ที่เที่ยวแรกที่เรามาวันนี้ คือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ ( National Museum of Singapore ) ค่าเช้าฟรีเฉพาะวันนั้น ( ปรกติราคา 10 SGD )
ความจริงจะบอกว่าเป็นสถานที่ที่ควรแค่แกการเข้าชมมากๆเพราะ ภายในแบ่งการแสดงหลากหลายโซน บอกเล่าเรื่องราวของสิงคโปร์ไว้ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน เดินชมได้เรื่อยๆสนุกมากสำหรับคนชอบศึกษาเรื่องราว แต่ใครที่ภาษาไม่แข็งแรงไม่เป็นไร แค่ได้เดินเข้าไปก็เหมือนเราได้ย้อนอดีตไปด้วยแล้ว
เป็นไงบ้างลงรูปเยอะพอสมควร แต่นี้ยังไม่หมดนะลองไปดูเองกับตาดีกว่า มันสนุกมากเราใช้เวลาเดินอยู่ที่นี้ 1-2 ชั่วโมงใกล้เที่ยงแล้วเริ่มออกจากนี้นี้แล้วมุ่งหน้าไปหาข้าวเที่ยงกัน จุดมุ่งหมายเร้าอยู่ที่บะกุ๊ตเต๊ น้ำใส อ่านรีวิวแล้วเห็นบอกว่ามีหลายร้านอร่อย วันนี้เราไปกินที่ร้าน Song Fa Bak Kut Teh
จะถึงแล้วร้านบะกุ๊ตเต๊ที่พวกเราตามหา ตั่งอยู่ที่ Clark Quay หากใครมารถไฟฟ้าพอออกจากสถานีจะเห็น ร้าน Song Fa Bak Kut Teh ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที แต่พวกเรานักเดินไม่ได้นั่งรถ เราเจอมาเรื่อยๆจะเจอร้าน เพียงเห็นร้านเท่านั้นท้องร้องเชียว
เดินข้ามสะพาน
เดินชมย่านธุรกิจ แหล่งช๊อปปิ้งของที่นี้ เดินไปเดินมาคิดขึ้นมาได้อ่อมานี้ควรแวะไป ดูCharles & Keith สะหน่อยที่นี้ราคาถูกว่าช๊อปไทยพอสมควรนะสาวๆ
Charles & Keith หาไม่ยากเลยส่วนมากมีอยู่ในห้างที่ห้างของที่นี้ บ้างช๊อปเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน
[CR] เมื่อฉันแบกเป้ ตะลุยเมืองลอดช่อง " สิงคโปร์ " 3 คืน 4 วัน EP.3
กลับมาอีกครั้ง EP.3 วันนี้จะเล่าการเดินทางให้หมดทริปเลยคะ วันนี้เราเที่ยวกันแต่ในเมือง และเน้นช๊อปปิ้งบ้างนิดหน่อย และที่พลาดไม่ได้การตามล่าของกินอร่อยตามลายแทง ตื่นเช้านี้ทานอาหารโรงแรมเหมือนเดิม คุณป้าที่แนะนำให้พวกเราเจอแหล่งของกินเมื่อคืนมาทักทาย ถามว่าพวกเราตามหาปูผัดพริกเจอมั้ย หันไปยิ้มเบาๆไม่เจอคะแต่เจอของกินอย่างอื่นที่อร่อยสุดๆแทน คุณป้าบอกว่าวันนี้มีเวลาของให้พวกเราตามหาปูให้เจอนะ เริ่มเดินทางกันเลย
ที่เที่ยวแรกที่เรามาวันนี้ คือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ ( National Museum of Singapore ) ค่าเช้าฟรีเฉพาะวันนั้น ( ปรกติราคา 10 SGD )
ความจริงจะบอกว่าเป็นสถานที่ที่ควรแค่แกการเข้าชมมากๆเพราะ ภายในแบ่งการแสดงหลากหลายโซน บอกเล่าเรื่องราวของสิงคโปร์ไว้ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน เดินชมได้เรื่อยๆสนุกมากสำหรับคนชอบศึกษาเรื่องราว แต่ใครที่ภาษาไม่แข็งแรงไม่เป็นไร แค่ได้เดินเข้าไปก็เหมือนเราได้ย้อนอดีตไปด้วยแล้ว
เป็นไงบ้างลงรูปเยอะพอสมควร แต่นี้ยังไม่หมดนะลองไปดูเองกับตาดีกว่า มันสนุกมากเราใช้เวลาเดินอยู่ที่นี้ 1-2 ชั่วโมงใกล้เที่ยงแล้วเริ่มออกจากนี้นี้แล้วมุ่งหน้าไปหาข้าวเที่ยงกัน จุดมุ่งหมายเร้าอยู่ที่บะกุ๊ตเต๊ น้ำใส อ่านรีวิวแล้วเห็นบอกว่ามีหลายร้านอร่อย วันนี้เราไปกินที่ร้าน Song Fa Bak Kut Teh
ระหว่างทางเดินเราผ่านพิพิธภัณฑ์แสตมป์แห่งชาติสิงคโปร์
ผ่านมาสักพัก เดินมาถึงสถานีดับเพลิง ที่นี้ประตูบานใหญ่สีแดงสด แวะถ่ายรูปกันสะหน่อย
เดินมาเรื่อยๆ เจอตึกสีขาว ไม่รู้จักชื่อ แต่หน้าต่างสีสวยมาก เหมือนสีรุ้งเลย แวะเก็บรูปอีกหน่อย
จะถึงแล้วร้านบะกุ๊ตเต๊ที่พวกเราตามหา ตั่งอยู่ที่ Clark Quay หากใครมารถไฟฟ้าพอออกจากสถานีจะเห็น ร้าน Song Fa Bak Kut Teh ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที แต่พวกเรานักเดินไม่ได้นั่งรถ เราเจอมาเรื่อยๆจะเจอร้าน เพียงเห็นร้านเท่านั้นท้องร้องเชียว
เดินข้ามสะพาน
เห็นป้ายร้านอยู่ฝั่งตรงข้าม พร้อมเห็นแถวคิวเข้าคิวยาวทรมานท้องเหลือเกิน แต่ผิดคาดเราต่อคิวเพียง 10 นาทีก็มีโต๊ะนั่งแล้ว
เอาว่าสั้นๆคำเดียว อร่อยมาก เนื้อไม่เหนียวเลย กัดตรงไหนนุ่มตรงนั้น แม้แต่กระดูกอ่อนก็หวานเคี้ยวได้ น้ำซุปที่นี้เติมได้ไม่อั้น
กลับมาไทยพยายามหาว่าที่ร้านไหนที่ทำรสชาติ น้ำซุปและต้มหมูได้นุ่มแบบที่นี้ยังหาไม่เจอเลยคะ หรือใครเจอแล้วกระซิบบอกทีนะ
อิ่มท้องเรา เราเดินทางกันต่อ
ย่านต่อไปที่เราไปคือย่านชุมชนอินเดีย ( ไม่ต้องแปลกใจประเทศเล็กๆแบบนี้มีทุกเชื้อชาติจริงๆ )
ช๊อปปิ้งที่แรกวันนี้ที่ตึกที่เค้าว่ากันว่าน้ำหอมราคาถูกมาก อันนี้ขอตามไปดูหน่อย ตึกมุสตาฟา คนค่อยข้างเยอะ ที่นี้ต้องลีอคซิปกระเป๋าก่อนเข้าไป เพราะเค้ากลัวขโมยของออกมา แต่เตือนถ้าไปกันเองมีแต่สาวๆ ต้องระวังตัวหน่อยรู้สึกที่นี้มีแต่แขก เยอะมากแล้วเดินตัวติดๆประชิดเราตลอด แนะนำว่าให้มีผู้ชายไปด้วยน่าจะดีกว่าคะ
ได้น้ำหอมติดไม้ติดมือมาหน่อย ( ใครที่ถามว่าของแท้มั้ย อันนี้ไม่คอนเฟิมอีกกว่าลองมาดูเองนะคะ )
ย่านต่อไปที่เราจะไป ที่นี้ก็คล้ายๆ สยามบ้านเรานั้นหละ ที่นี่คือ ย่านออร์ชาร์ด สิงคโปร์
สถานีรถไฟที่นี้ เค้าขึ้นมาก็เจอห้างเลยคะ ลงแถวออร์ชาร์ด มีทางออกหลายทางเลือกได้เลยว่าจะเริ่มเดินตรงไหนก่อนดี
เดินชมย่านธุรกิจ แหล่งช๊อปปิ้งของที่นี้ เดินไปเดินมาคิดขึ้นมาได้อ่อมานี้ควรแวะไป ดูCharles & Keith สะหน่อยที่นี้ราคาถูกว่าช๊อปไทยพอสมควรนะสาวๆ
Charles & Keith หาไม่ยากเลยส่วนมากมีอยู่ในห้างที่ห้างของที่นี้ บ้างช๊อปเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน
คืนนี้เราฝากท้องไชน่าทาว์นอีกครั้ง เพราะคืนนี้เรามีภาระกิจตามหาปูผัดพริก อาหารแนะนำของสิงคโปร์
ร้านน้ำผลไม้ลุงกับป้า เจ้าเดิมที่เราทานคืนแรก วันนี้เราสั่งเมนูใหม่ทานดู รสชาติใช้ได้
แถมความหวาน ด้วยน้ำผลไม้กระป๋องน่ารักที่บ้านเราเลิกจำหน่ายไปละ น้ำคูล
และแล้วคะท่านผู้ชม เราเจอร้านปูผัดพริกที่เราตามหาจนได้ ร้านนี้เปิดช่วงกลางวันนะคะ ประมาณ1 ทุ่มยังเปิดอยู่ ใครมาดึกกว่านี้อาจจะหาไม่เจอเพราะร้านเค้าปิดไวคะ
ทานแล้วเนื้อปูสด ชิ้นอาจจะไม่ใหญ่เท่าร้านดังๆ แต่ว่าขนาดนี้ก้โอเค เมนูที่อยากให้ชิมกันอีกอย่างคือปลานึงซีอิ้ว หัวปลาครึ่งตัว ใส่เต็มจานเสริฟร้อนๆ ทานกันข้าวสวยอร่อยมาก ปลาเนื้อหวาน ที่สำคัญไม่แพงด้วยเมนูนี้ไม่เกิน 250 บาท ทานได้หลายคนอิ่มเลย ส่วนปูผัดจำไม่ผิดไม่เกิน 600 บาทคะ
เช้าวันสุดท้ายของการเที่ยวสิงคโปร์ เราเดินเที่ยวรอบๆที่พักไม่ไกลมาก
เช้านี้เราไปทานอาหารที่ แม็กเวลว่ากันว่ายังมีเมนูโจ๊กรออยู่ให้ชิมความอร่อย รออะไรไปกินกันเลยดีกว่า
เจอแล้วร้านดังตามพันทิป คนเข้าคิวยาวเลย แสดงว่าเด็ดจริงสินะ โจ๊กร้อนๆ เสริฟแล้วชิมกันเลยดีกว่า อร่อยตามท้องเรื่องอีกแล้ว มานี้มีแต่ของอร่อยชิมไม่ผิดหวังจริงๆ
ราคานี้มีหลายไซด์เลยเลือกเอาตามความอิ่มเลยอยากได้ไซด์ไหนก็ได้คะ สั่งเลยกลิ่นหอมๆเริ่มลอยมากวนจมูกเราละ
เดินออกมาจากศูนย์อาหารไม่ไกลเราจะเจอ สิงคโปร์ซิตี้ แกลลอรี่ ที่นี้จัดแสดงผังประเทศพร้อมทั้งโชว์ศิลปะที่บอกเรื่องราวของประเทศไว้หลายยุคหลายสมัย
ไฟล์บินวันนี้กลับช่วงหัวค่ำ เราเดิมชมแกลอรี่ได้สักพักก็กลับไปที่ห้องพักไปเตรียมกระเป๋า เพื่อเดินทางกลับและ แวะที่เอ้าเลทก่อนถึงสนามบินด้วย
ที่นี้เองที่เราพูดถึง ในห้างนี้ส่วนมากจะมีแต่อุปกรณ์กีฬา รองเท้า ไนกี้ พูม่า หลายแบรนด์ราคาไม่แพงมากให้เลือกซื้อ
แวะทานข้าวเย็นที่ฟู๊ดเซนเตอร์
ก่อนกลับใครช๊อปแล้วอย่าลืมแวะเอาเงินคืนภาษีด้วยนะคะ ที่สถานบินทำง่ายๆด้วยตัวเองเลย
ปิดท้ายก่อนกลับชิมลูกอมที่สนามบินสุดอร่อยอีกแล้วครับท่าน