สวัสดีครับ นานแล้วที่ผมไม่ได้ลงกระทู้รีวิว ถ้ามีความผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี่นะครับ
ผมเป็นพนักงานฝ่ายวิจัย บริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง ทุกๆปีบริษัทแม่จะมีการจัดประชุมวิชาการฝ่ายวิจัยขึ้นในยุโรป
และปีนี้ถึงคิวของผมและพี่อีกคนนึงไป โดยงานนี้จัดขึ้นที่โรงแรม Hilton Prague Hotel กรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเชค
หลังจากทราบข่าวว่าจะต้องไปในเดือนพฤศจิกายน ก็รอหนังสือเชิญ รวมทั้งใบจองโรงแรม
ที่บริษัทแม่ส่งมาให้ และได้จองตั๋วเครื่องบิน ไปขอ Statement กับธนาคาร
ส่งเรื่องให้ฝ่ายบุคคลของบริษัททำประกันภัยเดินทาง และถ่ายรูปประกอบเพื่อทำวีซ่า
ด้วยความกรุณาจากหัวหน้าของผม ทำให้ทริปนี้ได้เดินทางไปถึงก่อนการประชุมหนึ่งวัน
และกลับหลังประชุมอีกหนึ่งวัน ทำให้ผมสามารถเลือกตั๋วเครื่องบินให้ไปถึงเช้าที่สุด และเดินทางกลับไฟลท์ดึกที่สุดได้
แต่ไฟลท์ดึกสุดของปราก ออกเดินทางตอนบ่ายสาม แต่ถ้ากลับจากเวียนนาไฟลท์ดึกสุดสี่ทุ่ม!!!
เลยลองขออนุญาตไปเวียนนาอีกที่ ปรากฏได้ครับ !!!!!!!
แผนการเดินทางเลยเป็นเยี่ยงนี้
๋
Jan 18 กรุงเทพฯ - ดูไบ - ปราก ถึงปรากตอนเที่ยงครึ่งของวันที่ 18
Jan 19 เริ่มประชุมที่ปรากตอนบ่ายสอง (เท่ากับว่าได้เที่ยวตั้งแต่มาถึงจนเที่ยงอีกวัน)
Jan 20 ประชุมวิชาการ แต่ในงานประชุมจะพาไปปราสาทปรากตอนบ่าย
๋Jan 21 ประชุมวิชาการ แต่ตอนกลางคืนมี Gala dinner
๋Jan 22 ประชุมถึงเที่ยง บ่ายสามขึ้นรถไฟไปเวียนนาถึงตอน 1 ทุ่ม
๋Jan 23 เครื่องออกจากเวียนนา 4 ทุ่ม เท่ากลับมีเวลาเที่ยวเวียนนา 1 วัน
Jan 24 ถึงกรุงเทพฯ ตอนหกโมงเย็น
โดยเดินทางกลับสายการบิน Emirate ครั้งแรกกลับสายการบินนี้ของผม
ได้นั่ง A380 จากกรุงเทพไปดูไบ ส่วนที่เหลือเป็น Boeing777
รีวิวนี้ขอเป็นที่เที่ยวที่ปรากก่อนนะครับ เริ่มเลย!!!!
เริ่มจากสายการบิน Emirate ดีสมกับที่ร่ำลือมา โดยเฉพาะ A380 ที่กว้างมากกก นั่งสบาย
Boeing777 จะด้อยกว่าตรงที่ที่นั่งแคบกว่าเนี่ยแหละ ส่วนอาหารอร่อยมากกกกกก
รูปนี้เป็นเครื่อง Boeing777 ที่ดูไบ กำลังต่อเครื่องไปปรากครับ
หลังจากเดินทางจากรุงเทพ 6.5 ชม และจากดูไบ 6 ชม เครื่องก็เตรียมลง
มองลงไปเห็นแต่หิมะขาวไปหมด ตื่นเต้นมากกกกกก ประสบการณ์เจอหิมะครั้งแรกในชีวิต
พอเครื่องลงกัปตันประกาศว่า "The weather is a little bit cold, Temperation is minus 5"
A LITTLE BIT!!!! เหอะๆๆๆๆ
พอผ่าน ตม รถของทางบริษัทแม่ก็มารับเดินทางไป Hilton Prague Hotel
พอถึงเชคดินเข้าห้อง ก็ถ่ายรูปบรรยากาศและเครื่องอำนวยความสะดวกภายในห้อง
แล้วก็อาบน้ำ แหงแหละ ไม่ได้อาบน้ำมา 20 กว่าชม ได้
เตียงของที่โรงแรม นุ่มมากกกกก แถมมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
มีที่เป่าผม กับเตารีดให้ด้วย ในตู้เย็นของเต็มแต่เสียเงิน เลยไม่ได้แตะเลย
ตัดมาที่ห้องน้ำห้องน้ำกับห้องส้วมแยกกันคนละห้อง สิ่งที่ประหลาดใจมากคือกระจกรูปวงกลมเล็กๆ
มีไว้ทำไมหว่าา พอเข้าไปใกล้ๆเป็นกระจกขยาย ดีมากเวลาใช้โกนหนวด
หลังจากอาบน้ำสบายตัวก็ออกมาที่หน้าต่างของโรงแรม
เห็นวิวสวยมากกกก เลยเก็บรูปมาไว้ในความทรงจำ
ฝั่งตรงข้ามโรงแรมซึ่งติดริมแม่น้ำ เห็นโบสถ์เซนต์แอนโทนี่ (ถ้าผิดขออภัย)
และเกาะกลางแม่น้ำเป็นเหมือนสนามกีฬา กลางแม่น้ำมีคล้ายๆสนามสำหรับแข่งเรือแคนนูอยู่ด้วย
เวลาบ่ายสามของที่ปราก ร่างกายพร้อมแล้วจะรอช้าอยู่ใย เริ่มต้นเที่ยวครับ
โดยการเที่ยวครั้งแรกเป็นการเดินดูบรรยากาศรอบๆโรงแรม ท่ามกลางหิมะที่ตกพร่ำๆ อุณหภูมิน่าจะอยู่ระหว่าง -4 - -6
โดยแผนที่กางเดินทางเป็นดังรูปครับ ^ ^
โรงแรมนี้ตั้งอยู่ออกมานอกเมืองนิดหน่อย แต่อย่างว่าประเทศในยุโรปการเดินทางค่อนข้างสะดวกสบาย
พอออกจากโรงแรม เดินทะลุตึกๆนึงที่ชั้นล่างเป็นร้านอาหาร และซุปเปอร์มาร์เก็ต
พอทะลุออกมาก็เจอป้ายรถราง และสถานีรถไฟใต้ดิน Florenc เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรถรางเลยครับ
จากนั้นก็เดินมาตามถนนจนถึง Florenc Metro station เป็นสถานีคล้ายๆหมอชิตบ้านเรา มีรถบัสเดินทางไปเมืองต่างๆ
ระหว่างทางสังเกตเห็น KFC Mcdonald และ Burger king คิดในใจว่าถ้ากินอะไรไม่ได้ ก็ไม่อดตายและ
จากนั้นผมก็เลี้ยวซ้าย เดินดูอาคารบ้านเรือนทรงสวยๆ แปลกตาจากบ้านเรา
แล้วเดินไปเจอสะพานข้างบนเป็นรางรถไฟ ข้างล่างเป็นสถานที่จอดรถ
รถแต่ละคันท่าทางจะจอดมานานเพราะหิมะเกาะหนามาก สองสิ่งที่เริ่มสังเกตเห็นคือ
หนึ่งที่ปรากก็มีคนมือบอน (หรือจงใจ) วาดจิตรกรรมตามที่สาธารณะต่างๆ เสาสะพาน
รวมถึงบนรถบัส รถราง หรือรถไฟ
สองคือคนที่นี่สูบบุหรีกันเยอะมากกกก ที่สำคัญสูบเสร็จทิ้งก้นบุหรี่ไว้ตามพื้นเลยจ้า
ช่างเป็นสวรรค์ของนักสูบบุหรี่จริงๆ
ผมเดินทางเป็นวงกลมมาบรรจบกับป้ายรถรางที่เจอตอนเดินทะลุตึกมาครั้งแรก
ขณะนั้นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นนิดๆ แต่เนื่องจากฤดูหนาวที่นี่จึงเริ่มโพล้เพล้แล้ว
(ปกติที่ปรากฤดูหนาวพระอาทิตย์ขึ้นตอนแปดโมงเช้า ตกตอนสี่โมงเย็น)
ประกอบกับเริ่มหิว จึงเดินเข้าไปที่ตึกที่เดินทะลุมา ไปกินอาหาร
อาหารที่นี่ชื่อ Gyros เป็นข้าว กับเนื้อไก่ย่าง และผักคล้ายๆสลัด ราดน้ำที่คล้ายๆน้ำสลัด
แล้วพี่ที่มาด้วยกันสั่งซุป และเบียร์เพิ่ม รวมๆแล้วมื้อนี้ราคาประมาณ 340 Kc ตกเป็นเงินไทย (340x1.6)
พี่ที่มาด้วยกันเริ่มมีอาการเจ็ทเล็ท จึงขอตัวกลับไปนอนในโรงแรม
ผมเดินไปส่งที่โรงแรม แล้วก็ออกมาเที่ยวใหม่ เดินผ่านตึกของบริษัทตรวจสอบบัญชีชื่อดัง
โดยเที่ยวนี้ผมตั้งใจไป Wenceslas Sq ตั้งในเขต New town
โดยผมซื้อตั๋วรถแบบ 24 hr ซึ่งนับจากเวลานั่งครั้งแรก โดยคราวนี้ไปทางรถไฟใต้ดินสายสีแดงเพียง 2 สถานี
บรรยากาศภายในสถานีรถไฟใต้ดิน
หลังจากขึ้นมาจากสถานี ก็มาถึง Wenceslas Sq และเดินเที่ยวตามแผนที่
เวลานั้นเป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว พระอาทิตย์ตกไปเรียบร้อย จึงเห็นแสงไฟสวยงาม
อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะราวๆ -6 ระหว่างทางก็เห็นแฟชั่นเสื้อกันหนาวของคนท้องถิ่น
ผมเดินเข้าไปดูร้านขายของที่ระลึก เพื่อซื้อตะไบเล็บคริสตัลซึ่งก่อนมาได้หาใน Google แล้วว่าเป็นของน่าซื้อเป็ของฝาก
เจอร้านนึงผมถูกใจ เลยซื้อไปทั้งสิ้น 12 อัน พอเค้าคิดเงินผมเลยถามไปว่าลดได้ไหม
ปรากฏเค้าลดให้ 10%
จากนั้นผมเดินเข้าร้านหนังสือ เข้าซุปเปอร์มาเก็ต เข้าร้านรองเท้
แล้วเดินดุโนั้นนี่จนถึงสี่แยกใหญ่ ข้ามถนนมาเจอป้ายรถราง ผมเห็นมีรถรางสายสามผ่าน
ซึ่งผมจำได้ว่าสายนี้ผ่านป้ายที่ Florenc ที่ใกล้กลับโรงแรมที่ผมพัก เลยลองรอดู
พอรถรางมาก็ขึ้น ภายในรถรางมีป้ายบอกว่าป้ายต่อๆไปคือป้ายอะไร
และผมเห็นป้าย Florenc ห่างไปอีก 4 ป้าย เลยวางใจว่ากลับถึงโรงแรมแน่นอน
ระหว่างทางกลับผมก็นั่งดุคนของที่นี่ขึ้นลงรถ ซึ่งไม่มีการตรวจตั๋วใดๆทั้งสิ้น
ทั้งในรถไฟใต้ดินและบนรถราง ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งในประเทศเข้า
ที่ต้องมีความซื้อสัตย์สุจริต แม้แต่บนรถ ผมเดินทางกลับถึงโรงแรมตอนทุ่มนิดๆพอดี
ร่างกายเริ่มแสดงผลของการเดินทางข้ามมาหลายเขตเวลาจึงเป็นเวลาที่ดีที่จะนอนซักที
แต่พรุ่งนี้ตั้งใจจะตื่นเช้าไปเที่ยวต่ออีกครึ่งวันก่อนเริ่มประชุม
เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นตั้งแต่หกโมง อาบน้ำแล้วลงมารับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม
อาหารมีตั้งแต่ แฮมนานาชนิด ชีสนานาชนิด สลัด ขนมปัง ซีเรียสพร้อมนมสดหรือนมถั่วเหลือง
ต่อด้วยข้าวผัด ถั่วอะไรไม่รู้ แพนเค้ก ฮัชบราว มะเขือเทศอบ
ต่อด้วย ไข่ขน ไข่ดาว ไข่นึง และยังมี ออมเลท
ไส้กรอกอีก 3 แบบ เบคอน และเห็ดผัดเนย
และสุดท้ายด้วยโซนของหวาน
ที่ห้องอาหารจะมีพนักงานพาไปที่โต๊ะ (น่ารักมากกก) พร้อมถามว่าจะเอาชาแบบไหน หรือกาแฟไหม
แปดโมงเช้า ท้องฟ้าเริ่มมีแสงรำไร ผมก็พร้อมจะออกเที่ยวอีกครั้งนึง
วันนี้ตั้งใจไปที่สะพานชาร์ล ซึ่งเป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดในปรากเป็นอันดับแรก
การเดินทางผมเดินทะลุตึกเส้นทางเดิม
แต่เดินต่อมาอีกหน่อยขึ้นรถเมล์สาย 207 ตามแผนที่
พอลงรถก็เดินไปตามแผนที่นี้
พอลงรถเมล์แล้วเดินออกมาก็เจอวิวปราสาทปรากอยู่ตรงหน้า สวยมากกก
ผมเดินเลียบแม่น้ำมาเรื่อย ท่ามกลางหิมะและอุณหภูมิ -10
วิวฝั่งตรงข้ามเป็นวิวปรากสาทปรากบนเดิน มีเนื้อที่น่าจะเป็นห้องอาหารจอดตากหิมะอยู่
เดินไปตามรั้วจะมีกุญแจคู่รัก แขวนอยู่ ธรรมเนียมนี้มีทั่วโลกแล้วมั้งเนี่ย
เดินมาซักพักก็สุดทางแต่เป็นมุมที่เห็นสะพานชาร์ลกับปราสาทปรากที่สวยมาก
แล้วผมเดินเลี้ยวซ้ายพอถึงถนนก็เลี้ยวขวา เดินอีก 5 นาทีก็ถึงสะพานชาร์ล
เดี๋ยวเย็นๆผมมาเขียนต่อนะครับ
[SR] (^ ^) ครั้งแรกที่ไปยุโรป ครั้งแรกเจอหิมะ ครั้งแรกที่ปราก ตกหลุมรักเลย (^ ^)
ผมเป็นพนักงานฝ่ายวิจัย บริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง ทุกๆปีบริษัทแม่จะมีการจัดประชุมวิชาการฝ่ายวิจัยขึ้นในยุโรป
และปีนี้ถึงคิวของผมและพี่อีกคนนึงไป โดยงานนี้จัดขึ้นที่โรงแรม Hilton Prague Hotel กรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเชค
หลังจากทราบข่าวว่าจะต้องไปในเดือนพฤศจิกายน ก็รอหนังสือเชิญ รวมทั้งใบจองโรงแรม
ที่บริษัทแม่ส่งมาให้ และได้จองตั๋วเครื่องบิน ไปขอ Statement กับธนาคาร
ส่งเรื่องให้ฝ่ายบุคคลของบริษัททำประกันภัยเดินทาง และถ่ายรูปประกอบเพื่อทำวีซ่า
ด้วยความกรุณาจากหัวหน้าของผม ทำให้ทริปนี้ได้เดินทางไปถึงก่อนการประชุมหนึ่งวัน
และกลับหลังประชุมอีกหนึ่งวัน ทำให้ผมสามารถเลือกตั๋วเครื่องบินให้ไปถึงเช้าที่สุด และเดินทางกลับไฟลท์ดึกที่สุดได้
แต่ไฟลท์ดึกสุดของปราก ออกเดินทางตอนบ่ายสาม แต่ถ้ากลับจากเวียนนาไฟลท์ดึกสุดสี่ทุ่ม!!!
เลยลองขออนุญาตไปเวียนนาอีกที่ ปรากฏได้ครับ !!!!!!!
แผนการเดินทางเลยเป็นเยี่ยงนี้
๋
Jan 18 กรุงเทพฯ - ดูไบ - ปราก ถึงปรากตอนเที่ยงครึ่งของวันที่ 18
Jan 19 เริ่มประชุมที่ปรากตอนบ่ายสอง (เท่ากับว่าได้เที่ยวตั้งแต่มาถึงจนเที่ยงอีกวัน)
Jan 20 ประชุมวิชาการ แต่ในงานประชุมจะพาไปปราสาทปรากตอนบ่าย
๋Jan 21 ประชุมวิชาการ แต่ตอนกลางคืนมี Gala dinner
๋Jan 22 ประชุมถึงเที่ยง บ่ายสามขึ้นรถไฟไปเวียนนาถึงตอน 1 ทุ่ม
๋Jan 23 เครื่องออกจากเวียนนา 4 ทุ่ม เท่ากลับมีเวลาเที่ยวเวียนนา 1 วัน
Jan 24 ถึงกรุงเทพฯ ตอนหกโมงเย็น
โดยเดินทางกลับสายการบิน Emirate ครั้งแรกกลับสายการบินนี้ของผม
ได้นั่ง A380 จากกรุงเทพไปดูไบ ส่วนที่เหลือเป็น Boeing777
รีวิวนี้ขอเป็นที่เที่ยวที่ปรากก่อนนะครับ เริ่มเลย!!!!
เริ่มจากสายการบิน Emirate ดีสมกับที่ร่ำลือมา โดยเฉพาะ A380 ที่กว้างมากกก นั่งสบาย
Boeing777 จะด้อยกว่าตรงที่ที่นั่งแคบกว่าเนี่ยแหละ ส่วนอาหารอร่อยมากกกกกก
รูปนี้เป็นเครื่อง Boeing777 ที่ดูไบ กำลังต่อเครื่องไปปรากครับ
หลังจากเดินทางจากรุงเทพ 6.5 ชม และจากดูไบ 6 ชม เครื่องก็เตรียมลง
มองลงไปเห็นแต่หิมะขาวไปหมด ตื่นเต้นมากกกกกก ประสบการณ์เจอหิมะครั้งแรกในชีวิต
พอเครื่องลงกัปตันประกาศว่า "The weather is a little bit cold, Temperation is minus 5"
A LITTLE BIT!!!! เหอะๆๆๆๆ
พอผ่าน ตม รถของทางบริษัทแม่ก็มารับเดินทางไป Hilton Prague Hotel
พอถึงเชคดินเข้าห้อง ก็ถ่ายรูปบรรยากาศและเครื่องอำนวยความสะดวกภายในห้อง
แล้วก็อาบน้ำ แหงแหละ ไม่ได้อาบน้ำมา 20 กว่าชม ได้
เตียงของที่โรงแรม นุ่มมากกกกก แถมมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
มีที่เป่าผม กับเตารีดให้ด้วย ในตู้เย็นของเต็มแต่เสียเงิน เลยไม่ได้แตะเลย
ตัดมาที่ห้องน้ำห้องน้ำกับห้องส้วมแยกกันคนละห้อง สิ่งที่ประหลาดใจมากคือกระจกรูปวงกลมเล็กๆ
มีไว้ทำไมหว่าา พอเข้าไปใกล้ๆเป็นกระจกขยาย ดีมากเวลาใช้โกนหนวด
หลังจากอาบน้ำสบายตัวก็ออกมาที่หน้าต่างของโรงแรม
เห็นวิวสวยมากกกก เลยเก็บรูปมาไว้ในความทรงจำ
ฝั่งตรงข้ามโรงแรมซึ่งติดริมแม่น้ำ เห็นโบสถ์เซนต์แอนโทนี่ (ถ้าผิดขออภัย)
และเกาะกลางแม่น้ำเป็นเหมือนสนามกีฬา กลางแม่น้ำมีคล้ายๆสนามสำหรับแข่งเรือแคนนูอยู่ด้วย
เวลาบ่ายสามของที่ปราก ร่างกายพร้อมแล้วจะรอช้าอยู่ใย เริ่มต้นเที่ยวครับ
โดยการเที่ยวครั้งแรกเป็นการเดินดูบรรยากาศรอบๆโรงแรม ท่ามกลางหิมะที่ตกพร่ำๆ อุณหภูมิน่าจะอยู่ระหว่าง -4 - -6
โดยแผนที่กางเดินทางเป็นดังรูปครับ ^ ^
โรงแรมนี้ตั้งอยู่ออกมานอกเมืองนิดหน่อย แต่อย่างว่าประเทศในยุโรปการเดินทางค่อนข้างสะดวกสบาย
พอออกจากโรงแรม เดินทะลุตึกๆนึงที่ชั้นล่างเป็นร้านอาหาร และซุปเปอร์มาร์เก็ต
พอทะลุออกมาก็เจอป้ายรถราง และสถานีรถไฟใต้ดิน Florenc เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรถรางเลยครับ
จากนั้นก็เดินมาตามถนนจนถึง Florenc Metro station เป็นสถานีคล้ายๆหมอชิตบ้านเรา มีรถบัสเดินทางไปเมืองต่างๆ
ระหว่างทางสังเกตเห็น KFC Mcdonald และ Burger king คิดในใจว่าถ้ากินอะไรไม่ได้ ก็ไม่อดตายและ
จากนั้นผมก็เลี้ยวซ้าย เดินดูอาคารบ้านเรือนทรงสวยๆ แปลกตาจากบ้านเรา
แล้วเดินไปเจอสะพานข้างบนเป็นรางรถไฟ ข้างล่างเป็นสถานที่จอดรถ
รถแต่ละคันท่าทางจะจอดมานานเพราะหิมะเกาะหนามาก สองสิ่งที่เริ่มสังเกตเห็นคือ
หนึ่งที่ปรากก็มีคนมือบอน (หรือจงใจ) วาดจิตรกรรมตามที่สาธารณะต่างๆ เสาสะพาน
รวมถึงบนรถบัส รถราง หรือรถไฟ
สองคือคนที่นี่สูบบุหรีกันเยอะมากกกก ที่สำคัญสูบเสร็จทิ้งก้นบุหรี่ไว้ตามพื้นเลยจ้า
ช่างเป็นสวรรค์ของนักสูบบุหรี่จริงๆ
ผมเดินทางเป็นวงกลมมาบรรจบกับป้ายรถรางที่เจอตอนเดินทะลุตึกมาครั้งแรก
ขณะนั้นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นนิดๆ แต่เนื่องจากฤดูหนาวที่นี่จึงเริ่มโพล้เพล้แล้ว
(ปกติที่ปรากฤดูหนาวพระอาทิตย์ขึ้นตอนแปดโมงเช้า ตกตอนสี่โมงเย็น)
ประกอบกับเริ่มหิว จึงเดินเข้าไปที่ตึกที่เดินทะลุมา ไปกินอาหาร
อาหารที่นี่ชื่อ Gyros เป็นข้าว กับเนื้อไก่ย่าง และผักคล้ายๆสลัด ราดน้ำที่คล้ายๆน้ำสลัด
แล้วพี่ที่มาด้วยกันสั่งซุป และเบียร์เพิ่ม รวมๆแล้วมื้อนี้ราคาประมาณ 340 Kc ตกเป็นเงินไทย (340x1.6)
พี่ที่มาด้วยกันเริ่มมีอาการเจ็ทเล็ท จึงขอตัวกลับไปนอนในโรงแรม
ผมเดินไปส่งที่โรงแรม แล้วก็ออกมาเที่ยวใหม่ เดินผ่านตึกของบริษัทตรวจสอบบัญชีชื่อดัง
โดยเที่ยวนี้ผมตั้งใจไป Wenceslas Sq ตั้งในเขต New town
โดยผมซื้อตั๋วรถแบบ 24 hr ซึ่งนับจากเวลานั่งครั้งแรก โดยคราวนี้ไปทางรถไฟใต้ดินสายสีแดงเพียง 2 สถานี
บรรยากาศภายในสถานีรถไฟใต้ดิน
หลังจากขึ้นมาจากสถานี ก็มาถึง Wenceslas Sq และเดินเที่ยวตามแผนที่
เวลานั้นเป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว พระอาทิตย์ตกไปเรียบร้อย จึงเห็นแสงไฟสวยงาม
อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะราวๆ -6 ระหว่างทางก็เห็นแฟชั่นเสื้อกันหนาวของคนท้องถิ่น
ผมเดินเข้าไปดูร้านขายของที่ระลึก เพื่อซื้อตะไบเล็บคริสตัลซึ่งก่อนมาได้หาใน Google แล้วว่าเป็นของน่าซื้อเป็ของฝาก
เจอร้านนึงผมถูกใจ เลยซื้อไปทั้งสิ้น 12 อัน พอเค้าคิดเงินผมเลยถามไปว่าลดได้ไหม
ปรากฏเค้าลดให้ 10%
จากนั้นผมเดินเข้าร้านหนังสือ เข้าซุปเปอร์มาเก็ต เข้าร้านรองเท้
แล้วเดินดุโนั้นนี่จนถึงสี่แยกใหญ่ ข้ามถนนมาเจอป้ายรถราง ผมเห็นมีรถรางสายสามผ่าน
ซึ่งผมจำได้ว่าสายนี้ผ่านป้ายที่ Florenc ที่ใกล้กลับโรงแรมที่ผมพัก เลยลองรอดู
พอรถรางมาก็ขึ้น ภายในรถรางมีป้ายบอกว่าป้ายต่อๆไปคือป้ายอะไร
และผมเห็นป้าย Florenc ห่างไปอีก 4 ป้าย เลยวางใจว่ากลับถึงโรงแรมแน่นอน
ระหว่างทางกลับผมก็นั่งดุคนของที่นี่ขึ้นลงรถ ซึ่งไม่มีการตรวจตั๋วใดๆทั้งสิ้น
ทั้งในรถไฟใต้ดินและบนรถราง ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งในประเทศเข้า
ที่ต้องมีความซื้อสัตย์สุจริต แม้แต่บนรถ ผมเดินทางกลับถึงโรงแรมตอนทุ่มนิดๆพอดี
ร่างกายเริ่มแสดงผลของการเดินทางข้ามมาหลายเขตเวลาจึงเป็นเวลาที่ดีที่จะนอนซักที
แต่พรุ่งนี้ตั้งใจจะตื่นเช้าไปเที่ยวต่ออีกครึ่งวันก่อนเริ่มประชุม
เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นตั้งแต่หกโมง อาบน้ำแล้วลงมารับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม
อาหารมีตั้งแต่ แฮมนานาชนิด ชีสนานาชนิด สลัด ขนมปัง ซีเรียสพร้อมนมสดหรือนมถั่วเหลือง
ต่อด้วยข้าวผัด ถั่วอะไรไม่รู้ แพนเค้ก ฮัชบราว มะเขือเทศอบ
ต่อด้วย ไข่ขน ไข่ดาว ไข่นึง และยังมี ออมเลท
ไส้กรอกอีก 3 แบบ เบคอน และเห็ดผัดเนย
และสุดท้ายด้วยโซนของหวาน
ที่ห้องอาหารจะมีพนักงานพาไปที่โต๊ะ (น่ารักมากกก) พร้อมถามว่าจะเอาชาแบบไหน หรือกาแฟไหม
แปดโมงเช้า ท้องฟ้าเริ่มมีแสงรำไร ผมก็พร้อมจะออกเที่ยวอีกครั้งนึง
วันนี้ตั้งใจไปที่สะพานชาร์ล ซึ่งเป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดในปรากเป็นอันดับแรก
การเดินทางผมเดินทะลุตึกเส้นทางเดิม
แต่เดินต่อมาอีกหน่อยขึ้นรถเมล์สาย 207 ตามแผนที่
พอลงรถก็เดินไปตามแผนที่นี้
พอลงรถเมล์แล้วเดินออกมาก็เจอวิวปราสาทปรากอยู่ตรงหน้า สวยมากกก
ผมเดินเลียบแม่น้ำมาเรื่อย ท่ามกลางหิมะและอุณหภูมิ -10
วิวฝั่งตรงข้ามเป็นวิวปรากสาทปรากบนเดิน มีเนื้อที่น่าจะเป็นห้องอาหารจอดตากหิมะอยู่
เดินไปตามรั้วจะมีกุญแจคู่รัก แขวนอยู่ ธรรมเนียมนี้มีทั่วโลกแล้วมั้งเนี่ย
เดินมาซักพักก็สุดทางแต่เป็นมุมที่เห็นสะพานชาร์ลกับปราสาทปรากที่สวยมาก
แล้วผมเดินเลี้ยวซ้ายพอถึงถนนก็เลี้ยวขวา เดินอีก 5 นาทีก็ถึงสะพานชาร์ล
เดี๋ยวเย็นๆผมมาเขียนต่อนะครับ