วงการแพทย์ได้ใช้ยาเพนนิซิลินบำบัดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดมาตั้งแต่ 87 ปีที่แล้วแต่มาถึงตอนนี้มีเชื้อเเบคทีเรียหลายชนิดดื้อต่อยาปฏิชีวนะมากขึ้น
ในปี 2015 องค์การอนามัยโลกเตือนว่าเรากำลังถอยหลังกลับไปสู่ยุคก่อนหน้ายาปฏิชีวนะที่จะมีคนเสียชีวิตกันมากขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียทั่วๆ ไป
ด็อกเตอร์ไมเคิ่ล เบล แห่งสำนักงานควบคุมโรคแห่งสหรัฐหรือ CDC กล่าวว่าในอินเดียเพียงประเทศเดียว ประมาณว่ามีเด็กทารกราว 58,000 คนที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคดื้อยาเพียงชนิดเดียวภายในหนึ่งปีเท่านั้น สำนักงาน CDC ประมาณว่ามีคนในสหรัฐฯเสียชีวิต 23,000 รายในปี 2014 จากเชื้อโรคดื้อยา
ด็อกเตอร์ไมเคิ่ล เบล กล่าวว่าปัญหาเชื้อโรคดื้อยาเป็นปัญหาใหญ่ ที่ผ่านมาเราเคยมียาปฏิชีวนะหลายชนิดเพื่อใช้บำบัดโรค และเมื่อยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่งใช้ไม่ได้ผล เราจะปรับไปใช้ยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์แรงขึ้น แต่มาถึงขณะนี้เราไม่มียาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์แรงหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
เชื้อแบคทีเรียวิวัฒนาการตลอดเวลา เชื้อแบคทีเรียที่ยาปฏิชีวนะไม่สามารถกำจัดได้จึงขยายพันธุ์ต่อไป
ปกติตัวยาปฏิชีวนะเองไม่ก่อให้เกิดการดื้อยา แต่การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งของการเกิดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาชนิดต่างๆ
ที่เลวร้ายกว่านั้น คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่ายาปฏิชีวนะมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่สามารถใช้บำบัดการติดเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัดใหญ่หรือเป็นหวัดธรรมดา
เพื่อแก้ปัญหานี้ บรรดานักวิทยาศาสตร์กำลังหาทางพัฒนายาตัวใหม่ๆออกมา พร้อมไปกับการหาทางคงรักษายาปฏิชีวนะที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้ต่อไป
ผลการศึกษาโดยสำนักงานป้องกันโรคแห่งสหรัฐพบว่า โรงพยาบาลในสหรัฐใช้ยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์แรงเกินไปและใช้ยามากความจำเป็น ทางสำนักงานได้ร้องขอให้บรรดาแพทย์ในโรงพยาบาลมีความระมัดระวังมากขึ้นในการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรค นอกจากนี้ สำนักงาน CDC ยังกำลังศึกษาถึงต้นเหตุต่างๆ ของการติดเชื้ออีกด้วย
ปัญหาเชื้อเเบคทีเรียดื้อยา นอกจากจะเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปเเล้ว ยังมีสาเหตุความบกพร่องในการรักษาความสะอาดซึ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียดื้อยาแพร่ระบาด
บนหน้าเว็บไซต์สำนักงาน CDC เเนะนำให้ประชาชนทั่วไปให้รับประทานยาปฏิชีวนะจนหมดตามปริมาณที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการป่วยจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ต้องเพิ่มความพยายามในการลดปัญหาเชื้อเเบคทีเรียดื้อยาในระดับทั่วโลกอย่างเร่งด่วนอีกด้วย เพื่อป้องกันวิกฤติการณ์ทางสาธารณสุขอย่างที่เคยเกิดขึ้นในยุคก่อนหน้ายาปฏิชีวนะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก voathai.com
Report by LIV APCO
ปัญหาเชื้อแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ...กำลังเป็นปัญหาใหญ่
ในปี 2015 องค์การอนามัยโลกเตือนว่าเรากำลังถอยหลังกลับไปสู่ยุคก่อนหน้ายาปฏิชีวนะที่จะมีคนเสียชีวิตกันมากขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียทั่วๆ ไป
ด็อกเตอร์ไมเคิ่ล เบล แห่งสำนักงานควบคุมโรคแห่งสหรัฐหรือ CDC กล่าวว่าในอินเดียเพียงประเทศเดียว ประมาณว่ามีเด็กทารกราว 58,000 คนที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคดื้อยาเพียงชนิดเดียวภายในหนึ่งปีเท่านั้น สำนักงาน CDC ประมาณว่ามีคนในสหรัฐฯเสียชีวิต 23,000 รายในปี 2014 จากเชื้อโรคดื้อยา
ด็อกเตอร์ไมเคิ่ล เบล กล่าวว่าปัญหาเชื้อโรคดื้อยาเป็นปัญหาใหญ่ ที่ผ่านมาเราเคยมียาปฏิชีวนะหลายชนิดเพื่อใช้บำบัดโรค และเมื่อยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่งใช้ไม่ได้ผล เราจะปรับไปใช้ยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์แรงขึ้น แต่มาถึงขณะนี้เราไม่มียาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์แรงหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
เชื้อแบคทีเรียวิวัฒนาการตลอดเวลา เชื้อแบคทีเรียที่ยาปฏิชีวนะไม่สามารถกำจัดได้จึงขยายพันธุ์ต่อไป
ปกติตัวยาปฏิชีวนะเองไม่ก่อให้เกิดการดื้อยา แต่การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งของการเกิดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาชนิดต่างๆ
ที่เลวร้ายกว่านั้น คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่ายาปฏิชีวนะมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่สามารถใช้บำบัดการติดเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัดใหญ่หรือเป็นหวัดธรรมดา
เพื่อแก้ปัญหานี้ บรรดานักวิทยาศาสตร์กำลังหาทางพัฒนายาตัวใหม่ๆออกมา พร้อมไปกับการหาทางคงรักษายาปฏิชีวนะที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้ต่อไป
ผลการศึกษาโดยสำนักงานป้องกันโรคแห่งสหรัฐพบว่า โรงพยาบาลในสหรัฐใช้ยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์แรงเกินไปและใช้ยามากความจำเป็น ทางสำนักงานได้ร้องขอให้บรรดาแพทย์ในโรงพยาบาลมีความระมัดระวังมากขึ้นในการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรค นอกจากนี้ สำนักงาน CDC ยังกำลังศึกษาถึงต้นเหตุต่างๆ ของการติดเชื้ออีกด้วย
ปัญหาเชื้อเเบคทีเรียดื้อยา นอกจากจะเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปเเล้ว ยังมีสาเหตุความบกพร่องในการรักษาความสะอาดซึ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียดื้อยาแพร่ระบาด
บนหน้าเว็บไซต์สำนักงาน CDC เเนะนำให้ประชาชนทั่วไปให้รับประทานยาปฏิชีวนะจนหมดตามปริมาณที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการป่วยจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ต้องเพิ่มความพยายามในการลดปัญหาเชื้อเเบคทีเรียดื้อยาในระดับทั่วโลกอย่างเร่งด่วนอีกด้วย เพื่อป้องกันวิกฤติการณ์ทางสาธารณสุขอย่างที่เคยเกิดขึ้นในยุคก่อนหน้ายาปฏิชีวนะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก voathai.com
Report by LIV APCO