ใครที่เคยไปที่ Groove ซึ่งเป็นโซนหนึ่งของห้าง Central World ที่อยู่ฝั่งติดถนนพระราม 1 ที่รวบรวมร้านอาหาร Stand Alone เอาไว้มากมายหลายร้าน ก็น่าจะพอทราบว่ามีหลาย ๆ ร้านในนั้นน่านั่งและน่าสนใจมาก เพราะแต่ละร้านตกแต่งกันได้สวยงามมีสไตล์ของตัวเองที่ชัดเจน ผมเองก็มีโอกาสไปที่ Groove อยู่หลายครั้งแต่ครั้งนี้ได้ไปที่ชั้น 2 เพื่อไปที่ร้าน Hiyaku ที่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ Modern Izakaya
ร้าน Hiyaku เป็นร้าน Modern Izakaya ที่ให้บริการอาหารญี่ปุ่นหลากหลายประเภท ไม่ได้มีแค่ คุชิคัตสึ หรือ คุชิยากิ ที่เป็นของเสียบไม้ทอด ๆ ย่าง ๆ เท่านั้น แต่กลับมีอาหารแทบจะทุกประเภทของอาหารญี่ปุ่นให้เลือกกินเป็นกับแกล้มกับเครื่องดื่มของทางร้านได้เป็นอย่างดี
บรรยากาศของร้าน Hiyaku ก็เรียบ ๆ โล่ง ๆ ดีครับ มีโต๊ะอยู่พอสมควรทั้งข้างในร้านและหน้าร้าน และก็มีบาร์ให้นั่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทัศนากรรมวิธีการปรุงของทั้งเชฟและบาร์เทนเดอร์ครับทั้งร้านจุคนได้ประมาณ 100 ที่นั่ง เผื่อใครอยากเหมาจัดกิจกรรม และร้านจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00 – 01.00 น.
ด้านนอกร้านปกติก็จะมี DJ มาคอยเปิดแผ่น เวลาราว ๆ 2-3 ทุ่ม เป็นเพลงออกทันสมัยหน่อย เพื่อให้เข้ากับธีมร้าน แต่ในวันที่ผมไปนี้เป็นวันที่มีปลาทูน่าเข้ามาที่ร้านพอดี(วัตถุดิบพวกปลาจะเข้าทุกวันอังคารและศุกร์) ซึ่งทางร้านก็จะจัดเป็นอีเว้นท์เล็ก ๆ คือการโชว์แล่ปลาให้ดูกันหน้าร้านเลย วันไหนที่มีโชว์ทางร้านก็จะมีให้ชิมฟรีด้วย ซึ่งจะมีโชว์วันไหนคงต้องติดตามทางเพจร้านกันเอานะครับ Hiyakurestaurant
เมนูของ Hiyaku อย่างที่บอกว่าหลากหลายมาก และส่วนใหญ่ก็จะออกแนวฟิวชั่นเล็ก ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างและสร้างเมนูเฉพาะของทางร้าน หน้าตาของเมนูอาหารก็จะมีเอกลักษณ์พอสมควร ราคาในเมนูจะยังไม่รวม Vat และไม่มีคิด Service Charge นะครับ ฉะนั้นจะเป็นราคา +7% เท่านั้น
เมนูที่รีวิวในวันนี้ก็มีหลายเมนูมาก และมีโปรเมนูมื้อกลางวันก็จะมี Set menu ที่ลด 20% ด้วย แต่เมนูสำหรับมื้อนี้ที่ผมรีวิวจะเป็นมื้อเย็นนะครับ มีเมนูอะไรบ้างนั้นคงต้องขอเริ่มจากจานเด่น ๆ ของที่นี่ก่อนเลย ไปดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง



หน้าตาจะเหมือน Roll ปกติ ทั่ว ๆ ไป แต่ที่แตกต่างคือเรื่องของความแน่นนุ่มของเนื้อปลาที่อยู่ข้างใน และซอสที่มีรสชาติจัดจ้าน มีรสเผ็ดนิดหน่อย ได้กลิ่นซอสพริกศรีราชาอยู่ และก็มีไข่กุ้ง มันเข้ากับกลิ่นรสของสาหร่ายที่ห่อมาได้เป็นอย่างดี





เป็นซาชิมิรวมชุดเล็กของทางร้าน ประกอบด้วย Akami, Hamaji, Salmon, Hotate, Hokki gai, Sakuradai, Aji โดยรวมเนื้อปลาสดแน่นมาก เนื้อดูใสวาว ผมชอบเกือบทุกอย่างเลย โดยเฉพาะฮามาจิ แซลมอน และหอยเชลล์ เนื้อนุ่มหวาน และเชฟที่นี่เค้าจะหั่นมาชิ้นหนามาก กัดเข้าไปแล้วจมเขี้ยวเลย





เป็นเมนูโรลที่มีทั้งหมดถึง 8 คำโต ๆ เพราะเค้าใช้ปลาไหลทั้งตัวมาทำเมนูนี้เลย ทั้งการแล่ การย่าง และน้ำซอส ทางร้านทำเองทั้งหมด ผมว่าอร่อยดีนะ รสไม่จัดมาก จึงได้รับรสชาติของปลาไหลอยู่พอสมควร แต่เนื้อสัมผัสผมว่ามันแน่นเด้งไปหน่อย อาจเพราะว่าเค้าเลือกใช้ปลาไหลตัวใหญ่ เนื้อจึงแน่นคล้าย ๆ ปลาคังบ้านเราเลย แต่ก็อร่อยไปอีกแบบ
จริง ๆ สำหรับเมนูนี้ อยากแนะนำให้ลองนะ แต่ราคามันสูงไป สำหรับโรล 8 คำ แต่ถ้าใครคิดว่าฉันจ่ายได้ ก็แนะนำให้ลองครับ รสชาติดี




เมนูนี้ก็เป็นอีกเมนูที่หน้าตาสวยงาม ใหญ่โตมาก เป็นข้าวห่อด้วยเอนกาวะแล้วโปะหน้าด้วยแซลม่อนและเอนกาวะคลุกกับมายองเนสและต้นหอม แล้วโรยด้วยไข่แซลมอน และไข่กุ้ง จริง ๆ รสชาติและเนื้อสัมผัสของจานนี้อร่อยมาก





เมนูนี้เป็นซูชิหน้าปลาแซลมอนที่นำไปรนไฟด้วย แล้วราดด้วยซอสสูตรของทางร้านออกเผ็ด ๆ หน่อย แล้วโปะหน้าด้วยไข่กุ้งแบบพูน ๆ ผมว่าทุกอย่างโอเคมาก แต่น้ำซอสที่ราดรสชาติเผ็ดไปหน่อย ได้กลิ่นซอสพริกศรีราชาชัดเจนเกินไป ถ้าให้ออกมัน ๆ หน่อยและได้กลิ่นซอสพริกน้อยกว่านี้จะดีมากเลยครับ





เมนูนี้ก็หาไม่ค่อยมีในร้านอาหารญี่ปุ่นเท่าไหร่ ผมจะเจอตามร้านที่ขายอาหารฟิวชั่นมากกว่า โดยตัวเมนูจะเป็นการนำกุ้งสดไปชุปแป้งทอด แล้วราดด้วยซอสครีมที่มีส่วนผสมของวาซาบิ ผมเป็นคนชอบวาซาบิอยู่แล้ว ผมจึงคิดว่าอร่อยดีกรอบ ๆ มัน ๆ ซี๊ด ๆ แต่ถ้าใครไม่กินวาซาบิก็ควรหลีกเลี่ยงครับ





เมนูนี้ก็ไม่เหมือนเมนูญี่ปุ่นเท่าไหร่ จะออกไทย ๆ นิด ๆ เป็นเมนูที่ใช้วัตถุดิบเป็นกุ้งอีกหนึ่งจาน คือเอากุ้งไปทอดกรอบแล้วนำมาคลุกกับซอสสูตรทางร้าน ที่จะคล้าย ๆ ซอสมะขามผสมกับซอสที่นำมาปรุง Lava roll เลย ที่เดาอย่างนั้นเพราะว่าได้กลิ่นซอสพริกอีกแล้วครับ เมนูนี้ผมว่าถ้าเป็นเมนูในร้านอาหารไทยถือว่าดีเลย เหมาะมาก แต่ผมว่ายังไม่ค่อยเข้ากับร้านอาหารญี่ปุ่นเท่าไหร่





                 • ลิ้นหมู – 120 บาท / 2 ไม้
                 • ลิ้นวัว – 120 บาท / 2 ไม้ (แนะนำ)
                 • เนื้อออสเตรเลีย – 120 บาท / 2 ไม้
                 • เบคอนพันหน่อไม้ฝรั่ง – 80 บาท / 2 ไม้
                 • เบคอนพันเห็ดเข็มทอง – 80 บาท / 2 ไม้
                 • เนื้อปีกไก่ – 80 บาท / 2 ไม้
                 • ลูกชิ้นไก่บด – 80 บาท / 2 ไม้
                 • ไก่และหอมใหญ่ – 80 บาท / 2 ไม้
โดยรวมแล้วโอเคหมดครับ จะมีแค่เนื้อออสเตรเลียที่ผมว่ามันไม่นุ่มขนาดเป็นเนื้อเกรดพิเศษเท่าไหร่นักหรืออาจจะเป็นเพราะการเลือกใช้ส่วนของเนื้อที่ค่อนข้างแน่นหน่อย เลยยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ อีกอันที่ยังไม่ค่อยโดนคือลูกชิ้นไก่บด เนื้อมันยังไงไม่รู้ครับ










เมนูนี้ใครที่ชอบโรลแนวฟิวชั่นน่าจะชอบเพราะมีการผสมผสานพวกครีมชีส(ฟิลาเดเฟีย) และ แป้งเทมปุระเข้าไป ซึ่งจริง ๆ เราก็เห็นโรลหน้าตาแบบนี้เยอะแยะ แต่ที่นี่ไม่เหมือนใครครับ เพราะครีมชีสข้างในให้กันแบบไม่หวง มาเต็ม ๆ เวลากินเข้าไป ครีมจะเริ่มละลายในปาก บวกกับความมันนุ่มของแซลมอน แล้วก็มีแป้งเทมปุระและไข่กุ้งเพิ่มความกรุบของโรลแต่ละคำ ทำให้ได้ความรู้สึกที่ครบรส แต่โรลเมนูนี้คำใหญ่มาก กินคำเดียวอาจไม่หมดได้ ผมเองยังต้องอ้าปากสุดถึงจะยัดเข้าไปได้หมดเลยครับ





ตกแต่งมาได้ดี ด้วยซอสสีม่วง ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นซอสอะไร เพราะไม่ใช่ไฮไลท์ แต่ไฮไลท์อยู่ที่ชิ้นฟัวกราส์ที่หนาไม่มาก แต่ชิ้นใหญ่ และปรุงมาได้สุกแบบพอดี ๆ กินตัดกับข้าวนิดหน่อย และสาหร่าย อร่อยมากครับ





เดือนมีนาคมนี้เป็นโปรโมชั่นปลาทูน่า ซึ่งถ้าทางร้านรับทูน่ามา ก็จะรับมาเป็นตัวแล้วก็นำมาแล่โชว์ที่หน้าร้านแบบตอนแรกที่กล่าวถึงกันไป
ซึ่งทูน่าที่ทางร้านมาแล่โชว์จะเป็นสายพันธุ์ Bigeye ที่มาจากน่านน้ำอันดามันของไทยนี่เอง ซึ่งเนื้อของปลาทูน่าพันธุ์นี้จะมีแค่ส่วน Akami และจะสีเข้มกว่าปกติ ความรู้สึกผมว่าความมันมันน้อยกว่าปลาจากญี่ปุ่นนะ กินแล้วไม่ฟินเท่าไหร่ แต่ก็ตื่นตาตื่นใจดีสำหรับการแล่โชว์แบบนี้ ในช่วงโปรนี้จะเหลือแค่คำละ 25 บาทเท่านั้น ใครที่อยากลองก็รีบมากันนะครับ






เมนูนี้ค่อนข้างธรรมดาสามัญครับ พอมีรสชาติ ได้ความหอมจากการย่างให้เกรียม ๆ หนังกรอบนิดหน่อย เนื้อชุ่มฉ่ำดี ไม่แห้งมาก บีบมะนาว แล้วจิ้มเกลือหรือโชยุนิดหน่อยก็โอเคแล้วครับ



เป็นเมนูที่ทำให้คล่องคอได้ เพราะก่อนหน้านี้จัดแต่ของแห้ง ๆ มาเมนูนี้น้ำซุปร้อน ๆ ซดได้คล่องคอมาก รสชาติจะออกแบบเบา ๆ หมูนุ่ม ๆ ผักนุ่ม ๆ มันเข้ากันได้ดีจริง ๆ