สวัสดีค่ะนี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ ผิดพลาดประการใดขอโทษด้วยค่ะ
เราอายุ 22 ตอนนี้เรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัย ครอบครัวเรามี 4 คนค่ะ มีพ่อแม่ เรา และ พี่ ตอนนี้มีอีกคน คือลูก.. ของเราเองค่ะ
คือแม่เราเป็นคนเรียนเก่ง เก่งแบบสอบเข้าโรงเรียนได้ที่ 3 และ สอบไดที่ 1 ทุกๆชั้นเรียน (นี่ที่แม่เราเล่านะ) ปัจจุบันรับราชการครู ส่วนพ่อเรา แต่แรกแล้วพ่ออยู่กับปู่(ก็คือพ่อของพ่อ) แต่ปู่ดันมาเสียไปพ่อเราเลยอยู่กับย่า บ้านพ่อไม่มีเงิน อยู่ห้องแถวในตลาดแบบที่บ้านมีชั้นเดียวเป็นหน้าที่แคบและยาวไปข้างหลังพ่อเราจบ ปวส. ค่ะ ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งพ่อมาแต่งงานกับแม่และมีพี่กับเรา
แม่คาดหวังให้พี่เราเรียนดี แต่ไม่เป็นผลค่ะ พี่เราเรียนแย่มาตั้งแต่ขึ้นมัธยม ประถมวัยก็เถลไถล ขโมยเงินร้านเกมส์หนีออกจากบ้าน พ่อไล่ตีพี่เราแบบเหวี่ยงไปชนกับประตูเหล็กจนบุบ ขังพี่ไว้ในห้องน้ำ หรือ ล็อคบ้านไม่ให้พี่เราเข้า พี่เราแทบจะไม่จบ ม.6 และก็อย่างที่คาดค่ะ พี่เราเรียนมาทั้งหมด 4 มหาวิทยาลัย คtry แล้ว try อีกจนหมดหนทาง จึงออกมาทำงานกับที่บ้านซึ่งตอนนี้ ก็คือเป็นคนช่วยที่บ้านแทนที่จะเรียนค่ะ
แม่เลยหันมาหวังกับเรา เราเรียนวิทย์-คณิต (จากการใช้เส้นสายของแม่) แต่ เราก็เถลไถลค่ะ มีแฟนตั้งแต่ ม.4 ซึ่งแม่เราหัวโบราณมาก ถึงขนาดต้องรักษาพรหมย์จรรย์ไว้จนกว่าจะแต่งงาน (เพราะแม่เราก็ทำแบบนั้นกับพ่อค่ะ)
แต่เมื่อเราไปมีแฟน เราก็ดื้อค่ะ ดื้อทุก
อย่าง จริงๆดื้อตั้งแต่ ม 2 ค่ะเล่นตามพี่ไปเรื่อย ช่วงนั้นฮิตแคมฟรอกเราก็เก็บตังซื้อกล้อง เล่นนู่นเล่นนี่ไม่ยอมนอน พ่อจับได้ก็ปากล้องเราพังต่อหน้าต่อตา ลากเราไปตีแบบที่ไม่มีสาเหตุ ใช้เหล็กตีเราตั้งแต่ยังเด็ก เราเคยเห็นพี่เราโดนในใจเราก็ไม่ยอมค่ะ หนีออกจากบ้านไปนอนบ้านเพื่อนตั้งแต่ ม.2 นั่งรถไปไกลๆคนเดียวตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยทิ้งเลยคือเรื่องเรียนค่ะ เราพยายามไปเรัยน ไปกับเพื่อน ยืมชุดเพื่อนบ้าง ยืมเงินเพื่อนบ้างเพื่อที่จะไปเรียนให้ได้ แม่เราเป็นคนตามเรากลับมาค่ะ มักจะเป็นแบบนี้เสมอ บ้านเราไม่มีเพื่อนบ้านเลยค่ะ จากคำที่แม่พูดไว้คือ คนเก่ง อยู่ที่ไหนก็ได้นะลูก วิชาความรู้คือประสบการ์ณที่จะใช้ต่อสู้ในวันข้างหน้า เราเลยยึดถือและไม่เคยทิ้งการเรียนเลย แต่ แม่จะห้ามเราตั้งแต่ ม.1 เราเคยขอไปเที่ยวกับเพื่อน แม่ก็ไม่ให้ไป ไม่ให้ไปนี่คือไม่ให้ไปเลยนะคะ เป็นแบบนี้จนเรา ม.4 ค่ะ เรารู้สึกเก็บกดกับการที่เราอยู่กับพ่อแม่ต้องพูดเพราะๆ ต้องพูดแต่เรื่องเรัยน แซวอะไรพ่อแม่ก็จะโดนต่อว่า อยู่ที่โรงเรียนเราร่าเริงดีค่ะ แต่พอกลับบ้านแทนที่จะอยากกลับบ้านเพราะครอบครัวที่บ้านอบอุ่น แต่ไม่ค่ะ เราเป็นเด็กมีปัญหา แบบที่ไม่อยากกลับไปทนกับอะไรที่บ้าน แบบที่ไม่มีเพื่อนบ้าน ไม่มีเพื่อนแถวบ้าน มันกลับกลายเป็นว่า
" บ้านเรา ไม่ร่วมสังคมกับใครทั้งนั้น "
พอ ม.6 ค่ะ จากทุกอย่างที่เรารู้สึกว่าไม่มีที่พึ่งไหนจะดีไปเท่ากับ ครอบครัวของ " แฟน " อีกแล้ว แม่แฟนรักเราเหมือนลูกอีกคน ให้ห้องหับเราอยู่ ให้งานเรา ให้ที่เรียนที่ มหาลัยกับเรา ให้เงินเราใช้ เพียงเพราะเราพลาดค่ะ เรา ท้อง แต่สุดท้าย แม่ก็ตามเรากลับบ้าน ให้ไปเรียนต่อ พ่อ ให้เราเอาเด็กออก ยื่นข้อเสนอกับอะไรก็ได้ พ่อจะให้ นั่นคือครั้งแรกที่พ่อเราร้องไห้ เราปฏิเสธค่ะ เราเก็บเด็กไว้ ตอนนั้นเราคิดอย่างเดียวคือ สงสารเด็ก ค่ะ จนล่วงเวลามาวันคลอด เราดีใจมากที่ได้เจอหน้าเขา พ่อเราอุ้มคนแรกเลยล่ะ - -
แต่ปัญหาเพิ่งจะเริ่มค่ะเมื่อเรากลับมาเรียน มหาวิทยาลัย แม่ซื้อหอให้เรา ตอนแรกเราดีใจมากที่แม่เข้าใจที่เราโตขึ้น เรามาอยู่หอ กลับบ้านเสาร์ - อาทิตย์ค่ะ แต่ก็นะ เด็กเกิดมาแล้วใครจะเลี้ยง ก็ต้องเป็น พ่อกับแม่เราสิคะ บ้านเราทำงานกันทั้งบ้าน ไม่มีเวลาดูลูกเรา แม่เราเริ่มบ่น กับการที่ต้องมานั่งรับภาระอย่างเดียว เราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเราก็เรียนหนักมาก เราเรียน ศิลปกรรม ค่ะ นั่นคือ ใช้เวลาเป็นวันเป็นคืน กับการทำงานกันเลยทีเดียว เสาร์ อาทิตย์ เราเริ่มไม่ได้กลับบ้าน เพราะงานมันรัดตัวมาก พ่อเริ่มบ่นว่า ไปเรียนก็ไปสบาย ทิ้งภาระไว้ที่บ้าน จริงๆ ก**ู* ไม่ได้อยากให้ เรียนเลย เรียนก็ไปเอาแต่สบาย ตอนนั้นเราเสียใจมาก แต่แม่เราบอกว่า เข้าใจค่ะ เค้าจะเป็นคนส่งเราเรียนเอง ประมาณปี 2 ค่ะ เค้าก็บ่นแบบนี้ทุกวัน มันหนักขึ้นตรงที่ เรามีวุฒิภาวะมากขึ้นหน่อย เราเห็นเค้าเลี้ยงดูลูกไม่ดี โอ๋เด็กแบบที่คนแก่ทำ เราก็ทั้งนั่งศึกษา จิตวิทยาทุกๆอย่าง เพื่อบอกเค้าเกี่ยวกับการเลึ้ยงเด็ก แต่เค้าไม่ฟังเลยค่ะ แต่ไปหาอ่านหนังสือซึ่งมันมาจากแหล่งเดียวกันแต่เขากลับเชื่อ และมาเล่าให้เราฟังว่าเขาอ่านมา แม่เราเป็นคนไม่ฟังใคร พอเราเล่าเรื่องที่เรียนเรื่องที่มหาวิทยาลัย เค้าก็จะพูดกับเราแบบดักคอว่า พอก่อนแม่จะไปแล้ว เรานี่นะไม่รู้จะพูดอะไร แต่ตอนเค้าแค่เราทำท่าไม่ฟังเขาก็จะงอนแล้วบอกว่าเล่าอะไรก็ไม่ฟัง ไม่อยากพูดด้วย ตอนนี้เหมือนเรามองเค้าเป็นคนเลี้ยงลูกไม่เป็น มาถึงกระทั่งเลี้ยงเราไม่เป็น เราเหมือนต้องเรียนรู้เองใหม่ทุกอย่าง เรากลับไปบ้าน พยายามใช้เทคนิคทุกอย่างคุยดีแล้ว ทำดีแล้ว แต่ไม่เป็นผลค่ะ ความคิดเขาต้องถูกต้องทุกอย่าง เราเครียดมากจากคำที่เขาจะพูดเสมอว่า จะไปอิจฉาครอบครัวอื่นที่ไม่สมบูรณ์ทำไม บ้านเรามีพร้อมหน้าพร้อมตา ที่คนบางคนเขาไม่มี เรารู้สึกเหมือนเขา อคติโลก อคติเพื่อนบ้าน และไม่ยอมรับความเห็นใคร ถ้าเราเถียงมากๆก็ถึงขั้นลงไม้ลงมือ เขาบ่นว่าเขาเหนื่อยมาก เราก็เลยเอาลูกมาเลี้ยงเองค่ะ เสาร์ - อาทิตย์ พอเอาลูกไปส่ง วันอาทิตย์ค่ำ วันจันทร์ก็จับลูกเราเข้าเนอสเซอรี่ตั้งแต่ยังพูดไม่ได้ ลูกเราป่วยตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน ยาฉีดไม่ครบ วัคซีนให้บ้างไม่ให้บ้าง เราต้องเข้าไปถามหมอเองเกี่ยวกับอาการต่างๆ เรารู้สคกอคติเขาว่าเขาเลี้ยงเราไม่เป็น เลี้ยงเรามาแบบเก็บกดมากๆ พอเราโตมา เราเลยคิดว่าเราจะไม่ให้ลูกเป็นแบบเรา เราเกลียดนิสัยใจร้อน โมโหร้ายของตัวเอง ซึงเรามาสังเกตดูก็เหมือนพ่อเราเลย ที่แต่เด็กเราเคยโดนกระทำไว้ เราควรแก้ปัญหาอย่างไรดีคะ ตอนนี้ เรามีปัญหาครอบครัวแบบที่พูดอะไรกับเขาไม่ได้เลย ต้องทะเลาะกันตลอด เรากลับบ้านทีไร เราร้องไห้ทุกที เราไม่อยากกลับบ้าน แต่เรารักเค้ามาก อยากให้เค้าคุยดีกับเรา เราอยากได้ครอบครัวที่มีความสุข มีพ่อใจเย็น และแม่ที่รับฟังเราบ้าง จริงๆ ทุกวันนี้เรามีที่พึ่งแค่เพื่อนบางคนที่ไว้ใจได้ และแฟน ซึ่งเขาไม่รู้ค่ะว่าเรามี เราไม่รู้เราจะไปปรึกษาใคร บางทีก็คิดว่า ทำไมตัวเองดูเป็นภาระของทุกคน ไม่น่าเกิดมา ไม่อยากตื่นมาที่ต้องใช้ชีวตในวันพรุ่งนี้ อยากขอโทษถ้าเลือกเกิดได้ เราจะไม่เกิดมาให้ตัวเขาและตัวเราต้องเครียดแบบนี้เลย เราควรแก้ปัญหาอย่างไรดีคะ เราไม่รู้จะพึ่งใครได้หมดเปลือกเท่ากับคนที่ไม่รู้อะไรในตัวเรามาก่อนเลย เราหาทางออกไม่ได้เลยค่ะ เราคิดถึฃเรื่องครอบครัวทีไร น้ำตาเราก็ไหลคิดแต่ว่าเมื่อไหร่มันจะมีความสุข
ข้อความยาวหน่อย ขออภัยด้วยนะคะ อยากระบายจริงๆ
มีใคร อคติกับพ่อแม่ตัวเองบ้างไหมคะ ?
เราอายุ 22 ตอนนี้เรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัย ครอบครัวเรามี 4 คนค่ะ มีพ่อแม่ เรา และ พี่ ตอนนี้มีอีกคน คือลูก.. ของเราเองค่ะ
คือแม่เราเป็นคนเรียนเก่ง เก่งแบบสอบเข้าโรงเรียนได้ที่ 3 และ สอบไดที่ 1 ทุกๆชั้นเรียน (นี่ที่แม่เราเล่านะ) ปัจจุบันรับราชการครู ส่วนพ่อเรา แต่แรกแล้วพ่ออยู่กับปู่(ก็คือพ่อของพ่อ) แต่ปู่ดันมาเสียไปพ่อเราเลยอยู่กับย่า บ้านพ่อไม่มีเงิน อยู่ห้องแถวในตลาดแบบที่บ้านมีชั้นเดียวเป็นหน้าที่แคบและยาวไปข้างหลังพ่อเราจบ ปวส. ค่ะ ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งพ่อมาแต่งงานกับแม่และมีพี่กับเรา
แม่คาดหวังให้พี่เราเรียนดี แต่ไม่เป็นผลค่ะ พี่เราเรียนแย่มาตั้งแต่ขึ้นมัธยม ประถมวัยก็เถลไถล ขโมยเงินร้านเกมส์หนีออกจากบ้าน พ่อไล่ตีพี่เราแบบเหวี่ยงไปชนกับประตูเหล็กจนบุบ ขังพี่ไว้ในห้องน้ำ หรือ ล็อคบ้านไม่ให้พี่เราเข้า พี่เราแทบจะไม่จบ ม.6 และก็อย่างที่คาดค่ะ พี่เราเรียนมาทั้งหมด 4 มหาวิทยาลัย คtry แล้ว try อีกจนหมดหนทาง จึงออกมาทำงานกับที่บ้านซึ่งตอนนี้ ก็คือเป็นคนช่วยที่บ้านแทนที่จะเรียนค่ะ
แม่เลยหันมาหวังกับเรา เราเรียนวิทย์-คณิต (จากการใช้เส้นสายของแม่) แต่ เราก็เถลไถลค่ะ มีแฟนตั้งแต่ ม.4 ซึ่งแม่เราหัวโบราณมาก ถึงขนาดต้องรักษาพรหมย์จรรย์ไว้จนกว่าจะแต่งงาน (เพราะแม่เราก็ทำแบบนั้นกับพ่อค่ะ)
แต่เมื่อเราไปมีแฟน เราก็ดื้อค่ะ ดื้อทุก
อย่าง จริงๆดื้อตั้งแต่ ม 2 ค่ะเล่นตามพี่ไปเรื่อย ช่วงนั้นฮิตแคมฟรอกเราก็เก็บตังซื้อกล้อง เล่นนู่นเล่นนี่ไม่ยอมนอน พ่อจับได้ก็ปากล้องเราพังต่อหน้าต่อตา ลากเราไปตีแบบที่ไม่มีสาเหตุ ใช้เหล็กตีเราตั้งแต่ยังเด็ก เราเคยเห็นพี่เราโดนในใจเราก็ไม่ยอมค่ะ หนีออกจากบ้านไปนอนบ้านเพื่อนตั้งแต่ ม.2 นั่งรถไปไกลๆคนเดียวตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยทิ้งเลยคือเรื่องเรียนค่ะ เราพยายามไปเรัยน ไปกับเพื่อน ยืมชุดเพื่อนบ้าง ยืมเงินเพื่อนบ้างเพื่อที่จะไปเรียนให้ได้ แม่เราเป็นคนตามเรากลับมาค่ะ มักจะเป็นแบบนี้เสมอ บ้านเราไม่มีเพื่อนบ้านเลยค่ะ จากคำที่แม่พูดไว้คือ คนเก่ง อยู่ที่ไหนก็ได้นะลูก วิชาความรู้คือประสบการ์ณที่จะใช้ต่อสู้ในวันข้างหน้า เราเลยยึดถือและไม่เคยทิ้งการเรียนเลย แต่ แม่จะห้ามเราตั้งแต่ ม.1 เราเคยขอไปเที่ยวกับเพื่อน แม่ก็ไม่ให้ไป ไม่ให้ไปนี่คือไม่ให้ไปเลยนะคะ เป็นแบบนี้จนเรา ม.4 ค่ะ เรารู้สึกเก็บกดกับการที่เราอยู่กับพ่อแม่ต้องพูดเพราะๆ ต้องพูดแต่เรื่องเรัยน แซวอะไรพ่อแม่ก็จะโดนต่อว่า อยู่ที่โรงเรียนเราร่าเริงดีค่ะ แต่พอกลับบ้านแทนที่จะอยากกลับบ้านเพราะครอบครัวที่บ้านอบอุ่น แต่ไม่ค่ะ เราเป็นเด็กมีปัญหา แบบที่ไม่อยากกลับไปทนกับอะไรที่บ้าน แบบที่ไม่มีเพื่อนบ้าน ไม่มีเพื่อนแถวบ้าน มันกลับกลายเป็นว่า
" บ้านเรา ไม่ร่วมสังคมกับใครทั้งนั้น "
พอ ม.6 ค่ะ จากทุกอย่างที่เรารู้สึกว่าไม่มีที่พึ่งไหนจะดีไปเท่ากับ ครอบครัวของ " แฟน " อีกแล้ว แม่แฟนรักเราเหมือนลูกอีกคน ให้ห้องหับเราอยู่ ให้งานเรา ให้ที่เรียนที่ มหาลัยกับเรา ให้เงินเราใช้ เพียงเพราะเราพลาดค่ะ เรา ท้อง แต่สุดท้าย แม่ก็ตามเรากลับบ้าน ให้ไปเรียนต่อ พ่อ ให้เราเอาเด็กออก ยื่นข้อเสนอกับอะไรก็ได้ พ่อจะให้ นั่นคือครั้งแรกที่พ่อเราร้องไห้ เราปฏิเสธค่ะ เราเก็บเด็กไว้ ตอนนั้นเราคิดอย่างเดียวคือ สงสารเด็ก ค่ะ จนล่วงเวลามาวันคลอด เราดีใจมากที่ได้เจอหน้าเขา พ่อเราอุ้มคนแรกเลยล่ะ - -
แต่ปัญหาเพิ่งจะเริ่มค่ะเมื่อเรากลับมาเรียน มหาวิทยาลัย แม่ซื้อหอให้เรา ตอนแรกเราดีใจมากที่แม่เข้าใจที่เราโตขึ้น เรามาอยู่หอ กลับบ้านเสาร์ - อาทิตย์ค่ะ แต่ก็นะ เด็กเกิดมาแล้วใครจะเลี้ยง ก็ต้องเป็น พ่อกับแม่เราสิคะ บ้านเราทำงานกันทั้งบ้าน ไม่มีเวลาดูลูกเรา แม่เราเริ่มบ่น กับการที่ต้องมานั่งรับภาระอย่างเดียว เราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเราก็เรียนหนักมาก เราเรียน ศิลปกรรม ค่ะ นั่นคือ ใช้เวลาเป็นวันเป็นคืน กับการทำงานกันเลยทีเดียว เสาร์ อาทิตย์ เราเริ่มไม่ได้กลับบ้าน เพราะงานมันรัดตัวมาก พ่อเริ่มบ่นว่า ไปเรียนก็ไปสบาย ทิ้งภาระไว้ที่บ้าน จริงๆ ก**ู* ไม่ได้อยากให้ เรียนเลย เรียนก็ไปเอาแต่สบาย ตอนนั้นเราเสียใจมาก แต่แม่เราบอกว่า เข้าใจค่ะ เค้าจะเป็นคนส่งเราเรียนเอง ประมาณปี 2 ค่ะ เค้าก็บ่นแบบนี้ทุกวัน มันหนักขึ้นตรงที่ เรามีวุฒิภาวะมากขึ้นหน่อย เราเห็นเค้าเลี้ยงดูลูกไม่ดี โอ๋เด็กแบบที่คนแก่ทำ เราก็ทั้งนั่งศึกษา จิตวิทยาทุกๆอย่าง เพื่อบอกเค้าเกี่ยวกับการเลึ้ยงเด็ก แต่เค้าไม่ฟังเลยค่ะ แต่ไปหาอ่านหนังสือซึ่งมันมาจากแหล่งเดียวกันแต่เขากลับเชื่อ และมาเล่าให้เราฟังว่าเขาอ่านมา แม่เราเป็นคนไม่ฟังใคร พอเราเล่าเรื่องที่เรียนเรื่องที่มหาวิทยาลัย เค้าก็จะพูดกับเราแบบดักคอว่า พอก่อนแม่จะไปแล้ว เรานี่นะไม่รู้จะพูดอะไร แต่ตอนเค้าแค่เราทำท่าไม่ฟังเขาก็จะงอนแล้วบอกว่าเล่าอะไรก็ไม่ฟัง ไม่อยากพูดด้วย ตอนนี้เหมือนเรามองเค้าเป็นคนเลี้ยงลูกไม่เป็น มาถึงกระทั่งเลี้ยงเราไม่เป็น เราเหมือนต้องเรียนรู้เองใหม่ทุกอย่าง เรากลับไปบ้าน พยายามใช้เทคนิคทุกอย่างคุยดีแล้ว ทำดีแล้ว แต่ไม่เป็นผลค่ะ ความคิดเขาต้องถูกต้องทุกอย่าง เราเครียดมากจากคำที่เขาจะพูดเสมอว่า จะไปอิจฉาครอบครัวอื่นที่ไม่สมบูรณ์ทำไม บ้านเรามีพร้อมหน้าพร้อมตา ที่คนบางคนเขาไม่มี เรารู้สึกเหมือนเขา อคติโลก อคติเพื่อนบ้าน และไม่ยอมรับความเห็นใคร ถ้าเราเถียงมากๆก็ถึงขั้นลงไม้ลงมือ เขาบ่นว่าเขาเหนื่อยมาก เราก็เลยเอาลูกมาเลี้ยงเองค่ะ เสาร์ - อาทิตย์ พอเอาลูกไปส่ง วันอาทิตย์ค่ำ วันจันทร์ก็จับลูกเราเข้าเนอสเซอรี่ตั้งแต่ยังพูดไม่ได้ ลูกเราป่วยตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน ยาฉีดไม่ครบ วัคซีนให้บ้างไม่ให้บ้าง เราต้องเข้าไปถามหมอเองเกี่ยวกับอาการต่างๆ เรารู้สคกอคติเขาว่าเขาเลี้ยงเราไม่เป็น เลี้ยงเรามาแบบเก็บกดมากๆ พอเราโตมา เราเลยคิดว่าเราจะไม่ให้ลูกเป็นแบบเรา เราเกลียดนิสัยใจร้อน โมโหร้ายของตัวเอง ซึงเรามาสังเกตดูก็เหมือนพ่อเราเลย ที่แต่เด็กเราเคยโดนกระทำไว้ เราควรแก้ปัญหาอย่างไรดีคะ ตอนนี้ เรามีปัญหาครอบครัวแบบที่พูดอะไรกับเขาไม่ได้เลย ต้องทะเลาะกันตลอด เรากลับบ้านทีไร เราร้องไห้ทุกที เราไม่อยากกลับบ้าน แต่เรารักเค้ามาก อยากให้เค้าคุยดีกับเรา เราอยากได้ครอบครัวที่มีความสุข มีพ่อใจเย็น และแม่ที่รับฟังเราบ้าง จริงๆ ทุกวันนี้เรามีที่พึ่งแค่เพื่อนบางคนที่ไว้ใจได้ และแฟน ซึ่งเขาไม่รู้ค่ะว่าเรามี เราไม่รู้เราจะไปปรึกษาใคร บางทีก็คิดว่า ทำไมตัวเองดูเป็นภาระของทุกคน ไม่น่าเกิดมา ไม่อยากตื่นมาที่ต้องใช้ชีวตในวันพรุ่งนี้ อยากขอโทษถ้าเลือกเกิดได้ เราจะไม่เกิดมาให้ตัวเขาและตัวเราต้องเครียดแบบนี้เลย เราควรแก้ปัญหาอย่างไรดีคะ เราไม่รู้จะพึ่งใครได้หมดเปลือกเท่ากับคนที่ไม่รู้อะไรในตัวเรามาก่อนเลย เราหาทางออกไม่ได้เลยค่ะ เราคิดถึฃเรื่องครอบครัวทีไร น้ำตาเราก็ไหลคิดแต่ว่าเมื่อไหร่มันจะมีความสุข
ข้อความยาวหน่อย ขออภัยด้วยนะคะ อยากระบายจริงๆ