ที่มา:
http://www.matichon.co.th/news/59956
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า แผนพัฒนาประเทศในระยะเวลา 5 ปี ของทางการจีนที่มีการเปิดเผยออกมาในระหว่างการเปิดประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) หรือรัฐสภาของจีน ในวันเดียวกันนี้ คาดการณ์ว่าประชากรจีนจะเพิ่มขึ้นราว 45 ล้านคนภายในปีค.ศ.2020 หรือจะมีจำนวนประชากรรวมเป็นทั้งสิ้น 1,420 ล้านคน โดยการคาดการณ์ดังกล่าวออกมาในท่ามกลางสภาวการณ์ที่จีนยังคงเผชิญกับปัญหาวิกฤตทางประชากรศาสตร์มากขึ้น อันเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายลูกคนเดียวมานานของจีน
การคาดการณ์ข้างต้นแตกต่างจากแผนพัฒนาประเทศระยะ 5 ปีฉบับก่อนที่ออกมาในปี ค.ศ.2011 ที่รัฐบาลจีนยังคงจำกัดคู่สามีภรรยาชาวจีนให้มีบุตรได้เพียงคนเดียว และมุ่งควบคุมจำนวนประชากรในประเทศให้มีไม่เกิน 1,390 ล้านคน ในปี ค.ศ.2015
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทางการจีนยืนยันว่านโยบายวางแผนครอบครัวเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญรุ่งเรือง ทว่านโยบายดังกล่าวทำให้จีนต้องเผชิญกับปัญหาประชากรในวัยทำงานและเกิดความไม่สมดุลทางเพศขึ้นในสังคมจีน เป็นผลให้ในปีนี้รัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายนโยบายลูกคนเดียวมากขึ้น โดยอนุญาตให้คู่สามีภรรยาชาวจีนมีบุตรได้ 2 คน ทว่าพ่อแม่ชาวจีนส่วนใหญ่กลับเกิดความลังเลที่จะมีบุตรเพิ่ม เนื่องจากจะทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นไปด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังให้คำมั่นที่จะจัดการกับปัญหาอัตราส่วนเฉลี่ยเพศทารกแรกเกิดที่ถูกบิดเบือนอันเป็นผลมาจากการทำแท้งเพื่อเลือกเพศทารกในครรภ์หรือการฆ่าทารกที่พุ่งเป้าที่เป็นทารกเพศหญิง ซึ่งเป็นผลมาจากค่านิยมทางสังคมของชาวจีนที่นิยมลูกชายมากกว่าลูกสาว
รายงานระบุว่า การตั้งเป้าคาดการณ์ประชากรในประเทศของจีนที่เพิ่มขึ้นในปี ค.ศ.2020 จะเป็นการเร่งอัตราการเติบโตของประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจีนมีประชากรเพิ่มขึ้น 33 ล้านคน โดยจนถึงสิ้นปี ค.ศ.2015 จีนมีประชากรทั้งสิ้น 1,370 ล้านคน โดยที่อัตราการเกิดลดลงไป 320,000 ราย ทั้งนี้ จีนดำเนินนโยบายลูกคนเดียวมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 ส่งผลให้อัตราส่วนเฉลี่ยทารกเพศชายแรกเกิดเมื่อเทียบกับเพศหญิงอยู่ที่ 114.7 ในช่วงปี ค.ศ.1980-2014 นั้นส่งผลให้ชายชาวจีนมากกว่า 30 ล้านคน มีความเสี่ยงที่จะต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีภรรยา
AFP:
http://asia.afpmobile.com/pl/svt/si/afp/po/opint/sc/afp_en_asipaci/dk/afpmobile.03-05-2016.1279/ms/rNXdyC3zuZ/r/1457192072/pa/300898
จีนตั้งเป้าเพิ่มประชากร 45 ล้านคนใน 5 ปี
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า แผนพัฒนาประเทศในระยะเวลา 5 ปี ของทางการจีนที่มีการเปิดเผยออกมาในระหว่างการเปิดประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) หรือรัฐสภาของจีน ในวันเดียวกันนี้ คาดการณ์ว่าประชากรจีนจะเพิ่มขึ้นราว 45 ล้านคนภายในปีค.ศ.2020 หรือจะมีจำนวนประชากรรวมเป็นทั้งสิ้น 1,420 ล้านคน โดยการคาดการณ์ดังกล่าวออกมาในท่ามกลางสภาวการณ์ที่จีนยังคงเผชิญกับปัญหาวิกฤตทางประชากรศาสตร์มากขึ้น อันเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายลูกคนเดียวมานานของจีน
การคาดการณ์ข้างต้นแตกต่างจากแผนพัฒนาประเทศระยะ 5 ปีฉบับก่อนที่ออกมาในปี ค.ศ.2011 ที่รัฐบาลจีนยังคงจำกัดคู่สามีภรรยาชาวจีนให้มีบุตรได้เพียงคนเดียว และมุ่งควบคุมจำนวนประชากรในประเทศให้มีไม่เกิน 1,390 ล้านคน ในปี ค.ศ.2015
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทางการจีนยืนยันว่านโยบายวางแผนครอบครัวเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญรุ่งเรือง ทว่านโยบายดังกล่าวทำให้จีนต้องเผชิญกับปัญหาประชากรในวัยทำงานและเกิดความไม่สมดุลทางเพศขึ้นในสังคมจีน เป็นผลให้ในปีนี้รัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายนโยบายลูกคนเดียวมากขึ้น โดยอนุญาตให้คู่สามีภรรยาชาวจีนมีบุตรได้ 2 คน ทว่าพ่อแม่ชาวจีนส่วนใหญ่กลับเกิดความลังเลที่จะมีบุตรเพิ่ม เนื่องจากจะทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นไปด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังให้คำมั่นที่จะจัดการกับปัญหาอัตราส่วนเฉลี่ยเพศทารกแรกเกิดที่ถูกบิดเบือนอันเป็นผลมาจากการทำแท้งเพื่อเลือกเพศทารกในครรภ์หรือการฆ่าทารกที่พุ่งเป้าที่เป็นทารกเพศหญิง ซึ่งเป็นผลมาจากค่านิยมทางสังคมของชาวจีนที่นิยมลูกชายมากกว่าลูกสาว
รายงานระบุว่า การตั้งเป้าคาดการณ์ประชากรในประเทศของจีนที่เพิ่มขึ้นในปี ค.ศ.2020 จะเป็นการเร่งอัตราการเติบโตของประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจีนมีประชากรเพิ่มขึ้น 33 ล้านคน โดยจนถึงสิ้นปี ค.ศ.2015 จีนมีประชากรทั้งสิ้น 1,370 ล้านคน โดยที่อัตราการเกิดลดลงไป 320,000 ราย ทั้งนี้ จีนดำเนินนโยบายลูกคนเดียวมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 ส่งผลให้อัตราส่วนเฉลี่ยทารกเพศชายแรกเกิดเมื่อเทียบกับเพศหญิงอยู่ที่ 114.7 ในช่วงปี ค.ศ.1980-2014 นั้นส่งผลให้ชายชาวจีนมากกว่า 30 ล้านคน มีความเสี่ยงที่จะต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีภรรยา
AFP: http://asia.afpmobile.com/pl/svt/si/afp/po/opint/sc/afp_en_asipaci/dk/afpmobile.03-05-2016.1279/ms/rNXdyC3zuZ/r/1457192072/pa/300898