ช่วงเช้าที่ผ่านมา คงไม่มีเหตุการณ์ไหนครึกโครมในกระแสโซเชียลมากไปกว่าการที่ลีโอนาโด ดิคาปริโอ นักแสดงหนุ่มชาวอเมริกัน คว้ารางวัลออสการ์เป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากเข้าชิงรางวัลนี้เป็นครั้งที่ 5
ก่อนหน้านี้ลีโอนาโดมีชื่อเสียงจากการเป็นนักแสดงหนุ่มหน้าตาดีจากการรับบทเป็นจูเลียตใน Romeo + Juliet (1996) และแจ็ค ดอว์สันใน Titanic (1997) ก่อนที่ระยะหลังเขาจะเลือกรับบทบาทการแสดงที่ท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นอีกคนหนึ่งที่มีครบทั้งหน้าตาและความสามารถ
โดยการเข้าชิงออสการ์ครั้งแรกของลีโอนาโดนั้น เกิดขึ้นเมื่อปี 1994 ในออสการ์ครั้งที่ 67 เมื่อเขาอายุได้ 19 ปี โดยเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก What’s Eating Gilbert Grape (1993) ซึ่งเขารับบทเป็นเด็กหนุ่มบกพร่องทางสมอง ต่อมา ในปี 2005 เขาเข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Aviator (2004) แต่ก็พลาดให้เจมี่ ฟ็อกซ์จาก Ray (2004)
ลีโอนาโดใน What’s Eating Gilbert Grape (1993)
ลีโอนาโดใน The Wolf of Wall Street (2013)
การเข้าชิงออสการ์ครั้งที่ 3 รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในชีวิตของลีโอนาโด คือบทบาททหารรับจ้างจาก Blood Diamond (2006) แต่ออสการ์นำชายในปีนั้นตกเป็นของ ออสการ์ก็ตกเป็นของฟอเรสต์ วิตเทกเกอร์ จาก The Last King of Scotland (2006) ในบทไอดี อามิน-ผู้นำจอมเผด็จการในประเทศอูกันดา
ออสการ์ครั้งที่ 4 ในชีวิตของลีโอนาโดนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2014 ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Wolf of Wall Street (2013) กำกับโดยมาร์ติน สกอร์เซซี แต่ในสาขาเดียวกันนั้น เขาพ่ายให้กับภาพยนตร์อีกเรื่องอย่าง 12 Years a Slave (2013) กำกับโดยสตีฟ แม็คควีน
และหลังจากพลาดคว้ารางวัลอยู่สี่ครั้ง โลกโซเชียลก็พากันให้กำลังใจกึ่งเย้าแหย่อย่างขบขัน ด้วยตัดต่อภาพล้อเลียนถึงลีโอนาโดที่ไม่เคยได้รางวัลออสการ์แม้สักครั้ง
ไม่มีออสการ์ไม่เป็นไรย่ะ ยังไงเราก็มีมีมนะ!
จับให้ได้ถ้านายแน่จริง
จนในที่สุด การเข้าชิงออสการ์ครั้งที่ 5 ในปี 2016 ซึ่งเกิดขึ้นในค่ำคืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ลีโอนาโดก็คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก The Revenant (2015) ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของเพื่อนร่วมวงการบันเทิงและผู้ชมที่คอยลุ้นอยู่ที่บ้าน
แน่นอนว่าโลกโซเชียลไม่พลาดที่ให้กำลังใจกึ่งหยอกล้อนักแสดงหนุ่มด้วยการส่งภาพตัดต่อมาล้อเลียนอีกตามเคย
เพจ Grab ยังบอกว่าเรียกแท็กซี่ยังเร็วกว่าพี่ลีโอรอรางวัลออสการ์
เพจ Filmzlap บอกว่า นี่คืออารมณ์หลังจากที่ลีโอนาโดรับรางวัลออสการ์แล้ว
ขณะที่โลกฟุตบอลเองก็มีเรื่องให้ฮาเฮเช่นกัน กล่าวคือระหว่างการดวลแข้งของทีมยักษ์อย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกับอาร์เซนอล หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือจากทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ก็สาธิตท่าพุ่งล้มอย่างเนียนๆ ให้ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินที่ 4 จนบรรดาชาวเน็ตแห่ตัดต่อภาพโค้ชชาวดัตช์กับหมีในภาพยนตร์เรื่อง The Revenant (2015) ที่เรียกได้ว่าล้มได้เนียนจนน่าส่งไปชิงออสการ์ด้วยอีกคน ก็เป็นภาพตัดต่ออีกภาพที่เรียกเสียงฮาไปตามๆ กัน
อย่างไรก็ดี กระแสโซเชียลยังแซวไปถึงสองนักแสดงหนุ่มหล่อมากฝีมืออย่างแบรด พิตต์ และจอห์นนี่ เด็ปป์ ที่จนทุกวันนี้ ก็ยังไม่ได้คว้าออสการ์ในฐานะนักแสดงนำอย่างเป็นจริงเป็นจังสักที
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news/53798
ควันหลงออสการ์! ของ “ลีโอนาโด ดิคาร์ปริโอ” เมื่อชาวเน็ตแห่ตัดต่อภาพแซว
ช่วงเช้าที่ผ่านมา คงไม่มีเหตุการณ์ไหนครึกโครมในกระแสโซเชียลมากไปกว่าการที่ลีโอนาโด ดิคาปริโอ นักแสดงหนุ่มชาวอเมริกัน คว้ารางวัลออสการ์เป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากเข้าชิงรางวัลนี้เป็นครั้งที่ 5
ก่อนหน้านี้ลีโอนาโดมีชื่อเสียงจากการเป็นนักแสดงหนุ่มหน้าตาดีจากการรับบทเป็นจูเลียตใน Romeo + Juliet (1996) และแจ็ค ดอว์สันใน Titanic (1997) ก่อนที่ระยะหลังเขาจะเลือกรับบทบาทการแสดงที่ท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นอีกคนหนึ่งที่มีครบทั้งหน้าตาและความสามารถ
โดยการเข้าชิงออสการ์ครั้งแรกของลีโอนาโดนั้น เกิดขึ้นเมื่อปี 1994 ในออสการ์ครั้งที่ 67 เมื่อเขาอายุได้ 19 ปี โดยเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก What’s Eating Gilbert Grape (1993) ซึ่งเขารับบทเป็นเด็กหนุ่มบกพร่องทางสมอง ต่อมา ในปี 2005 เขาเข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Aviator (2004) แต่ก็พลาดให้เจมี่ ฟ็อกซ์จาก Ray (2004)
ลีโอนาโดใน What’s Eating Gilbert Grape (1993)
ลีโอนาโดใน The Wolf of Wall Street (2013)
การเข้าชิงออสการ์ครั้งที่ 3 รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในชีวิตของลีโอนาโด คือบทบาททหารรับจ้างจาก Blood Diamond (2006) แต่ออสการ์นำชายในปีนั้นตกเป็นของ ออสการ์ก็ตกเป็นของฟอเรสต์ วิตเทกเกอร์ จาก The Last King of Scotland (2006) ในบทไอดี อามิน-ผู้นำจอมเผด็จการในประเทศอูกันดา
ออสการ์ครั้งที่ 4 ในชีวิตของลีโอนาโดนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2014 ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Wolf of Wall Street (2013) กำกับโดยมาร์ติน สกอร์เซซี แต่ในสาขาเดียวกันนั้น เขาพ่ายให้กับภาพยนตร์อีกเรื่องอย่าง 12 Years a Slave (2013) กำกับโดยสตีฟ แม็คควีน
และหลังจากพลาดคว้ารางวัลอยู่สี่ครั้ง โลกโซเชียลก็พากันให้กำลังใจกึ่งเย้าแหย่อย่างขบขัน ด้วยตัดต่อภาพล้อเลียนถึงลีโอนาโดที่ไม่เคยได้รางวัลออสการ์แม้สักครั้ง
ไม่มีออสการ์ไม่เป็นไรย่ะ ยังไงเราก็มีมีมนะ!
จับให้ได้ถ้านายแน่จริง
จนในที่สุด การเข้าชิงออสการ์ครั้งที่ 5 ในปี 2016 ซึ่งเกิดขึ้นในค่ำคืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ลีโอนาโดก็คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก The Revenant (2015) ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของเพื่อนร่วมวงการบันเทิงและผู้ชมที่คอยลุ้นอยู่ที่บ้าน
แน่นอนว่าโลกโซเชียลไม่พลาดที่ให้กำลังใจกึ่งหยอกล้อนักแสดงหนุ่มด้วยการส่งภาพตัดต่อมาล้อเลียนอีกตามเคย
เพจ Grab ยังบอกว่าเรียกแท็กซี่ยังเร็วกว่าพี่ลีโอรอรางวัลออสการ์
เพจ Filmzlap บอกว่า นี่คืออารมณ์หลังจากที่ลีโอนาโดรับรางวัลออสการ์แล้ว
ขณะที่โลกฟุตบอลเองก็มีเรื่องให้ฮาเฮเช่นกัน กล่าวคือระหว่างการดวลแข้งของทีมยักษ์อย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกับอาร์เซนอล หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือจากทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ก็สาธิตท่าพุ่งล้มอย่างเนียนๆ ให้ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินที่ 4 จนบรรดาชาวเน็ตแห่ตัดต่อภาพโค้ชชาวดัตช์กับหมีในภาพยนตร์เรื่อง The Revenant (2015) ที่เรียกได้ว่าล้มได้เนียนจนน่าส่งไปชิงออสการ์ด้วยอีกคน ก็เป็นภาพตัดต่ออีกภาพที่เรียกเสียงฮาไปตามๆ กัน
อย่างไรก็ดี กระแสโซเชียลยังแซวไปถึงสองนักแสดงหนุ่มหล่อมากฝีมืออย่างแบรด พิตต์ และจอห์นนี่ เด็ปป์ ที่จนทุกวันนี้ ก็ยังไม่ได้คว้าออสการ์ในฐานะนักแสดงนำอย่างเป็นจริงเป็นจังสักที
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news/53798