ข้าพเจ้ามีเรื่องที่อยากเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคมได้รับรู้ หรือเป็นการเตือนภัยให้กับสังคม อยากสะท้อนไปถึงนักกฎหมาย นักสิ่งแวดล้อม องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หรือผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ให้รับรู้ถึงปัญหาหรือภัยสังคมอย่างหนึ่ง อยากให้เพื่อนๆในสังคมได้แสดงความคิดเห็นและถ้าหยิบยื่นความช่วยเหลือเข้ามาได้ก็ถือว่าได้ช่วยกันให้สังคมไทยน่าอยู่ยิ่งขึ้น เพราะยังมีคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนใกล้เคียงกับข้าพเจ้าคงจะได้รับผลกระทบอยู่ด้วยเพียงแต่เขายังไม่รู้หรือกลัวอะไรก็ตามอยู่ แต่ที่แน่ๆเขาได้รับผลกระทบไปพร้อมกับข้าพเจ้าทุกวันทุกคืน ต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจแต่เขายังไม่รู้ภัยมืดที่มันแอบแฝงจากผู้ที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่ได้สนใจสังคมรอบข้างที่อยู่รอบตัวเขา ขอเริ่มเรื่องเลยละกันนะ
ปัจจุบัน ข้าพเจ้าศึกษาในระดับปริญญาโทใบที่2 อยู่ในมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง (ไทย) โดยข้าพเจ้าพักอาศัยอยู่ในคอนโดแห่งหนึ่งมาประมาณปีนี้ก็เข้าปีที่21แล้ว เมื่อประมาณ10ปีก่อนมีอพาร์ทเม้นท์มาสร้างขึ้นข้างๆคอนโดของข้าพเจ้า โดยระเบียงคอนโดของข้าพเจ้าหันหน้าไปทางอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ หลังน้ำท่วม ในปี 2554 ผู้ดูแลอพาร์ทเม้นท์นี้ (ไม่ใช่เจ้าของ) กับลูกเขยนักเลงใหญ่ ก็เข้ามาประกอบการขายอาหารตามสั่งและขายก๋วยเตี๋ยว โดยด้านหน้าอพาร์ทเม้นท์จะเป็นห้องที่เปิดให้เช่าเพื่อทำการค้าขายได้  คงจะเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมร้ายอะไรก็ไม่ทราบดันมีผู้เช่ามาเช่าประมาณขายของชำ (จริงๆขายอะไรมากกว่านั้น ที่เขาห้ามขายเพราะติดสถานศึกษานั่นแหละ) เพราะด้านหลังคอนโดของข้าพเจ้ากับอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้อยู่ติดมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งนั่นเอง จะบอกว่าถึงไม่มีมาตรา 44 ออกมาก็คงจะขายไม่ได้นั่นแหละ แต่มีเจ้าหน้าที่หน่วยหนึ่งระดับรองหัวหน้าหน่วยบอกข้าพเจ้าว่าเขามีใบอนุญาตแต่ห้ามขายแล้วหลังจากมีมาตรา 44 ออกมา พ่อแม่พี่น้องก็วิเคราะห์กันเอาเองละกันนะว่าเหตุผลน่าจะคืออะไร จริงๆไม่อยากพูดประเด็นนี้แต่พอดีมันเกี่ยว เลยต้องเชื่อมโยงให้ทุกคนเห็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน โดยเมื่อผู้ดูแลกับลูกเขยนักเลงพร้อมผู้มาเช่าขายของปัญหาก็เกิดทันที เพราะผู้ดูแลมีหลักการตลาดที่สุดยอดจริงๆ ขอบอกเพราะแน่นอนเมื่อขายอาหารแล้วก็ต้องเอาใจวัยรุ่น นักเรียนนักศึกษากันด้วยการขายอย่างว่าที่กฎหมายเขาห้ามขายไปด้วยจะได้ลูกค้าแน่นตรึม แถมด้วยเครื่องเสียงชุดใหญ่ ติดตั้งอยู่ในร้านค้าด้านหน้านั่นหล่ะ เมื่ออาหารเข้าปาก .....เข้าปาก ก็ต้องตื๊ดๆไปด้วย มันถึงจะมันส์ สะใจวัยรุ่นวัยโจ๋ ขาแว้นประจำซอยทั้งหลาย แถมมีโปรโมชั่น อยากรับน้องร้องเพลงเชียร์ดึกดื่นแค่ไหนไม่ว่ามาเลย ด้านหน้าอพาร์ทเม้นท์จัดไป จะหนักขนาดไหนไม่ว่ากัน ป้าเคลียร์แล้วกับ....ไม่ต้องกลัว สรุปว่ากลางวันมันขายก็ตึ๊ดๆกันทั้งวัน จนถึง สี่ทุ่ม มันก็กลับไปนอนบ้านมัน แถมเขายังฉลาดเป็นกรด เห็นเซเว่นขาย24ชั่วโมง กลัวน้อยหน้าประมาณว่าฉันศึกษาการตลาดมาดี แถมมีลูกเขยนักเลงพรรคพวกมาก สายเเว้นประจำซอย เลยอะไรที่เซเว่นขายไม่ได้เพราะตามกฎหมายหลังเที่ยงคืนห้ามขาย มันเลยจัดให้ เก่งกว่าเซเว่นอีก เพราะเซเว่นยังขายไม่ได้ แต่มันขายได้ แน่ปะหล่ะ เพราะฉะนั้นความซวยของข้าพเจ้าเลยซ้ำสองเด้ง เพราะมันขายด้านหน้าโดยบริหารจัดการโดยลูกเขยนักเลงแล้วก็ต้องมีตึ๊ดๆ ไปด้วยสิ มันเลยจัดตึ๊ดๆกันทั้งคืนเลยที่นี้ โดยเน้นหนักเป็นพิเศษตอนตี3 เพราะมันคงรู้และทำการตลาดมาดีว่าหลังตี2ไปผับบาร์ที่อื่นมันเลิกนี่นะ ก็มาต่อกันในร้านของชำหรือหน้าอพาร์ทเม้นท์กันไปสิ มันถึงคราวซวยของข้าพเจ้าสิ พ่อแม่พี่น้อง เดือดร้อนไม่ต้องนอนกันทั้งวันทั้งคืนสิครัช
      แต่ช่วงแรกยังที่มีผู้ใจกล้า ตะโกนลงมาห้ามปรามมันก็เลยหยุดบ้างเปิดบ้าง ไม่หนักเท่าไร มันมาเริ่มหนักตอน ประมาณ ตุลาคม ปี2557 ผู้ใจกล้าดันย้ายออกไป มันเลยได้ใจ คราวนี้มันเลยจัดหนักทั้งกลางวัน กลางคืนแน้นตอนตีสามไป เพราะไฮไลท์ของการนอนของคนทำงานช่วงกลางวันก็อยู่ที่ ตีสามตีสี่นี่แหละครับ มันเลยจัดหนักทุกคืน ขาแว้นมาทุกคืน มีทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ แถมมีวิธีการเรียกร้องความสนใจโดยเวลาต้องเปิดเครื่องเสียงให้พีคสุดๆเป็นสัญญาณว่าข้ามาแล้ว ถ้าเป็นรถยนต์ซึ่งไอ้เจ้าลูกเขยนักเลงตอนนี้มันใช้กระบะดัดแปลงท่อไอเสีย มันก็เร่งถี่ๆสิครับ ก็มันใหญ่ผู้ใหญ่ไฟเขียว จะกลัวอะไรใคร หล่ะ ใครแจ้งเจ้าหน้าที่จะหน่วยไหนก็แล้วแต่ มันก็ท้าลงมาสิ ใหญ่ไหมละครัชท่านผู้ชม พ่อแม่พี่น้อง
      ด้วยความเดือดร้อนมากๆ เพราะมันเล่นตึ๊ดๆกัน24ชั่วโมง เลยร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ (โดยล่าลายมือชื่อคนในคอนโดได้7คน) เกือบหมดประเทศแระ ขนาดหน่วยที่ว่าแน่อย่างหน่วยที่สามารถเรียกใครมาปรับทัศนคติได้ก็ไปมาแล้ว แต่สุดท้ายจะด้วยเหตุเรื่องมันเล็กหรืออย่างไร ก็จะส่งกลับมาท้องถิ่นอะนะ ท่านๆคงรู้กันนะว่าหน่วยไหน เลยเป็นที่มาของกระทู้นี้ เพราะปัจจุบันมันใช้เสียงเครื่องดนตรีหนักๆ ประมาณว่าแกไม่ได้ยินหรอกเพลงอะ แต่เบสหนักๆหน่ะ จัดให้ มันก็เลยจูนเครื่องเสียงมันจัดเบสหนักๆ มาทุกคืน ส่งแรงสั่นสะเทือนมาทั้งวันทั้งคืน เพราะเบสความถี่มันต่ำมันก็ไปตามโครงสร้างอาคาร ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนเดือนร้อนกัน โดยข้าพเจ้าได้สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของมลพิษทางเสียง มาย่อๆ เพื่อให้ประชาชนสังคมตระหนักว่าบางทีคนที่ไม่ชอบคุณอาจจะมาทำร้ายคุณทุกคืนด้วยเครื่องดนตรี โดยหวังผลเพื่อทำลายสุขภาพกายและจิตใจ ดังนี้
   อันตรายที่เกิดจากมลพิษทางเสียง ถ้าได้สัมผัสวันละหลายๆชั่วโมง อ้างอิงจากhttp://www.rmuti.ac.th/user/thanyaphak/Web%20EMR/Web%20IS%20Environmen%20gr.4/Mola7.html
1. ผลต่อจิตใจ
- ก่อให้เกิดอาการหงุดหงิด รําคาญใจ ประสาทเครียด
- ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
- ก่อให้เกิดการคลุ้มคลั่ง เสียสมาธิ
ลต่อร่างกาย
- ทําให้หัวใจเต้นแรง อัตราการหายใจเปลี่ยนแปลง
- ทําให้เกิดกรดในกระเพาะมากกว่าปกติ เป็นโรคแผลในกระเพาะและโรคกระเพาะ อาหาร
- ทําให้ความดันโลหิตสูง
- ทําให้กล้ามเนื้อกระตุก เกิดอาการเหนื่อยหอบและแพ้
- ทําให้นอนไม่หลับ
- ทําให้ประสาทหูเสื่อม อาจทําให้หูพิการ หูตึง หูหนวก
3. ผลต่อการทํางาน ทําให้ประสิทธิภาพของการทํางานลดลง การติดต่อประสานงาน ล่า ช้า บางครั้งเกิดการผิดพลาดทําให้งานเสีย หรืออาจทําให้เกิดอุบัติเหตุได้
4. ผลต่อการสื่อสาร เสียงดังกว่าปกติอาจรบกวนต่อการสื่อสาร การรับสัญญาณ และการรับ คําสั่งต่าง ๆ อันอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
5. เกิดความเสียหายต่อวัตถุ เสียงที่มีระดับสูง เช่น เสียงจากเครื่องบินชนิดเร็วกว่าเสียง ทํา ให้เกิดการสั่นสะเทือน บางครั้งยังมีความดันทําให้อากาศมีความดันสูงขึ้นระหว่าง 1-10 ปอนด์ต่อตา รางฟุต ทําให้วัตถุหรือสิ่งก่อสร้างบางชนิด เช่น กําแพง ฝาผนัง หลังคา และหน้าต่าง สั่นไหวได้ หน้า ต่างกระจกถูกทําลายได้

     อันนี้แค่เบื้องต้น ความจริงยังมีอันตรายที่เกี่ยวกับความสั่นสะเทือนอีกมาก แต่ข้าพเจ้าพิมพ์ไม่ไหวแล้ว ทุกท่านสามารถสืบค้นได้ทางอินเทอร์เนตครัช
สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าอยากขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ประชาชน สังคม อยากให้มาช่วยข้าพเจ้าเป้นพยานด้วยถ้าอยู่ติดกันและรู้เห็นการกระทำผิดของคนเหล่านี้ เพราะคุณด้วยไม่ใช่ข้าพเจ้าเพียงคนเดียวที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียงและความสั่นสะเทือน หรือใครมีอะไรอยากแนะนำช่วยเหลือก็ ติดต่อมาได้ครับ โดนมาปีกว่าๆแล้ว เดือดร้อนมากครับ