คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
จริงๆแล้ว ผมคิดว่าคนอายุ 35 ขึ้นก็ต้องระมัดระวังเรื่องงานการให้ดีแล้วละครับ อย่าให้พลาด หาลู่ทาง หาทำได้ กรณีบริษัทมีปัญหากระทันหัน สุดวิสัย ก็จะได้มีช่องทางบ้าง เพราะอายุ 35 ขึ้น ก็เปลี่ยนงานไม่ง่ายเหมือนคนวัย เลข 2 ปลายๆ หรือ เลข 3 ต้นๆ แล้วละครับ ต่างกันมาก
คือถ้าวัย 45 เกิดเหตุ ตกงานแบบกระทันหัน ผมก็ว่า ลำบากครับ ถ้าว่าเกษียณจากบริษัท นึกในแง่นั้นไป ก็จบครับ แต่ได้เริ่มต้น ชีวิต ที่ต้องพึ่งพาตนเองซะที อาจจะยาก ลำบาก แต่มันคือวิถี ที่คนจำนวนมาก ต้องเผชิญน่ะครับ แต่ก็มีนะครับที่ อายุ 55 กว่าแล้วก็ยังหางานกันได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะไปเจริญกว่าเก่า และมีบางกลุ่มที่ เกษียณแล้ว ยังถูกเชิญไปทำที่ปรึกษา ซึ่งยอมรับว่า จำนวน 1 ใน แสน น่ะครับ ล้านคนมีสัก 10 คน สำหรับพนักงานออฟฟิศ
คือถ้าวัย 45 เกิดเหตุ ตกงานแบบกระทันหัน ผมก็ว่า ลำบากครับ ถ้าว่าเกษียณจากบริษัท นึกในแง่นั้นไป ก็จบครับ แต่ได้เริ่มต้น ชีวิต ที่ต้องพึ่งพาตนเองซะที อาจจะยาก ลำบาก แต่มันคือวิถี ที่คนจำนวนมาก ต้องเผชิญน่ะครับ แต่ก็มีนะครับที่ อายุ 55 กว่าแล้วก็ยังหางานกันได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะไปเจริญกว่าเก่า และมีบางกลุ่มที่ เกษียณแล้ว ยังถูกเชิญไปทำที่ปรึกษา ซึ่งยอมรับว่า จำนวน 1 ใน แสน น่ะครับ ล้านคนมีสัก 10 คน สำหรับพนักงานออฟฟิศ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 38
ผมตกงานมาตลอด 5 ปี
สาเหตุที่ตกงานเพราะโดนบีบออกจากที่ทำงาน เนื่องจากหัวหน้าคนใหม่คงต้องการคนรุ่นใหม่ไฟแรง ไม่ใช่คนที่อายุน้อยๆ มาทำงาน
ผมคงเป็นเป้าหมายตั้งแต่วันแรกที่เขามาทำงานตำแหน่งหัวหน้าแล้วล่ะ (รู้สึกได้ตั้งแต่วันเลี้ยงส่งหัวหน้าคนเก่า)
เพราะเขาพยายามบีบผมทุกด้าน
เช่น
1. สั่งขับรถไปดู Site งานที่ชลบุรี พอไปถึงปุ๊บ ก็โทรตามให้กลับมาประชุมที่กรุงเทพ
พอมาถึงกรุงเทพก็ประชุม 15 นาที แถมทำเหมือนผมเป็นตัวถ่วงการประชุมอีก เพราะบอกว่าที่ประชุมรอผมคนเดียว (เข้าใจมั๊ยว่าตูขับรถมาประชุมด่วนนะเฟ้ย)
จากนั้นผมก็ต้องกลับไปชลบุรีเพราะต้องดู Site งานต่อ
ก่อนจะกลับมาเคลียร์งานที่กรุงเทพในตอนเย็น เจอแบบนี้บ่อยมาก
จนหลับในไปหลายรอบ
2. โทรปลุกตอนเที่ยงคืน ให้ผมสรุปรายงานของปีที่แล้วทั้งปีจาก SAP เพื่อส่งให้เค้าตอนเช้า หรือไม่ก็สั่งให้ทำงานอะไรให้ก็ตาม
3. เวลาผมไปช่วยแก้ปัญหาให้ User นายก็จะด่าผมว่าโง่ เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะต้องไปทำให้ User ที่โต๊ะเลย ให้เขามาหาผมสิ
4. เรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย
สุดท้ายผมต้องเลือกระหว่างขับรถหลับในแล้วตายกับเงินเดือนเกือบแสน จะเอาอะไร
ผมก็เลยเลือกการลาออก (มีชีวิตยังหาเงินได้ แต่ไร้ชีวิตนี่ไม่สามารถจริงๆ ผมคิดงั้นตอนนั้น) ทั้งที่ผมเป็นเสาหลักของครอบครัว
พอออกมาผมก็รับงานเขียนคอลัมน์เพิ่มขึ้น หนังสือวิชาการเพิ่มอีก
แล้วนิตยสารที่เขียนอยู่ก็ปิดตัวลงหลังจากนั้นอีก 2-3 ปี
หนังสือวิชาการที่เขียนก็ยอดขายต่ำเตี้ยลงทุกปี จากเมื่อก่อนรายได้นี่อยู่ได้อย่างสบายๆ กลายเป็นว่าไม่พอใช้ในแต่ละเดือนเลย
แล้วคุณแม่เป็นมะเร็ง คุณพ่อเป็น SLE (เพิ่งเสียชีวิตไป) หมดเงินไปกับค่ารักษาเกลี้ยง
บอกเลยว่ามันนรกชัดๆ จะฆ่าตัวตายก็ตั้งหลายรอบ
โทรไปของานจากบรรดาเจ้าของกิจการที่เราเคยไปช่วยเหลือเอาไว้สมัยรุ่งเรือง ทุกคนก็บอกคล้ายกัน ไม่มีตำแหน่งว่าง หรือไม่ก็ธุรกิจไม่ดี
บางคนบอกจะดูให้แล้วก็หายไปเลย
เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีเพื่อนสมัยเรียนม.ปลาย มาขอให้ช่วย Consult ระบบเก็บ Record ผ่านสมาร์ทโฟน โดยบอกว่าจะจ่ายเงินค่าจ้าง แถมจะช่วยหางานให้ด้วย
ส่ง Requirement มามากมายมหาศาล
มีอยู่ข้อนึงที่ผมเห็นว่ามันทำได้เลย เพราะเป็นระบบแยก ส่วนข้ออื่น Requirement ไม่ชัดเจน
ผมก็ทำไฟล์กลับไปให้เลยเพื่อให้สามารถดึงข้อมูลอัตโนมัติได้
ส่วนข้ออื่นๆ ก็ขอ Requirement เพิ่มเติม เช่นขอรายงานตัวจริงเอามาออกแบบรายงานในระบบ
ตอนนี้เพื่อนก็หายหัวไปแล้ว ติดต่อไปก็ไม่ติดต่อกลับ ส่ง Line ก็ขึ้น Read นะ แต่ไม่ตอบอะไร
ก็เริ่มทำใจแล้วว่า คงโดนเพื่อนหลอกให้ทำงานให้ฟรีๆ แล้วล่ะ
คนตกงานแต่มีความสามารถน่ะ บางทีมันก็เหมือนขนมอร่อยๆ ที่รอให้ใครบางคนเอาเปรียบ
ดังนั้นถ้าใครที่กำลังมีปัญหาในที่ทำงาน ให้คิดให้ดีๆ นะครับ
ถ้าเจอสถานการณ์แบบผม ให้หาทางย้ายแผนกถ้าทำได้ อย่าตัดสินใจลาออกง่ายๆ
ไอ้อย่างผมน่ะ มันย้ายไปไหนก็ไม่ได้ หางานใหม่ก็ไม่ได้ อยู่ต่อไปก็คงขับรถตกทางด่วนเข้าซักวัน
ขนาดเตรียมตัวเอาไว้แล้วแท้ๆ ยังใกล้ตายเข้าไปทุกวัน
สาเหตุที่ตกงานเพราะโดนบีบออกจากที่ทำงาน เนื่องจากหัวหน้าคนใหม่คงต้องการคนรุ่นใหม่ไฟแรง ไม่ใช่คนที่อายุน้อยๆ มาทำงาน
ผมคงเป็นเป้าหมายตั้งแต่วันแรกที่เขามาทำงานตำแหน่งหัวหน้าแล้วล่ะ (รู้สึกได้ตั้งแต่วันเลี้ยงส่งหัวหน้าคนเก่า)
เพราะเขาพยายามบีบผมทุกด้าน
เช่น
1. สั่งขับรถไปดู Site งานที่ชลบุรี พอไปถึงปุ๊บ ก็โทรตามให้กลับมาประชุมที่กรุงเทพ
พอมาถึงกรุงเทพก็ประชุม 15 นาที แถมทำเหมือนผมเป็นตัวถ่วงการประชุมอีก เพราะบอกว่าที่ประชุมรอผมคนเดียว (เข้าใจมั๊ยว่าตูขับรถมาประชุมด่วนนะเฟ้ย)
จากนั้นผมก็ต้องกลับไปชลบุรีเพราะต้องดู Site งานต่อ
ก่อนจะกลับมาเคลียร์งานที่กรุงเทพในตอนเย็น เจอแบบนี้บ่อยมาก
จนหลับในไปหลายรอบ
2. โทรปลุกตอนเที่ยงคืน ให้ผมสรุปรายงานของปีที่แล้วทั้งปีจาก SAP เพื่อส่งให้เค้าตอนเช้า หรือไม่ก็สั่งให้ทำงานอะไรให้ก็ตาม
3. เวลาผมไปช่วยแก้ปัญหาให้ User นายก็จะด่าผมว่าโง่ เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะต้องไปทำให้ User ที่โต๊ะเลย ให้เขามาหาผมสิ
4. เรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย
สุดท้ายผมต้องเลือกระหว่างขับรถหลับในแล้วตายกับเงินเดือนเกือบแสน จะเอาอะไร
ผมก็เลยเลือกการลาออก (มีชีวิตยังหาเงินได้ แต่ไร้ชีวิตนี่ไม่สามารถจริงๆ ผมคิดงั้นตอนนั้น) ทั้งที่ผมเป็นเสาหลักของครอบครัว
พอออกมาผมก็รับงานเขียนคอลัมน์เพิ่มขึ้น หนังสือวิชาการเพิ่มอีก
แล้วนิตยสารที่เขียนอยู่ก็ปิดตัวลงหลังจากนั้นอีก 2-3 ปี
หนังสือวิชาการที่เขียนก็ยอดขายต่ำเตี้ยลงทุกปี จากเมื่อก่อนรายได้นี่อยู่ได้อย่างสบายๆ กลายเป็นว่าไม่พอใช้ในแต่ละเดือนเลย
แล้วคุณแม่เป็นมะเร็ง คุณพ่อเป็น SLE (เพิ่งเสียชีวิตไป) หมดเงินไปกับค่ารักษาเกลี้ยง
บอกเลยว่ามันนรกชัดๆ จะฆ่าตัวตายก็ตั้งหลายรอบ
โทรไปของานจากบรรดาเจ้าของกิจการที่เราเคยไปช่วยเหลือเอาไว้สมัยรุ่งเรือง ทุกคนก็บอกคล้ายกัน ไม่มีตำแหน่งว่าง หรือไม่ก็ธุรกิจไม่ดี
บางคนบอกจะดูให้แล้วก็หายไปเลย
เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีเพื่อนสมัยเรียนม.ปลาย มาขอให้ช่วย Consult ระบบเก็บ Record ผ่านสมาร์ทโฟน โดยบอกว่าจะจ่ายเงินค่าจ้าง แถมจะช่วยหางานให้ด้วย
ส่ง Requirement มามากมายมหาศาล
มีอยู่ข้อนึงที่ผมเห็นว่ามันทำได้เลย เพราะเป็นระบบแยก ส่วนข้ออื่น Requirement ไม่ชัดเจน
ผมก็ทำไฟล์กลับไปให้เลยเพื่อให้สามารถดึงข้อมูลอัตโนมัติได้
ส่วนข้ออื่นๆ ก็ขอ Requirement เพิ่มเติม เช่นขอรายงานตัวจริงเอามาออกแบบรายงานในระบบ
ตอนนี้เพื่อนก็หายหัวไปแล้ว ติดต่อไปก็ไม่ติดต่อกลับ ส่ง Line ก็ขึ้น Read นะ แต่ไม่ตอบอะไร
ก็เริ่มทำใจแล้วว่า คงโดนเพื่อนหลอกให้ทำงานให้ฟรีๆ แล้วล่ะ
คนตกงานแต่มีความสามารถน่ะ บางทีมันก็เหมือนขนมอร่อยๆ ที่รอให้ใครบางคนเอาเปรียบ
ดังนั้นถ้าใครที่กำลังมีปัญหาในที่ทำงาน ให้คิดให้ดีๆ นะครับ
ถ้าเจอสถานการณ์แบบผม ให้หาทางย้ายแผนกถ้าทำได้ อย่าตัดสินใจลาออกง่ายๆ
ไอ้อย่างผมน่ะ มันย้ายไปไหนก็ไม่ได้ หางานใหม่ก็ไม่ได้ อยู่ต่อไปก็คงขับรถตกทางด่วนเข้าซักวัน
ขนาดเตรียมตัวเอาไว้แล้วแท้ๆ ยังใกล้ตายเข้าไปทุกวัน
ความคิดเห็นที่ 6
ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ เรื่องแบบนี้เกิดมานานมากแล้ว และรับรู้กันโดยทั่วไป ยิ่งอายุมาก เงินเดือนก็เพิ่มขึ้นแต่บางครั้งประสิทธิภาพการทำงานมันไม่ได้เพิ่มตามเงินเดือน ขณะที่บริษัทก็ต้องพยายามเอาตัวรอดโดยการลดต้นทุน ซึ่งค่าจ้างก็เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนหลัก
ดังนั้นการวางแผนชีวิตควรเริ่มตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ ๆ โดยเฉพาะการออมเงินมันใช้เวลากว่าจะมีเงินก้อนมาจุนเจือชีวิต อยากฝากเตือนน้อง ๆ ที่อายุไม่ถึง 30 ให้ออมเงินให้มากเท่าที่จะทำได้ แก่ตัวไปจะไม่ลำบาก อยากฝากกระทรวงศึกษาธิการด้วย ว่าคุณออกแบบหลักสูตรสอนเกือบทุกวิชา แต่ไม่เคยเห็นสอนการบริหารเงิน ทั้งๆที่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือการบริหารเงิน ขนาดครูหลายคนก็ยังบริหารการเงินของตัวเองผิดพลาดเป็นหนี้กันพอสมควร
ดังนั้นการวางแผนชีวิตควรเริ่มตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ ๆ โดยเฉพาะการออมเงินมันใช้เวลากว่าจะมีเงินก้อนมาจุนเจือชีวิต อยากฝากเตือนน้อง ๆ ที่อายุไม่ถึง 30 ให้ออมเงินให้มากเท่าที่จะทำได้ แก่ตัวไปจะไม่ลำบาก อยากฝากกระทรวงศึกษาธิการด้วย ว่าคุณออกแบบหลักสูตรสอนเกือบทุกวิชา แต่ไม่เคยเห็นสอนการบริหารเงิน ทั้งๆที่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือการบริหารเงิน ขนาดครูหลายคนก็ยังบริหารการเงินของตัวเองผิดพลาดเป็นหนี้กันพอสมควร
แสดงความคิดเห็น
วัยเกษียณ คือ 60 แต่การรับคนเข้าทำงาน ทำไม ....?
มีพี่ที่รู้จักกัน แกตกงานตั้งแต่ ตุลาคม ปีที่แล้ว ตอนนี้แก อายุ 45 ก็หางานแทบจะไม่ได้แล้วครับ 6 เดือนแล้ว แกบอกว่าในแง่ของบริษัท รับพนักงาน คนอายุ 45 ขึ้น ก็คือ ต้องมาเป็นหัวหน้า ส่วนใหญ่ เพราะมีประสบการณ์ แต่ตำแหน่งหัวหน้ามีน้อย จะไปสมัครเป็นพนักงานระดับลูกน้อง ก็ไม่มีใครรับ
ผมฟังก็จริงนะครับ คนอายุ 45 - 50 น่าจะมีประสบการณ์เยอะ ไปเป็นหัวหน้าคงจะพอได้ แต่ตำแหน่งหัวหน้า มันมีแค่ 1 แค่นั้น สมมติเกิดเหตุการณ์มี บริษัท ที่ล้มละลาย เกิดมีพนักงานอายุ 45 เกิน 100 คน ( สมมติโรงงาน ) แล้วเจ๊งกันพร้อมๆ สัก 5 - 6 บริษัท เราจะได้คนอายุ 45 ขึ้นไป มา 600 คน รวมถึง พวกบริษัท คนที่ตำแหน่งใหญ่ๆด้วยนะครับ ก็ตกงานได้
แล้วคนพวกนี้จะไปเริ่มงาน ระดับลูกน้อง ก็ไม่มีคนอยากจ้าง เพราะ เด็กสุขภาพดีกว่า สายตา ความสดดีกว่า ทำงานทนทานกว่า และ ไหน จะต้องมานั่งนึกเรื่อง คนมีประสบการณ์สูงๆ จะมีอีโก้ หรือ สาเหตุอีกสารพัด ( สมมติหัวหน้า 38 - 41 ) มันก็ไม่อยากรับละครับจริงป่าวอ่ะ
ทีนี้ คนวัยยังไม่เกษียณ เกิดเหตุการณ์ เศรษฐกิจแบบแย่ๆ อายุก็ยังไม่แตะ 50 ด้วยซ้ำ
แบบนี้ ใครตกงานตอนอายุ 45 ก็เหมือน โดนเกษียณเลยนะครับนี่ หรือ พวกเขาจะไปทำอะไรได้บ้างครับ ? อันนี้ขอความเห็นหน่อย