ที่มา:
http://news.voicetv.co.th/world/330816.html
ศาลสั่งจอห์นสัน & จอห์นสัน จ่ายเงินชดใช้เป็นเงินราว 2,500 ล้านบาท หลังผู้ใช้ป่วยเป็นมะเร็งเสียชีวิต เพราะใช้แป้งทาบริเวณของสงวนเป็นเวลานานหลายสิบปี
คณะลูกขุนมลรัฐมิสซูรี มีคำสั่งให้บริษัทจอห์นสัน&จอห์นสัน จ่ายเงินให้กับญาติของหญิงคนหนึ่งที่เสียชีวิตจากมะเร็งรังไข่ เป็นเงิน 72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,500 ลัานบาท โดยญาติของหญิงที่เสียชีวิตรายนี้ อ้างว่าผู้ตายใช้แป้งยี่ห้อดังกล่าวทาบริเวณของสงวนมาเป็นเวลานานหลายสิบปี ก่อนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งรังไข่ด้วยวัย 62 ปี ซึ่งญาติของคุณยายรายนี้กล่าวว่า บริษัทจอห์นสัน&จอห์นสัน ผิดพลาดด้วยการไม่ขึ้นคำเตือนใดๆเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการใช้แป้งดังกล่าว เป็นเวลากว่า 40 ปีที่วางจำหน่าย
อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันแป้งชนิดนี้จะเป็นสาเหตุเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งรังไข่จริงหรือไม่ เพราะงานวิจัยบางตัวก็บอกว่าการทาแป้งตัวนี้บริเวณของสงวน และเกิดหลุดเข้าไปในช่องคลอดจะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ แต่ก็มีงานวิจัยบางชิ้นระบุว่าไม่มีความเสี่ยง ซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงที่ไม่สิ้นสุดมากว่า 40 ปี
BBC:
http://www.bbc.com/news/world-us-canada-35648252
ศาลสั่งจอห์นสัน&จอห์นสันจ่าย 2.5 พันล. หลังหญิงชราป่วยมะเร็งดับ
ศาลสั่งจอห์นสัน & จอห์นสัน จ่ายเงินชดใช้เป็นเงินราว 2,500 ล้านบาท หลังผู้ใช้ป่วยเป็นมะเร็งเสียชีวิต เพราะใช้แป้งทาบริเวณของสงวนเป็นเวลานานหลายสิบปี
คณะลูกขุนมลรัฐมิสซูรี มีคำสั่งให้บริษัทจอห์นสัน&จอห์นสัน จ่ายเงินให้กับญาติของหญิงคนหนึ่งที่เสียชีวิตจากมะเร็งรังไข่ เป็นเงิน 72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,500 ลัานบาท โดยญาติของหญิงที่เสียชีวิตรายนี้ อ้างว่าผู้ตายใช้แป้งยี่ห้อดังกล่าวทาบริเวณของสงวนมาเป็นเวลานานหลายสิบปี ก่อนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งรังไข่ด้วยวัย 62 ปี ซึ่งญาติของคุณยายรายนี้กล่าวว่า บริษัทจอห์นสัน&จอห์นสัน ผิดพลาดด้วยการไม่ขึ้นคำเตือนใดๆเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการใช้แป้งดังกล่าว เป็นเวลากว่า 40 ปีที่วางจำหน่าย
อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันแป้งชนิดนี้จะเป็นสาเหตุเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งรังไข่จริงหรือไม่ เพราะงานวิจัยบางตัวก็บอกว่าการทาแป้งตัวนี้บริเวณของสงวน และเกิดหลุดเข้าไปในช่องคลอดจะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ แต่ก็มีงานวิจัยบางชิ้นระบุว่าไม่มีความเสี่ยง ซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงที่ไม่สิ้นสุดมากว่า 40 ปี
BBC: http://www.bbc.com/news/world-us-canada-35648252