ในช่วงหลังปี 2010  เป็นต้นมากระแสดนตรีหลักจะอยู่กับเพลงแบบ EDM และเพลงของศิลปินผิวดำ รวมทั้งพวก K-POP ทำให้ผมละรู้สึกเบื่อ หน่ายเป็นอย่างยิ่งกับวงการเพลงในปัจจุบัน อีกทั้ง CD เพลงที่กำลังจะตายทำให้ตัวเลือกคนรักการฟังเพลงในรูปแบบ CD แบบผม รู้สึกเซ็งกับชีวิตจริงๆ ถึงแม้จะมีกระแสแผ่นเสียงกลับเข้ามา แต่สำหรับผมแล้วแผ่นเสียงมันไม่เหมาะกับผมจริงๆ ทั้งเรื่องเครื่องเล่นที่จำเพาะ แถมแผ่นเสียงถ้าเก็บไว้นานๆหากดูแลไม่ดีมันจะมีการเสื่อมทำให้เกิดเสียงรบกวน อีกทั้งราคาและมีข้อปลีกย่อยจิปาถะ แต่ก็ยอมรับว่าแผ่นเสียงคุณภาพะสียงดูมีมิติจริงๆ แต่หากบวกลบคูณหารแล้ว ผมว่า CD ยังเป็นนวัตกรรมที่ลงตัวกับผมที่สุด เอาละพร่ามมานานตอนนี้ก็มาถึงดนตรีในยุคปัจจุบันนี้ที่แสนน่าเบื่อ ไม่หอมหวนเหมือนสมัย 90s ซึ่งสมัยนั้นผมกำลังเข้าเรียนมหาลัยปีแรกพอดี (แก่แล้วนิ) เลยอยากจะย้อนวันวาน โหยหางานสมัยนั้นมานำเสนอสำหรับคนที่กำลังเบื่อกับงานเพลงในปัจจุบันกันน่ะ


1 ในวงสุดรักของผม Mansun วงจาก Chester อังกฤษ ทำเพลงได้ทะลุหัวใจจริงๆ รู้สึกว่าตอนอัลบั้มแรกเคยมาเปิดการแสดงเล็กๆในเมืองไทย ไม่เชื่อถามป้าแต๋ว วาสนา วีระชาติพลี ดู


Marion กับ Toy for boy ผมชอบวงนี้น่ะ ตอนแรกฟังผมว่าเสียงร้องพี่แกคล้ายๆ กับ Rick แห่ง Shed Seven น่ะ


Kula Shaker เป็นวงที่ผสม BritRock กับสำเนียงภาระตะได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นวงที่อยู่ทนมากและปัจจุบันวงยังออกอัลบั้มใหม่มาเมื่อต้นปี  เพลงนี้ฟังทีไรต้องส่ายคอ ยึกยักๆ นะจ๊ะนายจ๋า ทุกที


These Animal Men ดนตรีที่แตกแขนงมาจาก Britpop ที่ NME ให้ฉายาวงพวกนี้ว่า NWONW (์New Wave of New Wave) ชอบทรงผมชมัดจำได้ว่า ช่วงนั้นไว้ผมทรงนี้เป็นปีเลยเรา


หากใครคิดว่า 90s ไม่มี EDM เจ๋งๆ ละคิดผิด หนึ่งในตัวพ่อ EDM แห่ง 90s The Prodigy สุดๆไปเลย (ยุค 90 สาย EDM  มีวงแนวนี้เพียบไม่ว่า จะเป็น The Chemical Brother, Lunatic Calm, The Crystal Methods, Massive Attack, The Dust Brother แต่ยุคนั้นเค้าเรียกดนตรีแนว Electronica )


ปิดท้ายด้วยวงทอมสุดเท่ห์ ELastica หนึ่งในกลุ่ม NWONW

ส่วนพวก Oasis, Blur, Radiohead, Suede เป็นวงดังคงรู้จักกันแล้วน่ะ