ชีวิตในเมืองกรุงฯ >>คุณเคยลำบาก เหมือนผมใหม่..อ่านเรื่องราวของผม...คุณอาจรู้สึกดีขึ้น ¥€฿

จุดเริ่มต้น จุดเปลี่ยนแบบย่อ..¥
>>ปริญญาตรี ปีสุดท้าย ผมยังเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่คิดวางแผนอะไรมากมาย เป้าหมายยังไม่แน่นอนหนัก ผมพลาดทำแฟนท้อง รู้สึกกลัวนิดๆ แฟนผมอยู่ปี 3 กลัวมีปัญหาเรื่องเรียน แต่ดีที่เป็นเอกชน ทางออกก็มา แและผมก็ไกล้จะจบแล้วนิ เดี๋ยวก็ได้ทำงาน ต้องเลี้ยงลูกได้แน่ แต่แฟนอยากแต่งงานก่อนลูกจะออกมาดูโลก เดี๋ยวคนนินทา ทางผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงอยากไห้แต่งแล้ว นานมากแล้ว ที่จริงเรามั่นหมายกันไว้นานแล้ว ตั้งแต่ ปวส.1 อยู่ด้วยกันมาตลอด การบอกพ่อกับแม่เลยไม่ใช่เรื่องยาก ผมโทรไปบอกพ่อแม่ไห้รับรู้ แม่มีน้ำเสียงเคลียดนิดหน่อยแล้ววางสายไป ผมไม่ได้ถามหรือสนใจเลยว่าพ่อกับแม่พร้อมไหม แม่เงียบไป พ่อบอกว่าเดี๋ยวหาตังค์ก่อน ค่อยคุยเรื่องฤกษ์ ผมเรียนไปปกติ วันนึงแม่โทรหา บอกว่าได้ฤกษ์แล้วนะ เตรียมตัวเลย ทางบ้านจะเตรียมงานรอ ผมกับแฟนดีใจมาก ผมถามแม่ว่าเอาเงินมาจากไหนตั้งเยอะ แกบอกว่าก็พอมีอยู่ ทำตัวดีๆก็แล้วกัน แต่เงินคงยังไม่พอหรอก ว่าลองยืมกับญาติพี่น้องดู แล้วลูกค่อยหาใช้คืนนะ ผมตอบโอเครเลยครับ
- จบแล้วผมจะหางานทำดีๆเงินเดือนสูงๆ
- ใช้หนี้ไห้แม่หมดเลย
- สร้างบ้านหลังใหญ่ๆ สวยๆ
- ซื้อรถปิกอัพไห้พ่อ สักคัน
- เปิดร้านขายของไห้แม่
- ไม่ต้องลำบาก ผมจะดูแลทุกคนเอง อิอิ
ความฝันก่อนเรียนจบ วาดฝันไว้สวยงามมาก
(ความฝันกับความจริงต่างกันเยอะนะ)
*อีกไม่กี่เดือนก็จัดงานแต่งงานใหญ่โต*
ฝ่ายเจ้าสาวค่อนข้างฐานะดี ต่างจากครอบครัวผมคนละโยด แต่พ่อแม่ผมก็พยายามจัดงานออกมาไห้สมเกียติทางฝ่ายเขา
ครอบครัวผมจน แต่หารวยน้ำใจ เพราะพ่อกับแม่ไม่เคยทำไห้ผมรู้สึกจนเลย ครอบครัวผมเป็นชาวนา ทำสวน แต่ทำไมหาตังค์เยอะแยะมาแต่งงานไห้ลูกได้ (พวกคนรวยเขางงกัน) แต่ผมเข้าใจ เพราะท่านรักลูก เลยอยากทำไห้ถูกต้อง
(บ้านทำไม่เสร็จสักที 5 ปี น่าจะได้ หลังคาสวยๆจะพังก่อนตัวบ้านแล้ว) พ่อบอกว่า ลูกเรียนจบค่อยทำต่อ ช่วงนี้ไม่กล้าทำ กลัวลูกขอไม่มีให้ งานแต่งนี่อีก ก็ต้องเตรียมไว้ ที่จริงไม่น่าจัดงานซะใหญ่โต สำคัญที่บ้านเจ้าสาวต่างหาก เอาเงินแต่งบ้านซะเลยโต๊ะจีนเพียบเลย เพราะในบ้านไม่มีที่จะนั่ง 555 (ทุกคนมีความสุขน่าชื่นตาบาน) ที่บ้านเจ้าสาวมีวงดนตรีหมอลำด้วย แต่เสียดายเล่นแปบเดียว วัยรุ่นมีเรื่องกัน แต่สนุกมาก เจ้าบ่าวก็เมา เสร็จงานแกะซอง ได้แสนเดียว (ขาดทุน) อิอิ
ผมและแฟนกลับไปเรียนหนังสือต่อ...เวลาผ่านไป
*แฟนผมจะคลอดแล้ว วันนั้นผมสอบวันสุดท้าย*
สอบเสร็จรู้ผลเลย ไม่ใช่ผลสอบนะครับ
#คุณได้ลูกผู้หญิง
อยากกลับบ้านมาก แต่เพื่อนขอไห้อยู่ด้วยวันสุดท้ายฉลองกันยกห้อง
#เชื่อไหมครับ ผมเลือกอยู่ฉลองกับเพื่อน แทนที่จะไปดูหน้าลูก ดูแลแฟน (ผมอยากฉลองวันสุดท้าย ต่อไปคงต้องเป็นพ่อที่ดี คงไม่มีโอกาสอีก พรุ่งนี้ค่อยรีบกลับแต่เช้า แต่ที่จริงผมทำผิด สำหรับครอบครัวผมดูแย่
#พ่อตาแม่ยายมองไม่ดี คงมองเราด้านลบไปเลย
#แฟนผมโกรธไม่ลืม ทะเลาะกันทีไร พูดเรื่องนี้ทุกที
#แม่ผมโกหกช่วยว่ารถหมด กลับไม่ทัน ไม่ได้เตี้ยมกัน อิอิ
สงสัยผมยังรักสนักอยู่ และยังแคร์เพื่อน ยังเป็นวัยรุ่นที่อยากเป็นผู้ใหญ่ ผมทำผิดกับแฟนหลายอย่าง ต่อหลายอย่าง ต่อมา...
(ผมเรียนจบ..แต่แฟนยังไม่จบ..อีกปีเดียว)
ผมเลี้ยงลูกรอที่บ้านแฟน...ทำไร่ทำสวนทุกอย่างที่ทำได้..ช่วยพ่อตาแม่ยาย วางแผนไว้เรียนจบ ไปทำงานพร้อมกัน แต่ผมกับแฟนเริ่มมีปัญหากันบ่อย ไม่เคยคุยกันลงตัว เนื่องจากการระแวงของผม คิดมาก เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมคิดสงสัยว่าเขาจะนอกใจ ทำตัวเหลวไหล เที่ยวกลางคืน จับได้หลายครั้ง เรื่องนี้มันบ่อยขึ้นรุ่นแรงขึ้น แต่งงานไม่ถึง 2 ปี ตัดสินใจ(เลิกกัน) ผมเหมือนคนตายด้าน คิดว่าง่าย แต่จริงๆมันไม่ง่าย สำหรับคนที่รักกันมา 7 ปี ผมทิ้งความฝันทุกอย่างลง ไม่รู้จะอธิบายยังไง ทรมารมาก เสียใจสุดๆ ผมเก็บตัวร้องให้อยู่ในห้องเป็นเดือน แม่ผมร้องไห้อยู่ข้างนอกตามผม ไม่ใช่แค่ผมที่เสียใจ ครอบครัวผมเหมือนครอบครัวร้าง เศร้าหมองทุกคน...
ผมหนีออกจากบ้านไป หลายเดือน นอนไปเรื่อย...กินเหล้าทุกวัน สุดท้ายไม่มีที่จะไป ไม่ตังค์สักบาท ขับรถไปตามถนนลุกรัง ทุ่งนานั่งพักตามเถียงนา รู้สึกสมเพศตัวเองมากท นี่หรือคือ "บัณฑิตใหม่" ตัดสินใจกลับบ้าน...
*  ถึงบ้าน..แปลกใจ ไม่มีคนอยู่ ของก็เหลือบางชิ้น คนข้างบ้านเดินมาบอก พ่อขายบ้านแล้ว..ออกไปอยู่ทุ่งนา..โน้น
* ผมขับรถออกไป ตกใจ เหมือนความฝัน เห็นพ่อกับลุง และญาติอีก 2คน กำลังช่วยกัน ปลูกบ้านหลังเล็ก มุงด้วยสังกะสีเก่าๆ
สำหรับนอนชั่วคราว ระว่างสร้างบ้านใหม่
* ผมไม่พูดอะไร เดินเข้าไปหาที่นอน นิ่งแล้วมองไปรอบๆ ผมร้องไห้ขึ้นมาเหมือนเด็ก พร้อมขอโทษ และสารภาพผิด รับผิดทุกอย่าง กลับสิ่งที่ผ่านมา ที่ผมทำไห้ครอบครัวลำบาก น้องชายผมก็คงเกลียดผมอยู่ลึกๆ ผมเห็นแก่ตัว ผมสัญญาจะเป็นคนดีไห้พ่อแม่ภูมิใจ
* ผมพึ่งรู้วันนั้น ว่าพ่อกับแม่ร้องไห้กับผมบ่อยมาก ผมไม่เคยสังเกตุ แม้กะทั้งหาเงินส่งเรียน แต่ละวันแทบนอนไม่หลับ ทำงานทุกวัน แทบไม่ได้พักผ่อน (วันแต่งงาน วันที่เลิกกัน) ก็เป็นวันที่พ่อกับแม่ร้องไห้ อาจร้องคนละแบบแต่ความรู้สึกไม่ต่างกัน
* ไม่เคยมีหนี้ ต้องเป็นหนี้ ขายบ้าน เพราะผมคนเดียว ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพราะคิดถึงแต่ความสุขตัวเอง
* พ่อบอกขายเพราะมันแออัด อยากอยู่แบบธรรมชาติ อิอิ
* แม่บอก พ่อเสียดายบ้านหลังนั้นมาก วันจะขาย นอนก็ไม่หลับ แต่ไม่อยากเป็นหนี้ไห้ปวดหัว
หนี้แค่ 2 แสน พ่อขายบ้านเลย ถ้าเป็นตอนนี้นะ ผมใช้หนี้ไห้พ่อสะบาย แต่เข้าใจความรู้สึกพ่อตอนนั้น สับสนไปหมด
ลูกชายก็ตั้งความหวังอะไรไม่ได้แล้ว ชีวิตมืดมนต์ สบสนวุ่นวาย
"เรื่องจิตรใจผมเริ่มดีขึ้น แต่ยังเหมอลอยอยู่"
!เชื่อไหม! จากที่ผมไม่ค่อยสนิทกับพ่อ ไม่คุยกันเลย พ่อผมรบบทโหดมาตลอด....ไม่กล้าคุยด้วย..ต้องผ่านแม่ตลอด แปลกมาก
พ่อผมเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ดีกับผมมาก ชวนคุย สอนเรืองนั้น คุยเรื่องเพลง เรืองต่างๆ
"พูดดี" "หัวเราะ" "ยิ้ม"
(ผมไม่เห็น พ่อ พูดหัวเราะ ยิ้มแย้มแบบนี้เลย)
โดนไม้เรียว และฝ่ามือประจำ ถ้าทำผิด
- พ่อยอมเปลี่ยนเพราะผมได้
- ผมก็จะเปลี่ยนตัวเองเพราะพ่อไห้ได้รู้สึกได้เลยถึงการเปลี่ยนครั้งใหญ่ของครอบครัว **ครอบครัวอบอุ่นขึ้น ทั้งที่บ้านขาดอะไรไปหลายอย่าง ไม่มีอะไรเลย..
- ไม่มีไฟฟ้า (ใช้ตะเกียง)
- ไม่มีน้ำปะปา (สระหลังบ้าน)
- เนื่องไม่มีไฟฟ้า เครื่องไฟฟ้าทุกอย่างขายหมด ไห้ญาติใช้รอบ้าง
- เหมือนตัดโลกภายนอกไปเลย (แม่ผมอดดูละครช่อง7) อิอิ
$$$ ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯที่แสนลำบาก $$$
อยู่บ้านนอกสบายกว่า "อยู่ดีกินดีกว่า" ชีวิตเรียบง่าย ค่าใช้จ่ายแทบไม่มี
#วางแผนไห้ดีอยู่อย่างสบาย#
ส่วนกรุงเทพฯ ต้องดินรนทุกวัน การแข่งขันที่ยังต้อง"อดมื้อกินมื้อ"อยู่
-มาหาเงินต่างถิ่น หากินต่างแดน
-พลัดพลากจากบ้านเกิด พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน คนที่รัก เพื่อมาหางานทำ "คิดถึงแน่นอน"
- บอกเลย 5 ปีที่อยู่ กทม. ผมไม่เคยกินข้าวครบ3 มื้อ โดยเฉพาะ "มื้อเช้า" ผมไมกินมาเป็น 5 ปีแล้ว ไม่เหลือเวลากิน ประหยังเงินด้วย กลัวสาย ตอนเช้าเป็นเวลาที่เร่งรีบที่สุด (กลับบ้านเทศกาล)
แม่ปลุ๊กกินข้าว งงเลย อาหารเต็มหน้า มีแต่ของชอบทั้งนั้นอร่อยสุดๆ กลับแค่ 4 วันผมรู้สึกถึงความเต็งตึงขึ้น(อ้วนขึ้น)
ไม่อยากไปกรุงเทพแล้ว อยู่บ้านนาเรา.....¥ ผมมีความสุขมาก...แต่ต้องไป เพราะมันน่าที่หรือเวรกรรมที่ต้องชดใช้ อิอิ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่