ครับต้องกำจัดหรือไม่ส่งเสริมพวกที่ทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้พระพุทธศาสนาของพระบรมมหาศาสดาโคตมะพุทธเพี้ยน เพราะพระพวกที่เห็นแก่เงิน ยศฐาบรรดาศักดิ์ ต้องสามัคคีกัน อย่าปล่อยพระพวกนี้ เปรียบก็เหมือนพระฉัพพัคคีย์ในสมัยพุทธกาล เป็นพระพวกที่ประพฤติไม่เหมาะสมทำให้ต้องบัญญัติสิกขาบทรวมทั้งพระฉัพพัคคีย์เหล่านี้จะชอบล่วงสิกขาบทที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้แล้วอีกด้วย
"
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอนั่นไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ... การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว. โดยที่แท้ การกระทำของพวกเธอนั่น เป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของคนบางพวก ที่เลื่อมใสแล้ว.
พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนพระฉัพพัคคีย์โดยอเนกปริยายดังนี้แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคนบำรุงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย ทรงกระทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น แก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบท แก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่อถือตามพระวินัย ๑"
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=02&A=2945&Z=3080
แค่สะสมบาตรพระพุทธเจ้าก็ว่าแล้ว แต่พระบางรูปเล่นสะสมรถหรูโบราณ เอากับท่านนั่น
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ ๔๐. ๑. อนึ่ง ภิกษุใด ทรงอติเรกบาตร, เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์"
(บาตรของภิกษุที่เขาถวายเพิ่มเข้ามา นอกจากบาตรอธิษฐานพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ภิกษุมีบาตรไว้ใช้ใบ เดียว ซึ่งเรียกว่าบาตรอธิษฐานหากมีหลายใบ ตั้งแต่ใบที่ ๒ ขึ้นไป เรียกว่าอติเรกบาตร)
เมื่อคำข้าวยังไม่ถึงปากพระอ้าปากรอ พระบรมมหาศาสดาโคตมะพุทธท่านก็ห้ามแล้ว
[๘๔๑] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เมื่อคำข้าวยังไม่นำมาถึง ย่อมอ้าช่องปากไว้ท่า ...
๑๘๖. ๔๑. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เมื่อคำข้าวยังไม่นำมาถึง เราจักไม่อ้าช่องปาก.
อันภิกษุผู้ฉันอาหาร เมื่อคำข้าวยังไม่ถึงปาก ไม่พึงอ้าช่องปากไว้ท่า ภิกษุใดอาศัยความ
ไม่เอื้อเฟื้อ เมื่อคำข้าวยังนำมาไม่ถึงปาก อ้าช่องปากไว้ท่า ต้องอาบัติทุกกฏ
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=02&A=15759&Z=15881
จากพระไตรปิฏกสมัยพุทธกาล เมื่อชาวบ้านพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่าไฉน พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร กระทำกริยาอาการ เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม พระพุทธเจ้าก็เรียกมาสอบสวนแล้ว
ยืนปัสสาวะก็อาบัติ
"๒๑๘. ๗๓. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราไม่อาพาธ จักไม่ยืนถ่ายอุจจาระหรือถ่ายปัสสาวะ. อันภิกษุยืนอยู่ มิใช่ผู้อาพาธ ไม่พึงถ่ายอุจจาระ หรือถ่ายปัสสาวะ ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ มิใช่ผู้อาพาธ ยืนถ่ายอุจจาระก็ดี ยืนถ่ายปัสสาวะก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ"
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=02&A=16208&Z=16340
เดินไม่สำรวมก็อาบัติ
"๑๖๒. ๑๗. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ไกวแขนไปในละแวกบ้าน. อันภิกษุไม่พึงเดินแกว่งแขนไปในละแวกบ้าน พึงประคองแขนเดินไป. ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินแกว่งแขนไปในละแวกบ้าน แสดงท่ากรีดกราย ต้องอาบัติทุกกฏ"
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=02&A=15318&Z=15452
ข้อยกเว้นมีอยู่แล้วแต่ก็ต้องมีเหตุผลที่ดีเช่น "ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล"
ตัวเองถือพระวินัยไม่ไหวก็สึกออกมาครับ เป็นฆราวาสถือศีล5 ก็เป็นพระอริยะบุคคลพระโสดาบันก็ได้แล้ว แต่เป็นพระนี่ต้องถือเป็นร้อยเป็นพันข้อ ถือไม่ไหวก็สึกออกมาหากินอย่างชาวบ้าน อย่ามาทำให้พระธรรมวินัยของพระบรมมหาศาสดาโคตมะพุทธเพี้ยนครับ
ผมเข้าใจผิดตรงไหน บอกได้เลย สาธุ ผู้ใฝ่ในธรรมทั้งหลาย
++++++++++++++++++++++++++++++++++
"พระบรมมหาศาสดากลับมาแล้ว" เข้าใจเปล่าผมหมายถึงอะไร?
"อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็น
ศาสดา ของพวกเธอทั้งหลายโดยกาล ล่วงไปแห่งเรา"
จะเห็นว่าในสมัยเรานี้มีการแชร์เผยแพร่คำสอนของพระบรมมหาศาสดาโคตมะพุทธกันอย่างแพร่หลาย กว้างไกล ทั่วโลก อย่างไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในยุคสมัยใดๆ เพราะด้วยเทคโนโลยี่ Internet, social media, พระไตรปิฏก Online .... ฯลฯ
พระที่ประพฤติปฏิบัติไม่เหมาะสม ตอนนี้ก็ มาถึงยุคสมัยที่ท่านต้องนั่งไม่ติดเก้าอี้ ร้อนรน กระวนกระวายใจ แล้วหล่ะครับ
+++++++พระบรมมหาศาสดากลับมาแล้ว++++++++
"พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอนั่นไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ... การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว. โดยที่แท้ การกระทำของพวกเธอนั่น เป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของคนบางพวก ที่เลื่อมใสแล้ว.
พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนพระฉัพพัคคีย์โดยอเนกปริยายดังนี้แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคนบำรุงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย ทรงกระทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น แก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบท แก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่อถือตามพระวินัย ๑"
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=02&A=2945&Z=3080
แค่สะสมบาตรพระพุทธเจ้าก็ว่าแล้ว แต่พระบางรูปเล่นสะสมรถหรูโบราณ เอากับท่านนั่น
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ ๔๐. ๑. อนึ่ง ภิกษุใด ทรงอติเรกบาตร, เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์"
(บาตรของภิกษุที่เขาถวายเพิ่มเข้ามา นอกจากบาตรอธิษฐานพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ภิกษุมีบาตรไว้ใช้ใบ เดียว ซึ่งเรียกว่าบาตรอธิษฐานหากมีหลายใบ ตั้งแต่ใบที่ ๒ ขึ้นไป เรียกว่าอติเรกบาตร)
เมื่อคำข้าวยังไม่ถึงปากพระอ้าปากรอ พระบรมมหาศาสดาโคตมะพุทธท่านก็ห้ามแล้ว
[๘๔๑] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เมื่อคำข้าวยังไม่นำมาถึง ย่อมอ้าช่องปากไว้ท่า ...
๑๘๖. ๔๑. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เมื่อคำข้าวยังไม่นำมาถึง เราจักไม่อ้าช่องปาก.
อันภิกษุผู้ฉันอาหาร เมื่อคำข้าวยังไม่ถึงปาก ไม่พึงอ้าช่องปากไว้ท่า ภิกษุใดอาศัยความ
ไม่เอื้อเฟื้อ เมื่อคำข้าวยังนำมาไม่ถึงปาก อ้าช่องปากไว้ท่า ต้องอาบัติทุกกฏ
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=02&A=15759&Z=15881
จากพระไตรปิฏกสมัยพุทธกาล เมื่อชาวบ้านพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่าไฉน พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร กระทำกริยาอาการ เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม พระพุทธเจ้าก็เรียกมาสอบสวนแล้ว
ยืนปัสสาวะก็อาบัติ
"๒๑๘. ๗๓. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราไม่อาพาธ จักไม่ยืนถ่ายอุจจาระหรือถ่ายปัสสาวะ. อันภิกษุยืนอยู่ มิใช่ผู้อาพาธ ไม่พึงถ่ายอุจจาระ หรือถ่ายปัสสาวะ ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ มิใช่ผู้อาพาธ ยืนถ่ายอุจจาระก็ดี ยืนถ่ายปัสสาวะก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ"
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=02&A=16208&Z=16340
เดินไม่สำรวมก็อาบัติ
"๑๖๒. ๑๗. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ไกวแขนไปในละแวกบ้าน. อันภิกษุไม่พึงเดินแกว่งแขนไปในละแวกบ้าน พึงประคองแขนเดินไป. ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินแกว่งแขนไปในละแวกบ้าน แสดงท่ากรีดกราย ต้องอาบัติทุกกฏ"
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=02&A=15318&Z=15452
ข้อยกเว้นมีอยู่แล้วแต่ก็ต้องมีเหตุผลที่ดีเช่น "ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล"
ตัวเองถือพระวินัยไม่ไหวก็สึกออกมาครับ เป็นฆราวาสถือศีล5 ก็เป็นพระอริยะบุคคลพระโสดาบันก็ได้แล้ว แต่เป็นพระนี่ต้องถือเป็นร้อยเป็นพันข้อ ถือไม่ไหวก็สึกออกมาหากินอย่างชาวบ้าน อย่ามาทำให้พระธรรมวินัยของพระบรมมหาศาสดาโคตมะพุทธเพี้ยนครับ
ผมเข้าใจผิดตรงไหน บอกได้เลย สาธุ ผู้ใฝ่ในธรรมทั้งหลาย
++++++++++++++++++++++++++++++++++
"พระบรมมหาศาสดากลับมาแล้ว" เข้าใจเปล่าผมหมายถึงอะไร?
"อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดา ของพวกเธอทั้งหลายโดยกาล ล่วงไปแห่งเรา"
จะเห็นว่าในสมัยเรานี้มีการแชร์เผยแพร่คำสอนของพระบรมมหาศาสดาโคตมะพุทธกันอย่างแพร่หลาย กว้างไกล ทั่วโลก อย่างไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในยุคสมัยใดๆ เพราะด้วยเทคโนโลยี่ Internet, social media, พระไตรปิฏก Online .... ฯลฯ
พระที่ประพฤติปฏิบัติไม่เหมาะสม ตอนนี้ก็ มาถึงยุคสมัยที่ท่านต้องนั่งไม่ติดเก้าอี้ ร้อนรน กระวนกระวายใจ แล้วหล่ะครับ