สถานที่ท่องเที่ยวแบบเที่ยวจบภายในหนึ่งวัน( One-day trip ) ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักศึกษาและบุคคลทำงานผู้มีเวลาว่างเพียงสั้นๆแค่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แค่เพียงรอบๆกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของเราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้ลองไปเที่ยวเล่นสบายๆ สถานที่ให้เราลองเข้าไปเยี่ยมชมและถ่ายภาพเก็บบรรยากาศจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
สถานที่ที่ผมจะมารีวิวให้ได้อ่านกันในครั้งนี้อยู่ไม่ไกลจากใจกลางกรุงเทพมหานครมากนัก เป็นเกาะเล็กๆที่ถูกโอบล้อมด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา ถึงแม้จะเป็นเพียงเกาะเล็กแต่ก็เป็นถึงต้นแบบหมู่บ้านOTOPของภาคกลาง และนอกจากนี้เกาะเล็กๆแห่งนี้ยังมีความไม่เล็กซ่อนอยู่ในจิตใจของผู้คนบนเกาะ เกาะแห่งนี้มีชื่อว่า ...
“เกาะเกร็ด”
นาฬิกาปลุกถูกตั้งไว้ทุกๆสิบห้านาทีบนอุปกรณ์ไอทีที่มีชื่อว่าไอแพด จุดประสงค์ของผู้ตั้งจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากความประสงค์ที่จะตื่นขึ้นให้ได้ในเช้าวันเสาร์สุดสัปดาห์นี้ สาเหตุที่เขาต้องจริงจังขนาดนี้ทั้งๆที่เป็นวันหยุดก็คือเขามีนัดสำคัญที่จะต้องไป .... ใช้เวลาเพียงสิบนาทีเพื่อนั่งรถมอเตอร์ไซค์จากหอพักไปยังท่าเรือ“ท่ารถไฟ” สถานที่ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในวันนี้ … เอาละ เดินทางไปสู่เกาะเกร็ดกันเลย
วิธีเดินทางง่ายๆเพื่อไปเกาะเกร็ดอย่างหนึ่งสำหรับผู้พักอาศัยริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็คือการนั่งเรือด่วนเข้าพระยา(
ธงส้ม) ไปลง
ท่าเรือนนทบุรี ต่อจากนั้นจึงเลือกที่จะเช้าเรือหางยาวต่อไปยังเกาะเกร็ด หรือเลือกที่จะนั่งรถประจำทางไปลงปากเกร็ดเพื่อขึ้นท่าเรือข้ามฝากจาก
ท่าวัดสนามเหนือ
ด้วยความที่ผมและเพื่อนรวมตัวกันได้จำนวน4คน การเดินทางจากท่าเรือนนทบุรีไปยังท่าเรือวัดสนามเหนือจึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก หลังจากกินลมชมสะพานอยู่บนเรือด่วนเจ้าพระยา นานประมาณ50นาที เราก็มาถึงท่าเรือนนทบุรีซึ่งเราได้แวะพักรับประทานอาหารเช้าก่อนจะที่เรียกTaxiเพื่อไปท่าเรือวัดสนามเหนือ
ท่าเรือนนทบุรีมีจุดสังเกตที่เห็นได้ชัดเจนคือหอนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของท่าเรือ ถัดมาจากหอนาฬิกาคือถนนหนทางที่เรียงรายไปด้วยสารพัดของกินนานาชนิด
ตรงสุดทางของถนนมีร้านเบเกอรี่ที่มี ชื่อเสียงโด่งดัง คือ ร้านนนท์ เบเกอรี่ ….. กลิ่นหอมของขนมปังอบใหม่ที่อบอวนอยู่ภายในร้านช่วยให้สินค้าแต่ละชิ้นดูหน้ารับประทานมากยิ่งขึ้นจนอดใจชื้อแทบจะไม่ไหว
เกาเหลาน้ำตกเนื้อเปื่อยที่ผมรับประทานเป็นอาหารเช้า
เดินทางจากข้างหน้าร้านเบเกอรี่แห่งนี้ คนขับTaxi ได้พาเราทั้ง4 มุ่งหน้าไปสู่ท่าเรือวัดสนามเหนือซึ่งอยู่ห่างออกไปเป็นระยะทาง 12 กิโลเมตร
เพียงก้าวเท้าลงจากรถก็สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างจากความวุ่นวายของเมืองหลวง ความประทับใจแรกพบของเกาะเกร็ดก็คือเพลงพื้นบ้านที่มีทำนองชวนให้ระลึกถึงเทศกาลงานสงกรานและงานประเพณีไทยเดิมอื่นๆ
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถกระทำได้บนเกาะเกร็ดมีอยู่ 3 อย่างหลักๆ
1) นั่งเรือวนเล่นรอบเกาะเพื่อสังเกตวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของชุมชนริมน้ำเกาะเกร็ด
2) ปั่นจักรยานรอบๆเกาะพร้อมเข้าเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาเครื่องปั่นดินเผา สินค้าOTOPของชุมชนเกาะเกร็ด
3) เดินชิวๆในตลาดขนาดใหญ่เพื่อเลือกซื้อขนมและอาหารนานาชนิดบนเกาะ
บรรยากาศของผู้คนที่เดินกวัดไกวอยู่รอบๆตลาด
ตลาดบนเกาะเกร็ด
คำบรรยายง่ายๆของตลาดบนเกาะเกร็ดก็คือ “ความสมบูรณ์ที่มีเอกลักษณ์” ....แตกต่างจากตลาดบางน้ำผึ้งของบางกระเจ้า หรือ ตลาดสดอื่นๆในกรุงเทพมหานคร ตลาดบนเกาะเกร็ดมีกลิ่นอายของชุมชนมอญและมีเครื่องปั่นดินเผาซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญจัดแสดงอยู่ในใจกลางตลาด
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเริ่มต้นการเที่ยวบนเกาะเกร็ดด้วยการซื้ออาหารทานเล่นที่แตะตาแตะจมูกเราตั้งแต่ย่างกายเข้าไปในตลาด ทอดมันหน่อกะลาของกินอันขึ้นชื่อของเกาะแห่งนี้ รับประทานร่วมกับดอกไม้ทอดกรอบๆ มันช่างเข้ากันได้อย่างดี
ต่อเนื่องจากอาหารสองจานแรก ตามมาด้วยนานาขนมไทยและเครื่องดื่มรถเข็นที่เราบรรจงยัดลงกระเพาะอย่างต่อเนื่อง เช่น ฝอยทอง และ ชาไทยเย็น
"ดอกไม้ทอดชามใหญ่ ราคา 50 บาท"
"ทอดมมันหน่อกะลา ราคา 30 บาท"
"ขนมไทยนานาชนิด"
"เครื่องดื่มรถเข็นสุดเย็นๆคลาสสิก ราคาเพียงแก้วละ 20 บาท"
นอกจากของกินแสนโอซะแล้ว รอบๆตลาดยังมีสินค้าอื่นๆที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าเป็นเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบและสินค้าศิลปะ จิตรกรรมและงานศิลป์
"แมวกวัก : สัตว์เลี้ยงของร้านขายสบู่สมุนไพร"
"เครื่องชามลายครามราคาถูก เพียงจอกละ 12 บาท"
จุดแวะพักชมเครื่องปั่นดินเผาของตลาดแห่งนี้มี2จุดหลักๆ จุดแรกอยู่กลางตลาดติดริมแม่น้ำ ส่วนจุดที่สองอยู่ท้ายตลาด
จุดแวะพักแรก
"้เครื่องปั่นดินเผาขนาดจิ๋ว"
จุดแวะพักจุดที่สอง
ณ จุดนี้ คุณจะสามารถเลือกซื้อเครื่องปั้นดินเผานานาชนิดที่มีราคาแปรผันตามขนาดและความวิจิตร มีราคาตั้งแต่ 100บาท จนไปถึงราคาหลานพันบาท ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถผลิตเครื่องปั้นดินเผาของตัวเองโดยเจ้าของร้านจะคอยช่วยดูแลและให้คำแนะนำสั่งสอนตลอดการปั้นของคุณ
ทางปั่นจักรยานรอบเกาะ
เวลาผ่านไป2ชั่วโมงกว่า เราจึงสามารถปล่อยวางความอยากอาหารลงได้ จากท้ายตลาดเราเดินกลับมาที่บริเวณใกล้ๆกับท่าเรือ มีร้านเช่าจักรยานอยู่ร้านหนึ่งซึ่งเปิดให้เช้าจักรยานในราคาไม่แพงเพียง 40 บาทต่อคันต่อวัน (ราคาถือว่าไม่แพงเลย เทียบกับ บางกระเจ้าซึ่งให้เช่าชั่วโมงละ20บาท หรือวันละ 100 บาท)
เส้นทางที่เราใช้เพื่อปั่นไปรอบๆเกาะเป็นทางฝั่งตรงข้ามของทางไปตลาด แต่ถึงจะไปคนละทางกับตลาดเราก็ยังคงหนีไม่พ้นของกินและขนมหวาน
ปั่นจักรยานอยู่ได้เพียง10นาที พวกเราก็หยุดแวะร้านอาหาร “บ้านป้าสุน” ร้านอาหารบนเรือนไทยยกสูง ชั้นสองของร้านนี้ถูกปูด้วยไม้และหน้าต่างถูกประดับประดาด้วยลายไทยดูมีเสน่ห์ ...ณ ที่แห่งนี้ เราสั่ง ไก่ทอดมากินกันคนละขา และ ขนมพื้นบ้านอีกหนึ่งถ้วย
"ไก่ทอดสมุนไพรและส้มตำ [ไก่ทอดอร่อยมากๆหอมกลื่นสมุนไพรเตะจมูก แต่ส้มตำอาจจะหวานไปสักนิดสำหรับลิ้นคนไทย]"
วิวทิวทัศน์ยามบ่ายๆของเกาะเกร็ดนั้นงดงามมาก เส้นทางริมแม่น้ำกับลมที่พัดเอื่อยๆชวนให้จิตใจสงบนิ่งเหมาะแก่การนั่งปล่อยจิตปล่อยใจให้ร่องลอย ถนนเส้นทางหลักนี้มีการแตกแขนงออกเป็นซอยย่อยๆซึ่งแต่ละซอยก็จะมุ่งหน้าไปยังบ้านเรือนริมน้ำของคนในชุมชนเกาะเกร็ดนี้
บ้านเรือนริมน้ำของผู้คนบนเกาะเกร็ดมีวิวัฒนาการมาร่วมกับวิถีชีวิตที่ต้องอาศัยแม่น้ำเป็นเส้นทางหลักในการเดินทาง ตัวบ้านจะเป็นอาคารยกสูงจากพื้นน้ำรวมไปถึงทางเดินเข้าบ้านด้วย บางเรือนมีท่าน้ำหรือ “โป๊ะเรือ”ส่วนตัวที่ถูกสร้างไว้เป็นอย่างดี หลายๆเรือนมีเรือยนต์ส่วนตัวไว้ใช้งานยามจำเป็น นอกจากนี้การตกปลาสามารถเป็นอาชีพเสริมหรือเป็นงานอดิเรกไว้แก้เบื่อตอนบ่ายๆได้ด้วย
ซอยย่อยๆบางซอยยังนำไปสู่ครัวเรือนที่ประกอบอาชีพหลักเป็นการผลิตเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งเป็น ผลผลิตอันสำคัญของเกาะมาตั้งแต่สมัยโบราณ ศูนย์ศึกษาเครื่องปั้นดินเผาที่อยู่ระหว่างทางนี้จะเปิดให้บุคคลภายนอกสามารถซื้อเครื่องปั้นดินเผาแบบขายปีกได้และยังสามารถเข้าไปเยี่ยมชมกระบวนการเผาและขึ้นรูปเครื่องปั้นดินเผาได้ด้วย (แต่เราควรจะขออนุญาตเจ้าของพื้นที่ก่อนจะกระทำการใดๆ)
ตบท้ายการเดินทางด้วยร้านอาหารอีก1ร้านและร้านกาแฟอีก1ร้าน เราเลือกรับประทานข้าวแช่อาหารพื้นบ้านของมอญเป็นอาหารเย็น
ข้าวแช่ปรากฏออกมาในรูปร่างของข้าวสีฟ้าแช่อยู่ในน้ำเย็นๆหอมกลิ่นมะลิ เสริฟพร้อมกับหมูหวาน, หมูฝอย และ กะปิ
เมื่อจัดองค์ประกอบทุกอย่างให้พร้อมในหนึ่งคำ สิ่งที่คุณจะได้รับจากอาหารหนึ่งคำนี้จะกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของร่างกาย เกิดเป็นความลงตัวที่แตกต่างจากอาหารอื่นๆ
ใกล้ๆกับท่าเรือขึ้นเรือกับสู่ฝั่งปากเกร็ดนนทบุรี มีร้านกาแฟน่ารักๆอยู่ร้านหนึ่ง สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจเข้าไปซื้อกาแฟในร้านนี้ก็โซนที่นั่งปล่อยขาที่จะให้ลูกค้านั่งบนคานไม้ยกสูง รับประทานอาหารริมแม่น้ำพร้อมปล่อยขาลอยในอากาศ
ดื่มชาไทยชิวๆริมแม่น้ำ
หน้าปัดไอโฟนแสดงเวลา 17.00น. ถึงเวลาที่จะต้องกลับสู่ความจริง ..... การนั่งเรือขากลับนี้ไม่ว่างเปล่าเหมือนตอนขามา เพราะ ถูกเติมเต็มด้วยความความทรงจำอันแสนน่าประทับใจในหนึ่งวัน และ คงจะมีคนอีกหลายคนที่ได้รับสิ่งดีๆมากมายไปอย่างเกาะแห่งนี้อย่างแน่นอน
ประเทศไทยของเราก็มีของดีที่ชาติอื่นไม่มีอีกมากมายรอให้เราค้นหา แถมยังสามารถเที่ยวได้ง่ายๆภายในเวลาไม่นานนัก ดังนั้นก่อนที่จะมุ่งไปท่องเที่ยวต่างประเทศเพียงอย่างเดียว เราควรจะสำรวจประเทศไทยของเราให้ครบเสียก่อน
ปล. เที่ยวในไทยแล้วก็ช่วยกันรักษาประเทศไทยกันด้วยนะคับอิอิ
[CR] “เกาะเกร็ด” มีทีเด็ด ที่บรรยากาศ [Chill Out!!! #1]
สถานที่ท่องเที่ยวแบบเที่ยวจบภายในหนึ่งวัน( One-day trip ) ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักศึกษาและบุคคลทำงานผู้มีเวลาว่างเพียงสั้นๆแค่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แค่เพียงรอบๆกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของเราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้ลองไปเที่ยวเล่นสบายๆ สถานที่ให้เราลองเข้าไปเยี่ยมชมและถ่ายภาพเก็บบรรยากาศจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
สถานที่ที่ผมจะมารีวิวให้ได้อ่านกันในครั้งนี้อยู่ไม่ไกลจากใจกลางกรุงเทพมหานครมากนัก เป็นเกาะเล็กๆที่ถูกโอบล้อมด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา ถึงแม้จะเป็นเพียงเกาะเล็กแต่ก็เป็นถึงต้นแบบหมู่บ้านOTOPของภาคกลาง และนอกจากนี้เกาะเล็กๆแห่งนี้ยังมีความไม่เล็กซ่อนอยู่ในจิตใจของผู้คนบนเกาะ เกาะแห่งนี้มีชื่อว่า ... “เกาะเกร็ด”
นาฬิกาปลุกถูกตั้งไว้ทุกๆสิบห้านาทีบนอุปกรณ์ไอทีที่มีชื่อว่าไอแพด จุดประสงค์ของผู้ตั้งจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากความประสงค์ที่จะตื่นขึ้นให้ได้ในเช้าวันเสาร์สุดสัปดาห์นี้ สาเหตุที่เขาต้องจริงจังขนาดนี้ทั้งๆที่เป็นวันหยุดก็คือเขามีนัดสำคัญที่จะต้องไป .... ใช้เวลาเพียงสิบนาทีเพื่อนั่งรถมอเตอร์ไซค์จากหอพักไปยังท่าเรือ“ท่ารถไฟ” สถานที่ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในวันนี้ … เอาละ เดินทางไปสู่เกาะเกร็ดกันเลย
วิธีเดินทางง่ายๆเพื่อไปเกาะเกร็ดอย่างหนึ่งสำหรับผู้พักอาศัยริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็คือการนั่งเรือด่วนเข้าพระยา(ธงส้ม) ไปลงท่าเรือนนทบุรี ต่อจากนั้นจึงเลือกที่จะเช้าเรือหางยาวต่อไปยังเกาะเกร็ด หรือเลือกที่จะนั่งรถประจำทางไปลงปากเกร็ดเพื่อขึ้นท่าเรือข้ามฝากจากท่าวัดสนามเหนือ
ด้วยความที่ผมและเพื่อนรวมตัวกันได้จำนวน4คน การเดินทางจากท่าเรือนนทบุรีไปยังท่าเรือวัดสนามเหนือจึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก หลังจากกินลมชมสะพานอยู่บนเรือด่วนเจ้าพระยา นานประมาณ50นาที เราก็มาถึงท่าเรือนนทบุรีซึ่งเราได้แวะพักรับประทานอาหารเช้าก่อนจะที่เรียกTaxiเพื่อไปท่าเรือวัดสนามเหนือ
ท่าเรือนนทบุรีมีจุดสังเกตที่เห็นได้ชัดเจนคือหอนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของท่าเรือ ถัดมาจากหอนาฬิกาคือถนนหนทางที่เรียงรายไปด้วยสารพัดของกินนานาชนิด
ตรงสุดทางของถนนมีร้านเบเกอรี่ที่มี ชื่อเสียงโด่งดัง คือ ร้านนนท์ เบเกอรี่ ….. กลิ่นหอมของขนมปังอบใหม่ที่อบอวนอยู่ภายในร้านช่วยให้สินค้าแต่ละชิ้นดูหน้ารับประทานมากยิ่งขึ้นจนอดใจชื้อแทบจะไม่ไหว
เกาเหลาน้ำตกเนื้อเปื่อยที่ผมรับประทานเป็นอาหารเช้า
เดินทางจากข้างหน้าร้านเบเกอรี่แห่งนี้ คนขับTaxi ได้พาเราทั้ง4 มุ่งหน้าไปสู่ท่าเรือวัดสนามเหนือซึ่งอยู่ห่างออกไปเป็นระยะทาง 12 กิโลเมตร
เพียงก้าวเท้าลงจากรถก็สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างจากความวุ่นวายของเมืองหลวง ความประทับใจแรกพบของเกาะเกร็ดก็คือเพลงพื้นบ้านที่มีทำนองชวนให้ระลึกถึงเทศกาลงานสงกรานและงานประเพณีไทยเดิมอื่นๆ
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถกระทำได้บนเกาะเกร็ดมีอยู่ 3 อย่างหลักๆ 1) นั่งเรือวนเล่นรอบเกาะเพื่อสังเกตวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของชุมชนริมน้ำเกาะเกร็ด 2) ปั่นจักรยานรอบๆเกาะพร้อมเข้าเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาเครื่องปั่นดินเผา สินค้าOTOPของชุมชนเกาะเกร็ด 3) เดินชิวๆในตลาดขนาดใหญ่เพื่อเลือกซื้อขนมและอาหารนานาชนิดบนเกาะ
บรรยากาศของผู้คนที่เดินกวัดไกวอยู่รอบๆตลาด
ตลาดบนเกาะเกร็ด
คำบรรยายง่ายๆของตลาดบนเกาะเกร็ดก็คือ “ความสมบูรณ์ที่มีเอกลักษณ์” ....แตกต่างจากตลาดบางน้ำผึ้งของบางกระเจ้า หรือ ตลาดสดอื่นๆในกรุงเทพมหานคร ตลาดบนเกาะเกร็ดมีกลิ่นอายของชุมชนมอญและมีเครื่องปั่นดินเผาซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญจัดแสดงอยู่ในใจกลางตลาด
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเริ่มต้นการเที่ยวบนเกาะเกร็ดด้วยการซื้ออาหารทานเล่นที่แตะตาแตะจมูกเราตั้งแต่ย่างกายเข้าไปในตลาด ทอดมันหน่อกะลาของกินอันขึ้นชื่อของเกาะแห่งนี้ รับประทานร่วมกับดอกไม้ทอดกรอบๆ มันช่างเข้ากันได้อย่างดี
ต่อเนื่องจากอาหารสองจานแรก ตามมาด้วยนานาขนมไทยและเครื่องดื่มรถเข็นที่เราบรรจงยัดลงกระเพาะอย่างต่อเนื่อง เช่น ฝอยทอง และ ชาไทยเย็น
"ดอกไม้ทอดชามใหญ่ ราคา 50 บาท"
"ทอดมมันหน่อกะลา ราคา 30 บาท"
"ขนมไทยนานาชนิด"
"เครื่องดื่มรถเข็นสุดเย็นๆคลาสสิก ราคาเพียงแก้วละ 20 บาท"
นอกจากของกินแสนโอซะแล้ว รอบๆตลาดยังมีสินค้าอื่นๆที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าเป็นเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบและสินค้าศิลปะ จิตรกรรมและงานศิลป์
"แมวกวัก : สัตว์เลี้ยงของร้านขายสบู่สมุนไพร"
"เครื่องชามลายครามราคาถูก เพียงจอกละ 12 บาท"
จุดแวะพักชมเครื่องปั่นดินเผาของตลาดแห่งนี้มี2จุดหลักๆ จุดแรกอยู่กลางตลาดติดริมแม่น้ำ ส่วนจุดที่สองอยู่ท้ายตลาด
จุดแวะพักแรก
"้เครื่องปั่นดินเผาขนาดจิ๋ว"
จุดแวะพักจุดที่สอง
ณ จุดนี้ คุณจะสามารถเลือกซื้อเครื่องปั้นดินเผานานาชนิดที่มีราคาแปรผันตามขนาดและความวิจิตร มีราคาตั้งแต่ 100บาท จนไปถึงราคาหลานพันบาท ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถผลิตเครื่องปั้นดินเผาของตัวเองโดยเจ้าของร้านจะคอยช่วยดูแลและให้คำแนะนำสั่งสอนตลอดการปั้นของคุณ
ทางปั่นจักรยานรอบเกาะ
เวลาผ่านไป2ชั่วโมงกว่า เราจึงสามารถปล่อยวางความอยากอาหารลงได้ จากท้ายตลาดเราเดินกลับมาที่บริเวณใกล้ๆกับท่าเรือ มีร้านเช่าจักรยานอยู่ร้านหนึ่งซึ่งเปิดให้เช้าจักรยานในราคาไม่แพงเพียง 40 บาทต่อคันต่อวัน (ราคาถือว่าไม่แพงเลย เทียบกับ บางกระเจ้าซึ่งให้เช่าชั่วโมงละ20บาท หรือวันละ 100 บาท)
เส้นทางที่เราใช้เพื่อปั่นไปรอบๆเกาะเป็นทางฝั่งตรงข้ามของทางไปตลาด แต่ถึงจะไปคนละทางกับตลาดเราก็ยังคงหนีไม่พ้นของกินและขนมหวาน
ปั่นจักรยานอยู่ได้เพียง10นาที พวกเราก็หยุดแวะร้านอาหาร “บ้านป้าสุน” ร้านอาหารบนเรือนไทยยกสูง ชั้นสองของร้านนี้ถูกปูด้วยไม้และหน้าต่างถูกประดับประดาด้วยลายไทยดูมีเสน่ห์ ...ณ ที่แห่งนี้ เราสั่ง ไก่ทอดมากินกันคนละขา และ ขนมพื้นบ้านอีกหนึ่งถ้วย
"ไก่ทอดสมุนไพรและส้มตำ [ไก่ทอดอร่อยมากๆหอมกลื่นสมุนไพรเตะจมูก แต่ส้มตำอาจจะหวานไปสักนิดสำหรับลิ้นคนไทย]"
วิวทิวทัศน์ยามบ่ายๆของเกาะเกร็ดนั้นงดงามมาก เส้นทางริมแม่น้ำกับลมที่พัดเอื่อยๆชวนให้จิตใจสงบนิ่งเหมาะแก่การนั่งปล่อยจิตปล่อยใจให้ร่องลอย ถนนเส้นทางหลักนี้มีการแตกแขนงออกเป็นซอยย่อยๆซึ่งแต่ละซอยก็จะมุ่งหน้าไปยังบ้านเรือนริมน้ำของคนในชุมชนเกาะเกร็ดนี้
บ้านเรือนริมน้ำของผู้คนบนเกาะเกร็ดมีวิวัฒนาการมาร่วมกับวิถีชีวิตที่ต้องอาศัยแม่น้ำเป็นเส้นทางหลักในการเดินทาง ตัวบ้านจะเป็นอาคารยกสูงจากพื้นน้ำรวมไปถึงทางเดินเข้าบ้านด้วย บางเรือนมีท่าน้ำหรือ “โป๊ะเรือ”ส่วนตัวที่ถูกสร้างไว้เป็นอย่างดี หลายๆเรือนมีเรือยนต์ส่วนตัวไว้ใช้งานยามจำเป็น นอกจากนี้การตกปลาสามารถเป็นอาชีพเสริมหรือเป็นงานอดิเรกไว้แก้เบื่อตอนบ่ายๆได้ด้วย
ซอยย่อยๆบางซอยยังนำไปสู่ครัวเรือนที่ประกอบอาชีพหลักเป็นการผลิตเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งเป็น ผลผลิตอันสำคัญของเกาะมาตั้งแต่สมัยโบราณ ศูนย์ศึกษาเครื่องปั้นดินเผาที่อยู่ระหว่างทางนี้จะเปิดให้บุคคลภายนอกสามารถซื้อเครื่องปั้นดินเผาแบบขายปีกได้และยังสามารถเข้าไปเยี่ยมชมกระบวนการเผาและขึ้นรูปเครื่องปั้นดินเผาได้ด้วย (แต่เราควรจะขออนุญาตเจ้าของพื้นที่ก่อนจะกระทำการใดๆ)
ตบท้ายการเดินทางด้วยร้านอาหารอีก1ร้านและร้านกาแฟอีก1ร้าน เราเลือกรับประทานข้าวแช่อาหารพื้นบ้านของมอญเป็นอาหารเย็น
ข้าวแช่ปรากฏออกมาในรูปร่างของข้าวสีฟ้าแช่อยู่ในน้ำเย็นๆหอมกลิ่นมะลิ เสริฟพร้อมกับหมูหวาน, หมูฝอย และ กะปิ
เมื่อจัดองค์ประกอบทุกอย่างให้พร้อมในหนึ่งคำ สิ่งที่คุณจะได้รับจากอาหารหนึ่งคำนี้จะกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของร่างกาย เกิดเป็นความลงตัวที่แตกต่างจากอาหารอื่นๆ
ใกล้ๆกับท่าเรือขึ้นเรือกับสู่ฝั่งปากเกร็ดนนทบุรี มีร้านกาแฟน่ารักๆอยู่ร้านหนึ่ง สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจเข้าไปซื้อกาแฟในร้านนี้ก็โซนที่นั่งปล่อยขาที่จะให้ลูกค้านั่งบนคานไม้ยกสูง รับประทานอาหารริมแม่น้ำพร้อมปล่อยขาลอยในอากาศ
ดื่มชาไทยชิวๆริมแม่น้ำ
หน้าปัดไอโฟนแสดงเวลา 17.00น. ถึงเวลาที่จะต้องกลับสู่ความจริง ..... การนั่งเรือขากลับนี้ไม่ว่างเปล่าเหมือนตอนขามา เพราะ ถูกเติมเต็มด้วยความความทรงจำอันแสนน่าประทับใจในหนึ่งวัน และ คงจะมีคนอีกหลายคนที่ได้รับสิ่งดีๆมากมายไปอย่างเกาะแห่งนี้อย่างแน่นอน
ประเทศไทยของเราก็มีของดีที่ชาติอื่นไม่มีอีกมากมายรอให้เราค้นหา แถมยังสามารถเที่ยวได้ง่ายๆภายในเวลาไม่นานนัก ดังนั้นก่อนที่จะมุ่งไปท่องเที่ยวต่างประเทศเพียงอย่างเดียว เราควรจะสำรวจประเทศไทยของเราให้ครบเสียก่อน
ปล. เที่ยวในไทยแล้วก็ช่วยกันรักษาประเทศไทยกันด้วยนะคับอิอิ