[CR] ภูกระดึง...ขุนเขารูปหัวใจ..ที่ใครๆ..ก็ไปได้ !!

การไปภูกระดึงครั้งนี้ ผมเดินทางไปในช่วงต้นเดือน พฤษจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ตั้งใจว่าจะนำมารีวิวในพันทิบแต่ก็ไม่ได้ทำรีวิวสักที จนล่วงเลยมาเป็นปี (ก็ปีนี้ปี 59 แล้วอ่ะ) ประกอบกับ ช่วงนี้มีข่าวว่า รัฐบาลสนใจจะสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง กระทู้นี้จึงเกิดขึ้น …

กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนา สนับสนุน หรือ คัดค้านการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง กระทู้นี้มีเจตนาถ่ายทอดเสนห์ของภูกระดึง ไม่ว่าจะเป็น การเดินขึ้นเขา , การได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า ที่กำลังเดินขึ้นเดินลงเขา , ความภาคภูมิใจ ที่ถึงที่หมาย (ถึงสักที)

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ 348.13 ตารางกิโลเมตร (217,576.25 ไร่) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด โดยมีที่ราบบนยอดภูกระดึงประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่)ภูกระดึงมีระดับความสูงอยู่ระหว่าง 400 – 1,200 เมตร จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505 ถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 2 ของประเทศไทย ต่อจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

เอาหล่ะ เกริ่นมาพอสมควรแล้ว เริ่มกันเลยดีกว่า

ช่วงต้นเดือนพฤษจิกายน 58 ที่ผ่านมา เพื่อนจะบวช บ้านเพื่อนผมอยู่ที่จังหวัดมหาสารคาม ผมจึงคิดทริปนี้ขึ้นมา ไหนๆ ก็ไปสารคามแล้ว ก็แวะไปภูกระดึงหน่อยล่ะกัน

โอเคเมื่อตัดสินใจได้แล้วก็จองห้องสิครับรออะไร สำหรับท่านที่สนใจจะจองบ้านพักที่ภูกระดึง ก็เข้าไปจองได้ผ่านระบบ online ที่ เว็บนี้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ครับใช้งานง่ายมาก สำหรับคนที่ต้องการนอนแค่เต็นท์ ก็ ที่นี่[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ครับ จองเต็นท์อุทยาน ไม่ต้องแบกขึ้นไป สามารถจองพักติดต่อกันได้สูงสุด 3 คืน และจองล่วงหน้าได้ ไม่เกิน 60 วัน สำหรับผม นอนเต็นท์สิครับ คืนล่ะ 225 บาท ไม่ต้องแบกไป จองปริ๊นใบไปจ่ายตังค์ที่ธนาคารกรุงไทยจบ ง่ายจริงๆ

ออกเดินทางจาก กทม.ก็แวะถ่ายรูปตลอดทางเพราะไม่รีบไปงานบวชก่อน พักสักคืน วันรุ่งขึ้นค่อยออกเดินทางไปภูกระดึง


วัดหลวงพ่อโต (โคราช)


การเดินทางไปยังภูกระดึงมีหลายวิธี
– รถทัวร์
– เครื่องบิน
– รถส่วนตัว

แน่นอนว่าผมเดินทางด้วยรถยนต์ จากอำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม มุ่งหน้า อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย
เวลา 9.30 น. ออกจากมหาสารคาม โดยใช้ถนนหมายเลข 12 (ถนนศรีจันทร์) วิ่งตามถนนศรีจันทร์ไปเรื่อยๆ เลี้ยวขวาตรงแยกโรงบาลศูนย์ขอนแก่น เข้าถนนประชาสโมสร ผ่านแยกสามเหลี่ยม เข้าสู่ถนนมะลิวัลย์ วิ่งบนถนนมะลิวัลย์ไปเรื่อยๆ ผ่านอำเภอชุมแพ จะมีแยกเข้าไปทางภูผาม่าน ก็เลี้ยวเข้าไป จากนั้นวิ่งผ่านอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ก็จะถึงอำเภอภูกระดึง ใช้เวลาเดินทางรวมประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที

ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ศรีฐาน เกือบเที่ยงล่ะ ระหว่างทางมีการทำถนนทำให้รถติดเสียเวลาไปหน่อย พอมาถึงก็ นำเอาใบเสร็จจองเต็นท์ไปติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จากนั้นก็เตรียมสำภาระที่ไม่จำเป็นแยกไว้ เพื่อนำไปให้ลูกหาบแบกขึ้นไป




ลูกหาบคิดค่าบริการ 30 บาท ต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ถ้าใครฟิดๆ ก็แบกขึ้นไปเองเลยครับ สำหรับผม แบกตัวเองขึ้นก็เหนื่อยล่ะ โอเค เที่ยงกว่าล่ะ เดินขึ้นกันเถอะ กว่าจะถึงเดี๋ยวจะมึดซะก่อนก่อนจะเดินขึ้นก็มีจุดลงทะเบียนเช็คชื่อหน่อย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าลงชื่อทำไม ลงชื่อทั้งขาขึ้น ขาลงเลยครับ



ทริปนี้จะเห็นหน้านางแบบเยอะหน่อยนะครับ ผมต้องการสื่อถึงอารมณ์ของคน ความเหนื่อยตอนเดือน และ ดีใจตอนถึงที่หมาย หนทางอีกยาวไกลนักจากจุดเริ่มต้นจะเป็นเส้นทางขึ้นเขา 5.5 กิโลเมตร เราจะไปถึงหลังแป และเดินเท้า(ทางเรียบ) อีกประมาณ 3.5 กิโลเมตร เพื่อไปยังวังกวาง (ที่พักของเราในคืนนี้)





ดูจากจุดพักล่ะ  หนทางอีกยาวไกลเป้าหมายต้องไปถึงวังกวางก่อนพระอาทิตย์ตกติด ไม่งั้นงานงอกแน่ๆ เพราะถ้ามึดแล้วจะมึดเลยระหว่างทางไม่มีไฟทางนะ อ๋อ ถ้าจะเดินขึ้นลงภูกระดึงต้องขึ้นหรือลงก่อนบ่าย2โมงครับ เจ้าหน้าที่เปิดให้ขึ้นแค่นั้น ถ้าเย็นกว่านั้นจะเดินไปไม่ทันมึด จะอันตราย ระหว่างทางมีช้างด้วยนะครับทำเป็นเล่นไป

จุดพักที่เราจะพักได้จริงจัง(แบบมีห้องน้ำ ร้านอาหารให้พอจะนักพักได้)ก็จะมี
– ชำแฮก
– ซำกอซาง
– ซำกกโดน
– ซำแคร่



โอเคเรามาถึง ไฮไลท์ ของภูกระดึงแล้วครับ นั้นคือการเดิน 5.5 กิโลเมตรขึ้นภูกระดึงนั้นเองเริ่มออกเดินทางประมาณ 12.30น. เราจะไปถึงหลังแปกี่โมงล่ะเนี้ย



ช่วงแรกๆ ก็ฟิดดีครับผมเดินๆๆๆๆทำเวลาสุดๆ เขาคิชกุฏเราก็ไปกันมาแล้วแค่นี้จิ๊บๆ คนไม่แน่นเหมือน เขาคิชกุฏด้วย แต่เพื่อนๆ ที่เคยมาภูกระดึงบอกว่าช่วงที่ลำบากที่สุดคือจาก ศรีฐาน ถึง ซำแฮก นี่แหละถ้าผ่านไปได้ที่เหลือไม่ยากล่ะ



เดินมาได้สักพักหมดแรงครับ พักๆ ระหว่างทางก็จะมีลูกหาบที่เดินลงจากภูกระดึง ผ่านมาเป็นระยะๆ ผมก็ได้แต่ถามว่าอีกไกลไหมครับกว่าจะถึง ก็ได้ยินคำตอบว่า 200 เมตรได้มั่งครับ นิดเดียวก็ถึงล่ะ ซำแฮกอะ โอเคเดินกันต่อพักนานเดียวจะเสียเวลามากไป



หลังจากได้กำลังใจจากพี่ลูกหาบก็เดินต่อ ระหว่างทางก็เจอนักท่องเที่ยวเดินลงถามว่าอีกไกลใหม่ บางคนก็บอก อีก 500 เมตรมั่ง บางคนก็บอก 300 เมตรครับ สรุปผมจะเชื่อใครดีกว่า แต่ช่างมันเถอะ เดินๆ ต่อไป ช่วงนี้วัดใจมากครับ บางช่วงผมกับแฟนนี่ แทบอยากจะเดินกับ มันยิ่งกว่า เขาคิชกุฏ จนสุดท้ายก็ผ่านช่วงที่เค้าบอกว่ายากที่สุด มาถึงแล้วซำแฮก



ผมออกมาจากบ้านเพื่อนยังไม่ทานอาหารเช้า พอมาถึงซำแฮกนี่หิวมากครับ จัดไปอาหารสิ้นคิด ข้าวกระเพรา ทานอาหารเสร็จก็นั้งพักเหนื่อยสักหน่อย จุดพักนี้จะคึกคักมากครับ มีจุดขายของที่ระลึกด้วย แม่ค้าที่ซำแฮกนี่ ส่วนมากจะเดินขึ้น เดินลงเอาวันต่อวัน เพราะใกล้พื้น ครับ ราคาอาหารก็ ยังไม่แพงมากครับ จำได้ว่าข้าวกระเพราไข่ดาว ไม่เกิน 50 บาทครับ แต่ยิ่งสูง ราคาก็จะยิ่งแพง



หลังจากใช้เวลาอยู่ซำแฮกซักพัก นานเหมือนกัน ผมจำได้ว่าเช็คอินซำแฮกประมาณ บ่ายโมงกว่าๆ เราก็เดินต่อ จะบ่าย 2 ล่ะ ยังไม่ถึงไหนเลย เป้าหมายต่อไป ซำบอน



เส้นทางระหว่างซำแฮกมาซำบอนนี่ถือว่าเดินง่ายครับ ซิลๆ เลยครับ แต่หลังจากนี้ทางก็จะชันขึ้นหน่อย แต่ไม่เหมือนช่วงที่จะถึงซำแฮกแล้วครับ จะไปเหนื่อยอีกทีก็ซำแคร่ โน้นเลย



ทางเดินก็จะเป็นประมาณนี้



หลังจากนั้นก็เดินเรื่อยๆ ยิ่งเดินสูง อากาศก็จะเย็นลงไม่ร้อนเท่าไหร่ครับ





ระหว่างทางก็มีต้นไม้ มีต้นไม้ดอกไม้แปลกๆ ให้ดูเรื่อยๆ ก็เพลินดีครับ เดินสวนกับคนเดินลงก็ถามกันคำถามเดียวครับ "อีกไกลไหมครับ" ส่วนมากบอกไม่ไกลครับนิดเดียว แต่อากาศดีครับ เดินไม่ร้อนเหงื่อไม่ออกเท่าไหร่ ไม่เหมือนช่วงก่อนถึงซำแฮก อันนั้นเหนื่อยมาก





ซำกกโดน จะมีบ้านพักเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ มีห้องน้ำ วิวแถวนี้ก็สวยครับถ่ายรูปได้นิดหน่อย แต่เริ่มเป็นหินบางแล้ว ก่อนหน้านี้จะเป็นดินๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ แวะพักที่นี่นานเหมือนกันครับ รู้สึกมาได้ครึ่งทางแล้ว อีกนิดเดียว อึบๆๆ



พักถ่ายรูปที่ซำกกโดนซะนาน ได้เวลาเดินทางต่อล่ะ เป้าหมายต่อไปซำแคร่



ถึงซำแคร่แล้ว อีกนิดเดียว จะถึงหลังแป แล้วจ้าาาา แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ยากที่สุด ทางเดินจะเป็นหินซะเป็นส่วนใหญ่ต้องเดินระวังนิดๆ ไม่เหมือนกับช่วงซำแฮกนะครับ อันนั้นคือ ร้อน เหนื่อย แต่แถวนี้ไม่ร้อนแล้ว แต่ทางค่อนข้างชัน



ถึงแล้ววววว หลังแป เราได้ผ่านส่วนที่ยากที่สุด เหนื่อยที่สุด และ จุดที่เป็น ไคลแม็กซ์ของการมาเที่ยวภูกระดึงเป็นที่เรียบร้อย



แต่ภูกระดึงไม่ได้มีไฮไลท์แค่เรื่องการเดินขึ้นอย่างเดียวนะครับ แต่การเดินขึ้นมันเป็นเสนห์ เป็นความภูมิใจ ไม่ใช่ทุกคนจะผ่านมาได้ แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป อยู่ที่ว่าใจสู้หรือป่าว ป้าๆ ลุงๆ วัยเกษียณ ที่เดินขึ้นพร้อมผม เค้าก็อายุ เกิน 60 ปี แต่ก็ยังเดินขึ้นมาได้ ป้าๆ แม่ค้าบนภูกระดึง อายุก็มากแล้ว แต่ก็ยังเดินขึ้นมาได้ และผม พนักงานออฟฟิด ไม่เคยออกกำลังกาย หนักเกือบ 100 กิโลกรัม ก็เดินขึ้นมาได้ ผมจึงขอกล่าวว่า “ภูกระดึง ใครๆก็ไปได้”
ชื่อสินค้า:   ภูกระดึง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่