เมื่อปลายเดือนมกราคม ได้ไปติดพายุที่เมือง NAGASAKI 3 คืน ซึ่งก่อนไปก็ดูพยากรณ์อากาศแล้ว แต่ด้วยด้อยประสบการณ์ก็ไม่คิดว่าจะร้ายแรงขนาดนี้ ไปถึงวันแรกตอนบ่ายๆ ไปที่ Tourist info ที่สถานีรถไฟ อยากขึ้นเขาไปชมวิวตอนเย็น เจ้าหน้าที่แนะนำว่าอย่าไปเลย เพราะไม่เห็นอะไรฟ้าปิด
ก็ถามว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสหรือเปล่า เขาก็ตอบว่าจะแย่กว่าวันนี้ การสนทนาก็จบ
เย็นนั้นก็เดินเล่นในเมือง
เช้าตื่นมา มองจากหน้าต่างโรงแรมที่พัก ตกใจ หิมะเต็มถนนไปหมด แทบไม่เห็นคนเดินบนถนน
ก็เดินไปที่ Tourist info ที่สถานีรถไฟ อีกครั้ง ไปซื้อตั๋วรถรางแบบ Day Pass เขาบอกว่าตอนนี้รถไฟต้องหยุดบริการออกจากเมือง ก็ยังไม่คิดอะไรมากมาย และถามต่อว่ารถรางในเมืองมีหรือเปล่า เขาก็บอกมี แต่อาจน้อยกว่าปกติ
ก็ออกไปขึ้นรถรางไปเที่ยวตามแผน เจอแบบนี้
แต่มาแล้วก็ต้องไปดู
เดินยากมาก
เดินต่อไป ไม่ใช่มีแต่พวกเรานะ
จองตั๋วรถไฟกลับไป HAKATA บ่ายสองโมง ก็กลับมาสถานีรถไฟ เจอแบบนี้ น่ารักมาก เมื่อคืนพายุหิมะแรงมาก พัดเข้ามาในบริเวณสถานีรถไฟ
เข้าไปดูในสถานีรถไฟ ไม่มีรถไฟออกจากสถานีนี้เลยทั้งวัน และคงจะไม่มีตลอดทั้งวัน
ตอนนี้ที่ Tourist info เจ้าประจำ เปลี่ยนเป็นพนักงานของ JR แล้ว และเหมือนเด็กอาสาสมัครอีก 2 คน
การสื่อสารก็พอประมาณ สรุปวันนี้คงออกจากเมืองไม่ได้ รถไฟไปไม่ได้ รถบัสก็ไปไม่ได้ ถนนก็ปิด สรุปปิดเมือง
คนอื่นเข้ามาขอให้หาแท๊กซี่ไปสนามบิน ก็ไปไม่ได้ ถนนปิด
เจ้าหน้าที่ตรงนี้ช่วยเหลือทุกอย่าง โทรไปยกเลิกที่พักที่จองไว้ที่ HAKATA คืนนี้ให้ โรงแรมโอเค ไม่ต้องจ่าย NO SHOW และหา โรงแรมที่ NAGASAKI สำหรับคืนนี้ให้ (แต่ราคาก็แพงขึ้น และหายากด้วย แต่จำเป็นแล้ว) ก็นอนต่ออีกคืนที่โรงแรมเดิม
รุ่งขึ้นทางโรงแรมบอกว่าคืนนี้เต็มนะ อยู่ต่อไม่ได้ ต้องไปหาที่ใหม่
ก็เดินไปสถานีรถไฟ (โรงแรมอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ)
ถนนกลายเป็นแบบนี้แล้ว
ที่ Tourist info เจ้าเก่า ก็มีเจ้าหน้าที่ JR มาบริการทุกประเภทเช่นเมื่อวาน เขาก็บอกไม่ได้ว่ารถไฟจะออกได้หรือเปล่า เพราะมีปัญหาบางช่วงไม่ปลอดภัย
แต่ผู้คนมามาเข้าแถวรอตั้งแต่เช้าทั้งวัน ก็ไปเข้าแถวกับเขาด้วยนะ
จนถึงเที่ยงก็ไม่มีวี่แวว ก็เข้าไปหา Tourist info เจ้าเก่า อีกว่าจะทำอย่างไร เพราะจองโรงแรมที่เมืองอื่นไว้อีก เขาก็บอกให้รอก่อนสักพัก บ่ายค่อยจัดการ รถไฟอาจไปได้
ไปถามคนที่เข้าแถว ที่พอสื่อสารได้ว่าประกาศอะไร เขาก็บอกว่าประกาศว่าวันนี้ไม่มีรถไฟ และไม่รู้ว่าจะวิ่งได้เมื่อไร ก็ถามว่าทำไมไม่โทรฯมาถามก่อนจะได้ไม่ต้องมาที่สถานีแล้วกลับบ้านอีก แท๊กซี่ก็แทบไม่มี ต้องรวมๆกันไปในเส้นทางเดียวกัน
เขาก็บอกว่าฟังข่าวแล้วว่าถ้าเคลียร์ทางได้ก็ไปได้ จึงต้องมารอ (ทั้งวัน)
เจ้าหน้าที่เริ่มเอาเก้าอี้มาวางให้นั่งรอดีกว่า และแจกแผ่นร้อนใส่ในรองเท้ากับทุกคนที่สถานีรถไฟ
แต่ไม่ค่อยมีคนอยากนั่ง ยืนเข้าแถวดีกว่า
ก็ประกาศอีกว่าไม่มีรถไฟ ก็ไป Tourist info เจ้าเก่าอีก เขาก็จัดการติดต่อ โรงแรมที่จองไว้ให้อีก เหมือนเดิม และหาโรงแรมที่นี่ให้อีก แต่คืนนี้หายากกว่า สุดท้ายไปได้เคบินก็ต้องเอาค่ะ และต้องไปเช็คอินเดี๋ยวนี้ประมาณเที่ยง (ยังมีความหวังเหมือนคนอื่น)
คนญึ่ปุ่นเองก็ต้องหาโรงแรมนอน จึงเต็มหมด คนที่หาไม่ได้ หรืองบไม่พอ เขาก็มีแผนที่ให้เดินไปนอนที่ห้องสมุดเในเมือง
เราก็ไปจัดการเรื่องที่พักคืนที่สาม และบอกที่พักว่าถ้ายังไปไม่ได้อีกก็จะขอนอนที่นี่ต่อนะ เขาก็โอเค เขาเคยมาเมืองไทยหลายครั้งและชอบมากด้วย พูดอังกฤษได้ดี แต่โรงแรมที่พักมา 2 คืนไม่มีใครสื่อสารภาษาอังกฤษได้เลย และเป็นเครือใหญ่ที่มีทุกเมืองด้วย และไม่ช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น พูดเป็นอย่างเดียว NO ENGLISH
เช็คอินเรียบร้อย ทำธุระอะไรหมดแล้ว ก็กลับมาที่สถานีรถไฟอีกประมาณบ่ายสามโมงกว่า เห็นแถวยาวมาก ก็เข้าไปถามเขานะ เขาก็บอกว่าฟังข่าวว่าอาจจะได้ไป
และสักพักก็มีประกาศว่าจะมีรถไฟเที่ยวเดียวสำหรับวันนี้ไป HAKATA เวลา 15.50h มีการเคลื่อนไหวของคนมากมาย แถวก็เริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ
นักข่าวก็เริ่มมามากมาย
และตัดสินใจแล้วว่าคงไม่ไปดีกว่า เพราะไม่รู้จะไปได้เมื่อไร ไปถึง HAKATA ก็มืดแล้ว ต้องไปห่ที่พักอีก ไม่รู้จะมีหรือเปล่า พักที่นี่ที่จ่ายเงินไปแล้วดีกว่า พรุ่งนี้ไปตอนเช้าก็ไม่ต่างกันมากนัก
ตอนนี้ก็เฝ้าดูคนที่นี่ดีกว่าว่า รถไฟขบวนแรก ขบวนเดียว แล้วจะจัดการอย่างไรก็บฝูงชนมากมายขนาดนี้
ขณะที่ยืนดูอยู่ก็มีเจ้าหน้าที่ JR เดินมาพร้อมก้บผู้หญิงคนหนึ่ง เข้ามาถามว่าถามว่าจะไปวันนี้หรือเปล่า
ตอนแรกก็งงนะ ถามทำไม เจ้าหน้าที่ก็อธิบายว่าผู้หญิงคนนี้เห็นเรามาเข้าแถวเมื่อเช้าใกล้เขา เขาก็ต้องการจะบอกเราว่าถ้าจะไปต้องมาเข้าแถว ไม่งั้นจะไม่ได้ไป แต่เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องไปหาเจ้าหน้าที่มาช่วยสื่อสาร
จริงๆในน้ำใจของเขา
จึงบอกเขาไปว่า ไปพรุ่งนี้ค่ะ
ในขณะที่ยืนดู เวลาสี่โมงเย็นแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่ารถไฟจะออกไปได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็เหมือนกำลังรอ และเตรียมพร้อม
(ตลอดเวลาที่ไม่มีรถไฟออกจากสถานี มีเจ้าหน้าที่ประจำทุกที่เต็มอัตราเลยค่ะ)
เห็นปริมาณคนแล้ว คิดได้ ไปจองที่นั่งสำหรับพรุ่งนี้ดีกว่า จะได้รู้ว่ามีรถไฟวิ่งพรุ่งนี้แน่นอนหรือเปล่า คิดถูกจริงๆ จองที่นั่งมากอดไว้ได้แล้ว
และก็เฝ้าดูวิธีการว่าจะชุลมุนแค่ไหน นักข่าวก็มามากขึ้นอีก เตรียมจับภาพคนแรกที่เดินผ่านเครื่องตรวจตั๋วไปที่รถไฟ
และคิดถูกมากที่ตัดใจไม่ไปเข้าแถวไปวันนี้ ดูแถวยาวออกมานอกถนนเลย
รถไฟออกไปแล้ว ค่ำแล้ว คนก็ยังเข้าแถวรอ แถวยาวออกมานอกสถานีถึงถนน
ขณะที่ปล่อยให้คนออกไปขึ้นรถไฟก็ปกติ 2 แถว นับจำนวนคนแล้วหยุด ก็ไม่มีใครโวยวาย รอต่อไป ไปทีละตู้ จัดคนนั่ง มาปล่อยคนอีก
คนกำลังทยอยไปขึ้นรถไฟแล้ว
นายสถานีต้องเดินลงไปสำรวจเอง
และก็ตัดสินใจถูกที่ไม่ไปเข้าแถวด้วย เพราะคนนี้ใช้พาสฯแบบเดียวกัน แต่ไม่ได้จองที่นั่งไว้ ก็ต้องไปเข้าแถวรอตามปกติ (แถวแรกที่เข้าไปคือคนที่มีจองที่นั่งในตู้ reserved seat )
บางส่วนก็มารอแท๊กซี่กลับดีกว่า
คืนนั้นมืดแล้ว รถไฟก็ไม่ออกจากสถานี กลับก่อนดีกว่า
วันรุ่งขึ้นสภาพถนนก็ลื่นมาก
น้ำแข็งเริ่มละลายเหมือนสเลอปี้ เดินย่ำลงไปน้ำแข็งนิ่มเลย ชุ่มช่ำในรองเท้า
และรถไฟก็ออกจากสถานีตามปกติ แต่เสียเวลาทุกขบวน
คนที่เข้าแถวเมื่อวานจนถึงกลางคืนก็มาเจออีกเช้าวันที่สาม มายืนรอรถไฟเหมือนเรา แสดงว่าเมื่อคืนก็ไม่ได้ไป (คิดถูกจริงๆ)
สรุป
1) Kyushu Pass ซื้อไปแบบ 5 วัน แต่ไม่มีรถไฟ 2 วัน โชคดีที่ยังเหลือวันสุดท้ายได้ใช้ ก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ว่ากรณีแบบนี้ เขาจะชดเชยวันให้เราหรือเปล่า เพราะรถไฟไม่วิ่งเอง เขาก็ให้ไปติดต่อที่ HAKATA ที่ไปแลกพาสฯ
เจ้าหน้าที่บอกว่าพาสฯนี้ได้เปิดใช้ไปแล้ว จึงทำอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้ายังไม่ได้ใช้เลยก็สามารถจะ extend ออกไปได้
2) แต่ลืมไปว่าเรามีประกัน ซื้อไว้แบบสูงสุดทุกกรณี ถ้าให้รถไฟออกเอกสารรับรองก็คงเคลมได้บ้าง แต่มาคิดได้ เมื่อกลับมาไทยแล้ว
3) ตอนแรกได้รับอีเมล์จาก booking.com จะชาร์จ NO SHOW โรงแรมที่จองไว้ด้วย ก็ได้อีเมล์ไปที่โรงแรมและ CC ไปที่ NO SHOW และ CUSTOMER SERVICE อ้างถึงเหตุการณ์ต่างๆ ก็โอเคทุกอย่าง และโรงแรมยังตอบกลับมาว่าคราวหน้ามาพักที่เขาอีกนะ
เหตุผลคือ ตอนแรก NO SHOW จะติดต่อเราก่อน แล้วส่งเรื่องไป CUSTOMER SERVICE เมื่อเราแย้ง เสียเวลารอ ถ้า CC ไปเลยจะได้เร็วขึ้น
4) ถ้ากรณีเกิดปัญหาเรื่องที่พักที่เราต้องจ่ายเกินไปในกรณีนี้ ก็สามารถเคลมจากประกันได้ด้วย
ของแถมค่ะ
[CR] NAGASAKI ท่ามกลางพายุหิมะ ในวันที่ไม่มีรถไฟ รถบัส ให้ออกจากเมืองได้เลย
ก็ถามว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสหรือเปล่า เขาก็ตอบว่าจะแย่กว่าวันนี้ การสนทนาก็จบ
เย็นนั้นก็เดินเล่นในเมือง
เช้าตื่นมา มองจากหน้าต่างโรงแรมที่พัก ตกใจ หิมะเต็มถนนไปหมด แทบไม่เห็นคนเดินบนถนน
ก็เดินไปที่ Tourist info ที่สถานีรถไฟ อีกครั้ง ไปซื้อตั๋วรถรางแบบ Day Pass เขาบอกว่าตอนนี้รถไฟต้องหยุดบริการออกจากเมือง ก็ยังไม่คิดอะไรมากมาย และถามต่อว่ารถรางในเมืองมีหรือเปล่า เขาก็บอกมี แต่อาจน้อยกว่าปกติ
ก็ออกไปขึ้นรถรางไปเที่ยวตามแผน เจอแบบนี้
แต่มาแล้วก็ต้องไปดู
เดินยากมาก
เดินต่อไป ไม่ใช่มีแต่พวกเรานะ
จองตั๋วรถไฟกลับไป HAKATA บ่ายสองโมง ก็กลับมาสถานีรถไฟ เจอแบบนี้ น่ารักมาก เมื่อคืนพายุหิมะแรงมาก พัดเข้ามาในบริเวณสถานีรถไฟ
เข้าไปดูในสถานีรถไฟ ไม่มีรถไฟออกจากสถานีนี้เลยทั้งวัน และคงจะไม่มีตลอดทั้งวัน
ตอนนี้ที่ Tourist info เจ้าประจำ เปลี่ยนเป็นพนักงานของ JR แล้ว และเหมือนเด็กอาสาสมัครอีก 2 คน
การสื่อสารก็พอประมาณ สรุปวันนี้คงออกจากเมืองไม่ได้ รถไฟไปไม่ได้ รถบัสก็ไปไม่ได้ ถนนก็ปิด สรุปปิดเมือง
คนอื่นเข้ามาขอให้หาแท๊กซี่ไปสนามบิน ก็ไปไม่ได้ ถนนปิด
เจ้าหน้าที่ตรงนี้ช่วยเหลือทุกอย่าง โทรไปยกเลิกที่พักที่จองไว้ที่ HAKATA คืนนี้ให้ โรงแรมโอเค ไม่ต้องจ่าย NO SHOW และหา โรงแรมที่ NAGASAKI สำหรับคืนนี้ให้ (แต่ราคาก็แพงขึ้น และหายากด้วย แต่จำเป็นแล้ว) ก็นอนต่ออีกคืนที่โรงแรมเดิม
รุ่งขึ้นทางโรงแรมบอกว่าคืนนี้เต็มนะ อยู่ต่อไม่ได้ ต้องไปหาที่ใหม่
ก็เดินไปสถานีรถไฟ (โรงแรมอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ)
ถนนกลายเป็นแบบนี้แล้ว
ที่ Tourist info เจ้าเก่า ก็มีเจ้าหน้าที่ JR มาบริการทุกประเภทเช่นเมื่อวาน เขาก็บอกไม่ได้ว่ารถไฟจะออกได้หรือเปล่า เพราะมีปัญหาบางช่วงไม่ปลอดภัย
แต่ผู้คนมามาเข้าแถวรอตั้งแต่เช้าทั้งวัน ก็ไปเข้าแถวกับเขาด้วยนะ
จนถึงเที่ยงก็ไม่มีวี่แวว ก็เข้าไปหา Tourist info เจ้าเก่า อีกว่าจะทำอย่างไร เพราะจองโรงแรมที่เมืองอื่นไว้อีก เขาก็บอกให้รอก่อนสักพัก บ่ายค่อยจัดการ รถไฟอาจไปได้
ไปถามคนที่เข้าแถว ที่พอสื่อสารได้ว่าประกาศอะไร เขาก็บอกว่าประกาศว่าวันนี้ไม่มีรถไฟ และไม่รู้ว่าจะวิ่งได้เมื่อไร ก็ถามว่าทำไมไม่โทรฯมาถามก่อนจะได้ไม่ต้องมาที่สถานีแล้วกลับบ้านอีก แท๊กซี่ก็แทบไม่มี ต้องรวมๆกันไปในเส้นทางเดียวกัน
เขาก็บอกว่าฟังข่าวแล้วว่าถ้าเคลียร์ทางได้ก็ไปได้ จึงต้องมารอ (ทั้งวัน)
เจ้าหน้าที่เริ่มเอาเก้าอี้มาวางให้นั่งรอดีกว่า และแจกแผ่นร้อนใส่ในรองเท้ากับทุกคนที่สถานีรถไฟ
แต่ไม่ค่อยมีคนอยากนั่ง ยืนเข้าแถวดีกว่า
ก็ประกาศอีกว่าไม่มีรถไฟ ก็ไป Tourist info เจ้าเก่าอีก เขาก็จัดการติดต่อ โรงแรมที่จองไว้ให้อีก เหมือนเดิม และหาโรงแรมที่นี่ให้อีก แต่คืนนี้หายากกว่า สุดท้ายไปได้เคบินก็ต้องเอาค่ะ และต้องไปเช็คอินเดี๋ยวนี้ประมาณเที่ยง (ยังมีความหวังเหมือนคนอื่น)
คนญึ่ปุ่นเองก็ต้องหาโรงแรมนอน จึงเต็มหมด คนที่หาไม่ได้ หรืองบไม่พอ เขาก็มีแผนที่ให้เดินไปนอนที่ห้องสมุดเในเมือง
เราก็ไปจัดการเรื่องที่พักคืนที่สาม และบอกที่พักว่าถ้ายังไปไม่ได้อีกก็จะขอนอนที่นี่ต่อนะ เขาก็โอเค เขาเคยมาเมืองไทยหลายครั้งและชอบมากด้วย พูดอังกฤษได้ดี แต่โรงแรมที่พักมา 2 คืนไม่มีใครสื่อสารภาษาอังกฤษได้เลย และเป็นเครือใหญ่ที่มีทุกเมืองด้วย และไม่ช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น พูดเป็นอย่างเดียว NO ENGLISH
เช็คอินเรียบร้อย ทำธุระอะไรหมดแล้ว ก็กลับมาที่สถานีรถไฟอีกประมาณบ่ายสามโมงกว่า เห็นแถวยาวมาก ก็เข้าไปถามเขานะ เขาก็บอกว่าฟังข่าวว่าอาจจะได้ไป
และสักพักก็มีประกาศว่าจะมีรถไฟเที่ยวเดียวสำหรับวันนี้ไป HAKATA เวลา 15.50h มีการเคลื่อนไหวของคนมากมาย แถวก็เริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ
นักข่าวก็เริ่มมามากมาย
และตัดสินใจแล้วว่าคงไม่ไปดีกว่า เพราะไม่รู้จะไปได้เมื่อไร ไปถึง HAKATA ก็มืดแล้ว ต้องไปห่ที่พักอีก ไม่รู้จะมีหรือเปล่า พักที่นี่ที่จ่ายเงินไปแล้วดีกว่า พรุ่งนี้ไปตอนเช้าก็ไม่ต่างกันมากนัก
ตอนนี้ก็เฝ้าดูคนที่นี่ดีกว่าว่า รถไฟขบวนแรก ขบวนเดียว แล้วจะจัดการอย่างไรก็บฝูงชนมากมายขนาดนี้
ขณะที่ยืนดูอยู่ก็มีเจ้าหน้าที่ JR เดินมาพร้อมก้บผู้หญิงคนหนึ่ง เข้ามาถามว่าถามว่าจะไปวันนี้หรือเปล่า
ตอนแรกก็งงนะ ถามทำไม เจ้าหน้าที่ก็อธิบายว่าผู้หญิงคนนี้เห็นเรามาเข้าแถวเมื่อเช้าใกล้เขา เขาก็ต้องการจะบอกเราว่าถ้าจะไปต้องมาเข้าแถว ไม่งั้นจะไม่ได้ไป แต่เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องไปหาเจ้าหน้าที่มาช่วยสื่อสาร
จริงๆในน้ำใจของเขา
จึงบอกเขาไปว่า ไปพรุ่งนี้ค่ะ
ในขณะที่ยืนดู เวลาสี่โมงเย็นแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่ารถไฟจะออกไปได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็เหมือนกำลังรอ และเตรียมพร้อม
(ตลอดเวลาที่ไม่มีรถไฟออกจากสถานี มีเจ้าหน้าที่ประจำทุกที่เต็มอัตราเลยค่ะ)
เห็นปริมาณคนแล้ว คิดได้ ไปจองที่นั่งสำหรับพรุ่งนี้ดีกว่า จะได้รู้ว่ามีรถไฟวิ่งพรุ่งนี้แน่นอนหรือเปล่า คิดถูกจริงๆ จองที่นั่งมากอดไว้ได้แล้ว
และก็เฝ้าดูวิธีการว่าจะชุลมุนแค่ไหน นักข่าวก็มามากขึ้นอีก เตรียมจับภาพคนแรกที่เดินผ่านเครื่องตรวจตั๋วไปที่รถไฟ
และคิดถูกมากที่ตัดใจไม่ไปเข้าแถวไปวันนี้ ดูแถวยาวออกมานอกถนนเลย
รถไฟออกไปแล้ว ค่ำแล้ว คนก็ยังเข้าแถวรอ แถวยาวออกมานอกสถานีถึงถนน
ขณะที่ปล่อยให้คนออกไปขึ้นรถไฟก็ปกติ 2 แถว นับจำนวนคนแล้วหยุด ก็ไม่มีใครโวยวาย รอต่อไป ไปทีละตู้ จัดคนนั่ง มาปล่อยคนอีก
คนกำลังทยอยไปขึ้นรถไฟแล้ว
นายสถานีต้องเดินลงไปสำรวจเอง
และก็ตัดสินใจถูกที่ไม่ไปเข้าแถวด้วย เพราะคนนี้ใช้พาสฯแบบเดียวกัน แต่ไม่ได้จองที่นั่งไว้ ก็ต้องไปเข้าแถวรอตามปกติ (แถวแรกที่เข้าไปคือคนที่มีจองที่นั่งในตู้ reserved seat )
บางส่วนก็มารอแท๊กซี่กลับดีกว่า
คืนนั้นมืดแล้ว รถไฟก็ไม่ออกจากสถานี กลับก่อนดีกว่า
วันรุ่งขึ้นสภาพถนนก็ลื่นมาก
น้ำแข็งเริ่มละลายเหมือนสเลอปี้ เดินย่ำลงไปน้ำแข็งนิ่มเลย ชุ่มช่ำในรองเท้า
และรถไฟก็ออกจากสถานีตามปกติ แต่เสียเวลาทุกขบวน
คนที่เข้าแถวเมื่อวานจนถึงกลางคืนก็มาเจออีกเช้าวันที่สาม มายืนรอรถไฟเหมือนเรา แสดงว่าเมื่อคืนก็ไม่ได้ไป (คิดถูกจริงๆ)
สรุป
1) Kyushu Pass ซื้อไปแบบ 5 วัน แต่ไม่มีรถไฟ 2 วัน โชคดีที่ยังเหลือวันสุดท้ายได้ใช้ ก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ว่ากรณีแบบนี้ เขาจะชดเชยวันให้เราหรือเปล่า เพราะรถไฟไม่วิ่งเอง เขาก็ให้ไปติดต่อที่ HAKATA ที่ไปแลกพาสฯ
เจ้าหน้าที่บอกว่าพาสฯนี้ได้เปิดใช้ไปแล้ว จึงทำอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้ายังไม่ได้ใช้เลยก็สามารถจะ extend ออกไปได้
2) แต่ลืมไปว่าเรามีประกัน ซื้อไว้แบบสูงสุดทุกกรณี ถ้าให้รถไฟออกเอกสารรับรองก็คงเคลมได้บ้าง แต่มาคิดได้ เมื่อกลับมาไทยแล้ว
3) ตอนแรกได้รับอีเมล์จาก booking.com จะชาร์จ NO SHOW โรงแรมที่จองไว้ด้วย ก็ได้อีเมล์ไปที่โรงแรมและ CC ไปที่ NO SHOW และ CUSTOMER SERVICE อ้างถึงเหตุการณ์ต่างๆ ก็โอเคทุกอย่าง และโรงแรมยังตอบกลับมาว่าคราวหน้ามาพักที่เขาอีกนะ
เหตุผลคือ ตอนแรก NO SHOW จะติดต่อเราก่อน แล้วส่งเรื่องไป CUSTOMER SERVICE เมื่อเราแย้ง เสียเวลารอ ถ้า CC ไปเลยจะได้เร็วขึ้น
4) ถ้ากรณีเกิดปัญหาเรื่องที่พักที่เราต้องจ่ายเกินไปในกรณีนี้ ก็สามารถเคลมจากประกันได้ด้วย
ของแถมค่ะ