---

สถานี : Ginza



HERMES ช็อปแบรนด์ดัง ทำเป็นบล็อคแก้วทั้งตึก หน้าตาแปลกจากช็อปอื่นๆ ที่มักจะมีกระจกใสใหญ่ๆไว้โชว์สินค้าด้านใน แต่สังเกตดีๆ จะเห็นว่าเค้าก็เอาบล๊อคแก้วนี่แหละแอบใส่สินค้าจัดวางข้างใน แล้วใช้เป็น display ซะเลย




MIKIMOTO แบรนด์จิลเวอรี่ระดับไฮเอนท์ เป็นแบรนด์เก่าแก่ของญี่ปุ่น ใครที่ชอบไข่มุกคงจะรู้จักกันดี จริงๆแบรนด์นี้มีหลายสาขาตามเมืองใหญ่ทั่วโลก แต่สาขานี้ใหญ่และพิเศษสุด เพราะในตึกนี้มีนอกจากจะเป็นช็อปขายเครื่องประดับแล้ว ยังมีทั้งศูนย์บริการลูกค้า ร้านอาหาร หรือซาลอนก็มีด้วย! ไม่ธรรมดาจริงๆ




MONCLER แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์สปอร์ตจากยุโรป หินอ่อนลายยุบยับมาเลย





BVLGARI ตกใจมากตอนมาเห็น โดดเด่นเวอร์วังมาก เป็นงู (หรือจิ้งจกก็ไม่แน่ใจ) เลื้อยล้อมรอบตึก เป็นจุดสนใจสุดๆ



LOUIS VUITTON อยู่ตรงข้ามกับ BVLGARI เป็นแพทเทิร์นเล็กใหญ่แรนดอมกันไป พอมันมีมิติทำให้ดูแล้วคล้ายๆกับดอกจิก ลายประจำของกระเป๋าหลุยส์ฯอยู่ พอตอนกลางคืนก็มีแสงไฟลอดออกมา สวยดีนะ



COMMES DES GARCONS   หรือที่คนไทยเรียกกันกอมๆๆๆ ช็อปที่กินซ่าใหญ่ มีหลายชั้นอยู่ แต่ว่าส่วนของ PLAY (เสื้อลายหัวใจ) ที่ทุกคนตามหา มีนิดเดียวนะ ฮ่าๆๆ พอๆกับที่ไทยเลย แน่นอนว่าถูกกว่าไทย แต่ก็ไม่ค่อยมีไซส์หรอก เพราะคนจีนเหมาหมดอย่างรวดเร็ว



บรรยากาศอื่นๆ








ITOYA ร้านเครื่องเขียนใหญ่เบิ้ม มีหลายชั้นมากกกก สะใจคนรักเครื่องเขียนแบบเราที่สุด มีครบวงจร มาที่นี่ไม่เสียเงินไม่ได้จริงๆๆๆ


พลาดได้ไงง ต้องไล่ดูทีละชั้นเลย ว่ามีอะไรบ้าง ฮ่าๆๆ  สวรรค์มาก

เค้าจะแบ่งไปเลยว่า แต่ละชั้นมีอะไร อย่างชั้นแรก เป็นพวกการ์ด ช่วงที่ไป (พ.ย.) ก็คือปลายปี ดังนั้นก็จะเน้นการ์ดอวยพรสำหรับเทศกาลคริสต์มาสกับปีใหม่น่าร้ากก




ชั้นต่อไปก็ขอเรียกว่าชั้นคราฟท์ละกัน คือมีทั้งสติกเกอร์ ทั้งกระดาษจุกจิก จดหมาย สแตมป์ ครั่ง สก็อตเทป จุ๊กจิ๊กๆ ประดิดประดอยกันไป





ชั้นต่อไปเป็นของใช้สำนักงาน พวกเครื่องเขียน ปากกา ดินสอ ยางลบไม้บรรทัด แฟ้มเอกสาร แต่ทุกอย่างจะดูไม่ออฟฟิสแบบที่เราคุ้นชินกัน ตรงกันข้ามเลย คือทุกอย่างที่นี่จะถูกจัดสรรให้ดูชิคๆ มีสไตล์  มินิมอล คูล อะไรก็ตามแต่โดยทันที ไม่เชื่อดูสิ เคลิ้มเลย ~







(moleskine ถูกกว่าเมืองไทยนะ ฮิๆ)

มีพวกของใช้ (ที่ไม่ใช่เครื่องเขียน) เพิ่มความคูลด้วย




อีกชั้นนึงที่น่าสนใจก็คือชั้นกระดาษ มีรหัสสี ประเภทกระดาษเยอะมากๆ การจัดโชว์สินค้าของเค้าทำให้ดูง่าย เป็นระบบระเบียบ เท่าที่สังเกตนะ ร้านเครื่องเขียน ปกติเราก็จะเจอแต่เด็กวัยรุ่นวัยเรียน ไม่ค่อยเจอผู้ใหญ่วัยคุณลุงคุณป้า แต่ที่นี่กลับตรงข้ามนะโดยเฉพาะพวกโซนกระดาษ งานฝีมือ เจอคุณลุงคุณป้าแปลกดี









ต่อไปของกินบ้างดีกว่า  เดินเยอะจนหิว เจอร้านนี้ข้างทาง ก็เลยเข้าไปกินโดยบังเอิญ เป็นร้านนั่งเคาเตอร์แบบเน้นกินเร็วไปเร็ว เป็นเมนูข้าวหน้าปลาดิบ อร่อย ให้เยอะ ไม่แพงมาก





ของหวานเจ้านี้ ซื้อกินโดยบังเอิญอีกเช่นกัน  เป็นไดฟุกุมีไส้ถั่วแดง / มัชชะ  แล้วก็มีเกาลัดอยู่ในสุด (ร้านอยู่ใกล้ๆกับ Manneken ร้านวาฟเฟิลชื่อดังนะ) เราลองซื้อไส้มัชชะมากิน อร่อยดีนะ ไม่หวานเกินไป หนุบหนับๆ




ร้านสุดท้ายที่จะพาไปกินคือร้าน มิโดริซูชิ ร้านดังที่ต้องเข้าคิวรอ เราโชคดีมาก เป็นคิวสุดท้ายของวัน วันที่ไปเป็นวันธรรมดา ถือว่ารอไม่นานมากนะ ไม่ถึงชั่วโมงก็ได้เข้าไปกิน เกือบไม่ทันแล้ววว




เราสั่งเซ็ตใหญ่1เซ็ต แล้วก็สั่งแยกอีก เยอะไปหน่อยสำหรับสองคน ฮ่าๆๆ พอเค้าจะปิดกินไม่ทัน เสียดายมากก

---