญ่แล้ว.
- นี่ ตกลง ดีเอสไอ ไปสอบหลวงพ่อสมเด็จช่วง ในวันที่ ๑๖ มีนาคม ที่ผ่านมานี้ ....
"ในฐานะพยาน หรือ ในฐานะอะไรกันแน่".
- แต่ถ้าในฐานะพยายาน มีกฏหมาย บัญญัติไว้ดังนี้....มาอ่านดูเสียนะครับ.
------------------------------------
เพิ่มข้อกฏหมาย
มาตรา 106/1 ห้ามมิให้ออกหมายเรียกพยานดังต่อไปนี้
(1) พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่ว่าในกรณีใด ๆ
(2) พระภิกษุและสามเณรในทางพุทธศาสนา ไม่ว่าในกรณีใด ๆ
(3) ผู้ที่ได้รับเอกสิทธิ์หรือความคุ้มกันตามกฎหมาย
ในกรณีตาม (2) และ (3) ให้ศาลหรือผู้พิพากษาที่รับมอบ หรือศาลท่ีได้รับแต่งตั้งออกคำบอก กล่าวว่าจะสือพยานนั้น ณ สถานที่และวันเวลาใด
แทนการออกหมายเรียก โดยในกรณีตาม (2) ให้ส่งไปยังพยาน ส่วนตาม (3)ให้ส่งคำบอกกล่าวไปยังสำนักงานศาลยุติธรรม
เพื่อดำเนินการ ตามบทบัญญัติว่าด้วยการนั้น หรือตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
มาตรา 115 พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือพระภิกษุและสามเณรในพุทธศาสนา
แม้มาเป็นพยานจะไม่ยอมเบิกความหรือตอบคำถามใด ๆ ก็ได้
สำหรับบุคคลที่ได้รับเอกสิทธิ์หรือความคุ้มกันตามกฎหมายจะไม่ยอมเบิกความหรือตอบคำถามใด ๆภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามกฎหมายนั้น ๆ ก็ได้.
-----
- นี่ความรู้เรื่องนี้ครับ.
------------------------------------------------
- ดังนั้น เมื่อพูดออกไปแล้ว ชายชาติทหาร ก็ต้องรีบสั่งให้ ดีเอสไอ ออกหมายเรียก หลวงพ่อสมเด็จวัดปากน้ำไว ๆ อย่าได้ชักช้า หรือมาอ้างอะไรในภายหลัง.
- แล้วท่านจะรู้ว่า ทีมทนายเขาจะแก้อย่างไร.
---------------------------------------------------
- ผมเองนั้น เมื่อมาฟัง ท่านพลเอกไพบูลย์ ได้พูดครั้งนี้แล้ว เกิดจิตหดหู่มากเลยครับ.
- แทบไม่น่าเชื่อว่า คนพูดจะเป็นคนไทยแท้ ๆ หรือเป็นคนนับถือพุทธจริง ๆ มันไม่น่าจะพูดคำนี้ออกมาได้เลย.
- ว่าแล้ว ผมถือว่า มันชั่งเป็น "คำอัปมงคลสุด ๆ " ในรอบ ศตวรรษนี้เลยก็ว่าได้.
-------------------------------------------
- แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ยุคหนึ่ง มีคน ๆ หนึ่ง ที่วันหนึ่งถูกสมมติว่า มีตำแหน่ง รมว. แค่ชั่วคราวเท่านั้น.
- ไม่น่าจะเกิดอาการหลงผิด หน้ามืด ตามัว ออกพูดได้ขนาดนี้เลย.
------------------------------------
- เพราะว่าไปแล้ว ลำพังแค่เพียงคนมีศีล ๕ ขาด ๆ หล่น ๆ ก็จะไม่มีใครในโลกนี้หรอก.
- ที่จะมาเหิมบังอาจก้าวล่วงพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ อายุกว่า ๙๒ ในฐานะประมุขสงฆ์ไทยขนาดนี้ได้.
- ท่าน รมว. ขอให้ไปคอยตั้งสติให้ดี ๆ แล้วกัน ผมว่า งานนี้มีลุ้นเรื่อง "ผลกรรมแรง " นะครับ.
- แล้วก็คอยรับผลกรรม จาก วาทะกรรมสุดยอด ของท่านในครั้งนี้ดี ๆ นะครับ.
- ตรงนี้ ผมก็ขออวยพร ขอให้ท่านรัฐมนตรีท่านนี้ จงโชคดี ตลอดชาตินี้เลยนะครับ.
- และขออย่าได้หลุดจาก ตำแหน่งรัฐมนตรีเลย ในชาตินี้.
- เพราะผมจะพูดเรื่องโลกธรรม ๘ ท่านก็คงไม่ฟังแล้ว.
--------------------------------
บิ๊กต๊อก "พี่มีวันนี้ เพราะน้องให้"
คำนี้มีความสำคัญ ระดับ ทดแทนทั้งชาติก็ไม่หมด.
- พลิกประวัติดู พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา คน ๆ นี้ ไม่ธรรมดาคนหนึ่งในประเทศไทยเลยที่เดียว.
------------------------------
มาดูกัน..
- เป็นคนอู่ทอง สุพรรณบุรี เรียนเก่งขนาดได้เหรียญทอง รร.จปร. ๒๖ (เตรียม ทหาร ๑๕).
- รับราชการขุนศึก เมืองหลวงมาตลอด.
- นายทหารสังกัด วงศ์เทวัญ .
- นำทหารออกมาร่วมปฏิวัติ ทั้งที่เป็น ผบ. กองพัน โดยไม่สนใจคำสั่ง ผบ. กองพล. (พล.ต. พฤณฑ์ สุวรรณทัต)ในคราวนั้น.
- ด้วยวีรกรรม ผลงานที่พันตูกับ กลุ่มเสื้อแดง เข้าตานาย.
- จึงได้รับการไว้วางใจระดับ ......
"ยิ่งกว่ามือขวา ของ พี่ตู่ ที่มาติดหนี้บุญคุณน้องเสียเอง"
- คราว นั้น นปช. ก็ยังถูกวางแผนต้มเสียเปื่อยว่า ........
"ให้ระวัง ดาวพงษ์ กับ ต๊อก ไว้ดี ๆ ว่า จะปฏิวัติ สุดท้าย กลายเป็น ตู่ เก็บกินเรียบ".
--------------------------
- จึงถือว่า ปิดทองหลังพระให้พี่ ๆ ได้ดี และต้องต้องตอบแทนบุญคุณกัน.
- ดังนั้น การที่บิ๊กตู่ ได้มอบหมายให้คุมเรื่อง กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดของประเทศนั้น ย่อมไม่ธรรมดา.
- นั่นแสดงถึง ความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างที่สุด และเชื่อในฝีมือ ของคนชื่อ บิ๊กต๊อกคนนี้.
- นี่ประวัติคร่าว ๆ ของท่าน พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ครับ ซึ่งก็หาได้ทั่วไป ไม่ได้ปกปิดอะไร.
---------------------------------
สุดท้าย...
เป็นของฝากถึง ท่านรัฐมนตรีที่พูดหยาม พูดหมิ่นพระผู้ใหญ่..
- ผมว่าด้วยวีรกรรมที่ท่านรัฐมนตรีผู้นี้ ได้สร้างไว้อย่างยอดเยี่ยมกับหลวงพ่อสมเด็จวัดปากน้ำ
- ผมคิดว่า คนสุพรรณบุรี เขาคงไม่ปลื้มกับท่านด้วยหรอกกับผลงาน ในครั้งนี้ เพราะเขานับถือ หลวงพ่อวัดปากน้ำกันทั้งนั้น.
- ก็ฝากในทำนองเตือนสตินะครับ ว่า..
"อย่าได้ก้าวต่อเลยครับท่าน หยุดเสียเถอะ มันอุบายชัด ๆ นะท่าน แรงด้วย".
--------------------------------
คำถามปิดท้าย.....
"พูดออกมาได้อย่างไร เหมือนคนไร้สติ".
โชคดีมีชัยทุกท่านครับ.
เจ้าคุณเบอร์ลิน
18.03.2016
เจ้าคุณเบอร์ลิน @ งาช้าง ไม่ได้ งอกจาก ปากหมา : เมื่อตัวรองขยับ ตัวเอกคงตามมาในไม่ช้า
งาช้าง ไม่ได้ งอกจาก ปากหมา : เมื่อตัวรองขยับ ตัวเอกคงตามมาในไม่ช้า.
---------------------------
"งาช้าง ย่อมไม่ งอกจาก ปากสุนัข"
สำนวนข้างต้นนั้น เดิมเป็นสำนวนจีน สมัย ราชวงศ์ฮั่น
แต่สำนวนไทยเล่นซื่อ ๆ ตรง ๆ ง่าย ๆ ว่า.....
"งาช้างย่อมไม่ได้งอกจากปากหมา"
----------------
- ความหมายสำนวนนี้ คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ชัด ๆ อยู่แล้ว ช้างไม่ใช่หมา หมาก็ไม่ใช่ช้าง.
-----------------------------
- แต่โบราณไทยเรา ได้คิดนำเอามาเปรียบเทียบไว้ว่า...
"คนที่มีจิตใจ ชั่วช้าสามาลย์นั่น ย่อมไม่มีคำพูด ที่เป็นมงคล ออกมา จากปาก ฉันใด
งาช้าง ก็ย่อมไม่งอก ออกมาจาก ปากหมา ฉันนั้น".
- ซึ่งก็คือ มันเป็นไปไม่ได้นั้นเอง.
-----------------------
- เบื้องต้นขอบอกว่า ที่ยกสำนวนข้างต้นมาจั่วหัวข้อนั้น ผมไม่ได้เจาะจงที่จะไปว่าใคร.
- แต่หากใครที่จะมามีพฤติกรรม ไปตรงกับในบทความที่ผมจะพูดถึงในโพสต์ต่อไปนี้.
- พฤติกรรมมันไปตรงกับสำนวนที่ว่านี้ ผมก็คงช่วยไม่ได้.
- เพราะสำนวนนี้เป็นสาธารณะ เมื่อใช้แล้ว ย่อมไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ในการเปรียบเทียบกับบุคคลที่พูดคำชั่ว ๆ ออกมาจากปากเน่า ๆ ของตัวเอง.
--------------------------------
เข้าเรื่องเลยนะครับ
- หลังโพสต์เมื่อวาน ผมได้พูดถึง การให้สัมภาษณ์สื่อของ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว. ยุติธรรม คนดูแล ดีเอสไอ ของรัฐบาลรัฐประหารชุดนี้.
- เหตุการณ์ กำลังจะไปด้วยดี ตามตัวบทกฏหมายอยู่แล้ว
- นั่นคือ หลังจากที่ คณะดีเอสไอ เดินทางออกจากวัดปากน้ำ หลังนัดแนะกับทนาย.
- ในการสอบปากคำหลวงพ่อสมเด็จ ช่วง กรณีมีรายชื่อถือครองรถโบราณ เสร็จในช่วงค่ำ.
- ปรากฏว่า การดำเนินการของ ดีเอสไอครั้งนี้ สร้างความผิดหวังให้กับ พลเอกไพบูลย์ ผู้เป็นนาย เป็นอย่างมาก.
- งานนี้ เล่นเอาลูกน้องก็พากันงงว่า "นายเป็นอะไรไปเปล่า".
- อาการเดือด ของ พลเอกไพบูลย์ ชนิดเก็บอาการไม่อยู่ ที่ได้โพล่งผรุสวาจาออกมา ในครั้งนี้ .
- เรียกว่าแทบจะเปลือยตนเองไปเลย ว่า ...
- ในใจตนเองคิดวางแผนตั้งธงอะไรไว้ กับ คดีของประมุขคณะสงฆ์ในครั้งนี้.
- เล่นเอาผู้คนพากันหายสงสัยกันไปเลย และก็พางงทั้งประเทศกับอาการของ เสนาบดียุติธรรมในครั้งนี้ ว่า....
"รัฐมนตรีท่านนี้ เขาเอาปากหรืออะไรพูด ยังมีสติสัมปชัญยะดีอยู่หรือเปล่า
ทำไมถึงไร้สติ พูดก้าวล่วง กับ พระมหาเถระผู้ใหญ่ ประมุขสงฆ์สูงสุดได้ถึงขนาดนี้.
---------------------------
- ในส่วนของผม เจ้าคุณเบอร์ลิน นั้น ประสาทรับรู้เรื่องในเรื่องนี้จะเร็วเป็นพิเศษ นั่นคือ ผมพอจะมองเห็นแล้วครับว่า...
" คนที่นั่งเหนือ ดีเอสไอ คือ ใคร คนที่นั่งเหนือขึ้นไป จาก พลเอกไพบูลย์ นั่นคือใคร โยงกันยังไง"
- ขอบคุณสักร้อยหน นะครับ ท่านไพบูลย์ที่เผลอเผยความลับ ออกมากให้ทราบ.
------------------
- มาวันนี้ ในวันนี้ ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๙ นสพ. เดลินิวส์ รายงานข่าวว่า....
- ท่านพลเอกไพบูลย์ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
"เหตุการณ์ที่วัดปากน้ำ เมื่อวันที่ ๑๖ นั้น ผมลมออกหูเลย"
- ตรงนี้อยากจะแทรกว่า....
"ตัวท่านนะมีแค่ สองหู แต่ ชาวพุทธทั่วโลกนั้น ไม่รู้กี่ล้านหู
- พวกเขาลมออกหูมานานแล้ว กับ พฤติกรรมของพวกคนพาล มารศาสนาที่ก่อปัญหาไม่เกรงกลัวบาปเหล่านี้ (พวกไหนไม่ต้องบอก).
----------------------
- โดย เดลินิวส์ จั่วหัวข้อว่า
" จ่อหมายเรียก "สมเด็จช่วง" / ย้ำทำตาม กม. - ไม่มา หมายจับ"
------------------------------
- โอ้...นี่ ท่าน พลเอกไพบูลย์ คุณไปใหญ่แล้ว.
- นี่ ตกลง ดีเอสไอ ไปสอบหลวงพ่อสมเด็จช่วง ในวันที่ ๑๖ มีนาคม ที่ผ่านมานี้ ....
"ในฐานะพยาน หรือ ในฐานะอะไรกันแน่".
- แต่ถ้าในฐานะพยายาน มีกฏหมาย บัญญัติไว้ดังนี้....มาอ่านดูเสียนะครับ.
------------------------------------
เพิ่มข้อกฏหมาย
มาตรา 106/1 ห้ามมิให้ออกหมายเรียกพยานดังต่อไปนี้
(1) พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่ว่าในกรณีใด ๆ
(2) พระภิกษุและสามเณรในทางพุทธศาสนา ไม่ว่าในกรณีใด ๆ
(3) ผู้ที่ได้รับเอกสิทธิ์หรือความคุ้มกันตามกฎหมาย
ในกรณีตาม (2) และ (3) ให้ศาลหรือผู้พิพากษาที่รับมอบ หรือศาลท่ีได้รับแต่งตั้งออกคำบอก กล่าวว่าจะสือพยานนั้น ณ สถานที่และวันเวลาใด
แทนการออกหมายเรียก โดยในกรณีตาม (2) ให้ส่งไปยังพยาน ส่วนตาม (3)ให้ส่งคำบอกกล่าวไปยังสำนักงานศาลยุติธรรม
เพื่อดำเนินการ ตามบทบัญญัติว่าด้วยการนั้น หรือตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
มาตรา 115 พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือพระภิกษุและสามเณรในพุทธศาสนา
แม้มาเป็นพยานจะไม่ยอมเบิกความหรือตอบคำถามใด ๆ ก็ได้
สำหรับบุคคลที่ได้รับเอกสิทธิ์หรือความคุ้มกันตามกฎหมายจะไม่ยอมเบิกความหรือตอบคำถามใด ๆภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามกฎหมายนั้น ๆ ก็ได้.
-----
- นี่ความรู้เรื่องนี้ครับ.
------------------------------------------------
- ดังนั้น เมื่อพูดออกไปแล้ว ชายชาติทหาร ก็ต้องรีบสั่งให้ ดีเอสไอ ออกหมายเรียก หลวงพ่อสมเด็จวัดปากน้ำไว ๆ อย่าได้ชักช้า หรือมาอ้างอะไรในภายหลัง.
- แล้วท่านจะรู้ว่า ทีมทนายเขาจะแก้อย่างไร.
---------------------------------------------------
- ผมเองนั้น เมื่อมาฟัง ท่านพลเอกไพบูลย์ ได้พูดครั้งนี้แล้ว เกิดจิตหดหู่มากเลยครับ.
- แทบไม่น่าเชื่อว่า คนพูดจะเป็นคนไทยแท้ ๆ หรือเป็นคนนับถือพุทธจริง ๆ มันไม่น่าจะพูดคำนี้ออกมาได้เลย.
- ว่าแล้ว ผมถือว่า มันชั่งเป็น "คำอัปมงคลสุด ๆ " ในรอบ ศตวรรษนี้เลยก็ว่าได้.
-------------------------------------------
- แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ยุคหนึ่ง มีคน ๆ หนึ่ง ที่วันหนึ่งถูกสมมติว่า มีตำแหน่ง รมว. แค่ชั่วคราวเท่านั้น.
- ไม่น่าจะเกิดอาการหลงผิด หน้ามืด ตามัว ออกพูดได้ขนาดนี้เลย.
------------------------------------
- เพราะว่าไปแล้ว ลำพังแค่เพียงคนมีศีล ๕ ขาด ๆ หล่น ๆ ก็จะไม่มีใครในโลกนี้หรอก.
- ที่จะมาเหิมบังอาจก้าวล่วงพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ อายุกว่า ๙๒ ในฐานะประมุขสงฆ์ไทยขนาดนี้ได้.
- ท่าน รมว. ขอให้ไปคอยตั้งสติให้ดี ๆ แล้วกัน ผมว่า งานนี้มีลุ้นเรื่อง "ผลกรรมแรง " นะครับ.
- แล้วก็คอยรับผลกรรม จาก วาทะกรรมสุดยอด ของท่านในครั้งนี้ดี ๆ นะครับ.
- ตรงนี้ ผมก็ขออวยพร ขอให้ท่านรัฐมนตรีท่านนี้ จงโชคดี ตลอดชาตินี้เลยนะครับ.
- และขออย่าได้หลุดจาก ตำแหน่งรัฐมนตรีเลย ในชาตินี้.
- เพราะผมจะพูดเรื่องโลกธรรม ๘ ท่านก็คงไม่ฟังแล้ว.
--------------------------------
บิ๊กต๊อก "พี่มีวันนี้ เพราะน้องให้"
คำนี้มีความสำคัญ ระดับ ทดแทนทั้งชาติก็ไม่หมด.
- พลิกประวัติดู พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา คน ๆ นี้ ไม่ธรรมดาคนหนึ่งในประเทศไทยเลยที่เดียว.
------------------------------
มาดูกัน..
- เป็นคนอู่ทอง สุพรรณบุรี เรียนเก่งขนาดได้เหรียญทอง รร.จปร. ๒๖ (เตรียม ทหาร ๑๕).
- รับราชการขุนศึก เมืองหลวงมาตลอด.
- นายทหารสังกัด วงศ์เทวัญ .
- นำทหารออกมาร่วมปฏิวัติ ทั้งที่เป็น ผบ. กองพัน โดยไม่สนใจคำสั่ง ผบ. กองพล. (พล.ต. พฤณฑ์ สุวรรณทัต)ในคราวนั้น.
- ด้วยวีรกรรม ผลงานที่พันตูกับ กลุ่มเสื้อแดง เข้าตานาย.
- จึงได้รับการไว้วางใจระดับ ......
"ยิ่งกว่ามือขวา ของ พี่ตู่ ที่มาติดหนี้บุญคุณน้องเสียเอง"
- คราว นั้น นปช. ก็ยังถูกวางแผนต้มเสียเปื่อยว่า ........
"ให้ระวัง ดาวพงษ์ กับ ต๊อก ไว้ดี ๆ ว่า จะปฏิวัติ สุดท้าย กลายเป็น ตู่ เก็บกินเรียบ".
--------------------------
- จึงถือว่า ปิดทองหลังพระให้พี่ ๆ ได้ดี และต้องต้องตอบแทนบุญคุณกัน.
- ดังนั้น การที่บิ๊กตู่ ได้มอบหมายให้คุมเรื่อง กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดของประเทศนั้น ย่อมไม่ธรรมดา.
- นั่นแสดงถึง ความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างที่สุด และเชื่อในฝีมือ ของคนชื่อ บิ๊กต๊อกคนนี้.
- นี่ประวัติคร่าว ๆ ของท่าน พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ครับ ซึ่งก็หาได้ทั่วไป ไม่ได้ปกปิดอะไร.
---------------------------------
สุดท้าย...
เป็นของฝากถึง ท่านรัฐมนตรีที่พูดหยาม พูดหมิ่นพระผู้ใหญ่..
- ผมว่าด้วยวีรกรรมที่ท่านรัฐมนตรีผู้นี้ ได้สร้างไว้อย่างยอดเยี่ยมกับหลวงพ่อสมเด็จวัดปากน้ำ
- ผมคิดว่า คนสุพรรณบุรี เขาคงไม่ปลื้มกับท่านด้วยหรอกกับผลงาน ในครั้งนี้ เพราะเขานับถือ หลวงพ่อวัดปากน้ำกันทั้งนั้น.
- ก็ฝากในทำนองเตือนสตินะครับ ว่า..
"อย่าได้ก้าวต่อเลยครับท่าน หยุดเสียเถอะ มันอุบายชัด ๆ นะท่าน แรงด้วย".
--------------------------------
คำถามปิดท้าย.....
"พูดออกมาได้อย่างไร เหมือนคนไร้สติ".
โชคดีมีชัยทุกท่านครับ.
เจ้าคุณเบอร์ลิน
18.03.2016