ออกเดินทางสู่ปิล็อก สังขละ ทองผาภูมิ


     สวัสดีเพื่อนชาวพันทิพย์ทุกท่านเลยนะคะ  อันนี้ถือว่าเป็นกระทู้แรกๆๆของบอมมิโกะเลยคะ หลังจากที่เป็นสมาชิคของพันทิพย์มานานมาก ได้ดูของเพื่อนๆๆมาคราวนี้ตัวเองก็ขอรีวิวการท่องเที่ยวของตัวเองบ้านบ้าง  ทริปนี้ไม่ได้วางแผนเท่าไร ที่พักก็จองไว้ที่สังขละที่เดี๋ยว เพราะกลัวเต็ม เมื่อจองที่พักที่สังขละได้แล้ว ก็เริ่มการเดินทางเลย ขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการก่อนนะคะ ชื่อบอมคะ แต่ชื่อบอมดูโหดไปนิด1 บอมหรือคาร์บอม (ที่แปลว่าระเบิด) 55 โดยส่วยตัวชอบประเทศญี่ปุ่น ชอบดูเซเลอร์มูล ชอบทานซูชิ เลยอยากมีชื่อเป็นญี่ปุ่น เลยเป็นที่มาของ ชื่อบอมมิโกะ บอมเองเป็นสาวประเภทสองคะ  ชีวิตก็เจออะไรหลายๆๆอย่าง ทั้งดีและไม่ดี เพราะก็เค้าใจนะคะว่าเพศอย่างเราเองสังคมก็ยังไม่ค่อยยอมรับสักเท่าไร กระเทยสวยๆๆเท่านั้นหรือคนที่มีความสามารถจริงๆๆที่จะถูกยอมรับ  เป็นกระเทยไม่พอยังไม่สวย อ้วนและดำอีก อะไรจะขนาดนั้นนะคุณบอมมิโกะ ไปไหนมาไหนก็มักจะถูกนินทา ใช้สายตามองอย่างน่ารังเกลียด บางทีก็โดนด่าไอ้กระเทยควาย  เหมือนจะชินนะ แต่ก็แอบเสียใจทุกๆๆครั้ง ว่าเราทำอะไรผิด ทำไมถึงเจอคนมาดูถูกหรือรังเกลียด แต่ก็ชั่งมันเถอะ ปล่อยว่าง เราห้ามความคิดใครไม่ได้เน้อ ก็ทำตัวเองให้ดีที่สุดและกัน ไม่สร้างปัญหาให้สังคม ทำงานสุจริต ไม่ดูถูกคน ก็สบายใจและ และอีกสิ่งที่ตัวบอมมิโกะเองชอบคือ การท่องเที่ยว เที่ยวได้ทุกรูปแบบ ไปได้ทุกทาง จะมอเตอร์ไซด์ รถยนต์ รถทัวร์ เรือ เครื่องบิน ไปหมดคะ ขอให้ไปถึงจุดมุ่งหมายได้ เห็นอ้วนๆๆแบบนี้ ไม่เป็นภาระใครแน่นอนค่ะ  การท่องเที่ยวในครั้งนี้ เป็นการท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซด์คะ และก็ถือเป็นการขับมอเตอร์ไซด์ที่ไกลที่สุดของบอมมิโกะเองด้วย ใจก็กล้าๆๆกลัวๆๆ แต่ถ้าเราไม่เริ่มไปใครจะรู้ละว่าเราก็ทำได้ คนอื่นๆๆเค้ายังไปได้เลย ทำไมเราจะไปไม่ได้ว่ามะ ทริปนี้ไปคนเดี่ยวคะ วางแผนไว้ 3 วัน 2 คืน  แต่พอไปจริงอยู่ที่ 4 วัน 3 คืน เพราะอะไร เพราะตัวเองนั้นแหละ อยากไปไหนก็ไป อยากแวะไหนก็แวะ ไม่รีบ เวลาไม่จำกัด แต่มีงบอยู่ 5000
การเดินทางในครั้งนี้
เราใช้รถมอไซด์ HONDA PCX
กล้องถ่ายภาพ ก็ถ่ายจากโทรศัพท์ samsung s4 zoom ใช้โปรแกรมอัตโนมัติ ไม่แต่งภาพใดๆๆ
เสื้อผ้า ชุด จัดเต็ม
รองเท้า แตะ 1 คู่ กะรองเท้านินจารุ่นคอมแบต ยี่ห้อ cs choes  สีชมพู ใช้ใส่ตลอดทั้งทริป ขับมอไซด์ เดินป่า ปืนเขา คู่นี้เลยคะ
     พร้อมเดินทางกันเลยคะ เช้าวันศุกร์ ตื่นแต่เช้า  ออกจากบ้านย่านสวนผัก ตอน 06.20 น ตอนแรกจะออกสัก ตี 4 แต่ตื่นสาย ผิดแผนและ ชั่งมัน ก็ไปเรื่อยๆๆละกัน แต่คืนนี้ต้องนอนที่ปิล็อกนะ  ดูสิว่าจะไปทันไหม 55 ก็วิ่งเส้นพระบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑลสายต่างๆๆ

เกือบ 07.00 ก็แวะไปองค์พระปฐมเจดีย์สักหน่อย ไหนๆก็ผ่านและ

เพื่อนๆๆหลายท่านอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะ ขับมอไซไป ถ่ายรูปด้วย  เดี๋ยวเกิดอันตราย เราเองนิสัยไม่ดี

และแล้วก็ถึงองค์พระปฐมเจดีย์ แต่ไม่ได้ขึ้นไปด้านบนนะคะ เพราะ ต้องเดินทางต่อ เลยไหว้ตรงด้านล่างนี้เลย ไหว้เสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อ สู่ กาญจนบุรี   ไปไหนต่อดีนะ

ว่าแล้วก็ตัดสินใจไปวัดถ้ำเสือดีกว่า เพราะต้องผ่านอยู่แล้วที่อำเภอท่าม่วง ยังไงไปวัดถ้ำเสือก็สามารถวิ่งเข้าเมืองได้เช่นกันและแล้ว 08.00 ก็เดินทางมาถึง    วัดถ้ำเสือ  นี้ขนาดขับมาจากกรุงเทพเรื่อยๆๆนะ เราไปไหว้พระกันดีกว่า

มาทั้งทีต้องเดินขึ้นคะ แค่นี้เองชิวๆๆ แต่ก็แอบหอบนิด1 นะ
     วัดถ้ำเสือตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงชุม อยู่ห่างจากเขื่อนแม่กลอง ประมาณ 5 กิโลเมตร ทางเข้าวัดต้องผ่านเขื่อนแม่กลอง จะมีป้ายบอกเลี้ยวขวาไปประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 200 เมตร วัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขามีพุทธลักษณะที่สวยงามมาก และยังมีอุโบสถอัฏฐมุขเป็นลักษณะทรงไทยมีลวดลายสวยงามวิจิตรตระการตา ข้างๆ มีเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาทซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินหรือใช้ลิฟต์ขึ้นไปชมจะมองเห็นวิวทะเลสาบและเขื่อนแม่กลอง
     วัดถ้ำเสือ  สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่อยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองกาญจน์มากนัก ถึงก่อนตัวเมืองกาญจน์ ห่างจากเขื่อนแม่กลอง 5 กิโลเมตร เมื่อเข้ามาถึงลานจอดรถหน้าศาลาหลังใหญ่จะมองเห็นจุดเด่นของวัดถ้ำเสือในมุมมองที่เป็นที่นิยมกันมากคือพระพุทธรูปลักษณะคล้ายพระพุทธชินราชองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ในซุ้ม ใกล้ๆ กับเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท กับอุโบสถอัฏฐมุข (แปดเหลี่ยม) ส่วนศาลาเล็กๆ ที่เห็นอยู่ที่เชิงเขาเป็นที่ตั้งรูปเหมือนพระบูรพาจารย์ มีสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หลวงปู่ทวด ด้วย

     พระชินประทานพร พระพุทธรูปปางประทานพรที่มีซุ้มคล้ายพระพุทธชินราช ซึ่งเป็นที่มาของพระนามพระชินประทานพร แต่ก่อนหน้านั้นมีวิหารซึ่งเป็นเสนาสนะที่สวยงามตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า หลวงพ่อชินประทานพร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นจุดเด่นของวัดถ้ำเสือ

เจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท  สิ่งถัดมาอยู่ไม่ไกลจากหลวงพ่อชินประทานพร เป็นจุดเด่นอย่างที่สองของวัดถ้ำเสือแห่งนี้ ลักษณะที่สวยงามแปลกตาและขนาดใหญ่สร้างอยู่บนยอดเขามองเห็นได้แต่ไกล อยู่เยื้องไปเบื้องหน้าขององค์หลวงพ่อชินประทานพร แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าจะหามุมเก็บภาพให้เห็นเต็มถึงส่วนยอดได้ก็ต้องเดินมาไกลหน่อย เจดีย์นี้รายล้อมด้วยอาคารต่างๆ อีกมากมายล้วนแล้วแต่สร้างอย่างงดงามกลมกลืนกันด้วยสีที่เลือกใช้
     พระเจดีย์เกศแก้วมหาปราสาท วัดถ้ำเสือ มี 9 ชั้น ความสูง 59 เมตร ภายในโปร่ง มีบันไดเวียนสำหรับขึ้นไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ที่ประดิษฐานอยู่ที่ชั้นบนสุดของพระเจดีย์ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจุจบัน เสด็จมาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย ไว้ในปราสาทจุฬามณีบรมสารีริกธาตุ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533




จากนั้นก็มาที่วัดที่อยู่ข้างๆๆวัดถ้ำเสือ ชื่อวัดเขาน้อย
     วัดถ้ำเขาน้อย เป็นวัดที่อยู่ติดกันกับวัดถ้ำเสือ แต่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมากว่า 130 ปี และเป็นหนึ่งในสองวัดญวนในจังหวัดกาญจนบุรี วัดหนึ่งคือวัดถาวรวราราม ที่อยู่ในตัวเมือง อีกวัดนึงคือวัดถ้ำเขาน้อย ที่มีสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมเป็นแบบจีนที่งดงาม เรียบง่าย ตามแบบของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ตามที่ชาวญวนนับถือ สามารถเข้าเที่ยวชม สักการะเทพเจ้า และพระบรมสารีริกธาตุได้ทุกวัน
     วัดถ้ำเขาน้อย เป็นอีกหนึ่งในศาสนสถานตามลักษณะพุทธนิกายมหายาน ที่มีลักษณะแบบจีน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2426 มีพระจีนมาพำนักเป็นรูปแรก คือ หลวงปู่แห้ง (กั๊กเง้ง) ต่อมาได้มีพระอาจารย์เตี๊ยบถ่อ ซึ่งเป็นพระสงฆ์นิกายมหายาน ฝ่ายอนัมนิกาย (ในรูปแบบญวน) มาบูรณะดูแลต่อให้สวยงามดังในปัจจุบัน
     สถาปัตยกรรม รูปเคารพ และศิลปะภายในวัด เป็นแบบจีนแทบทั้งสิ้น ชั้นล่างมีพระประธานคือพระศรีอาริยเมตไตรย หรือพระสังกัจจายน์ ซึ่งฝ่ายมหายานถือว่า เป็นองค์พระโพธิสัตว์ที่จะได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต เป็นพระที่มีร่างกายอวบอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เป็นลักษณะที่มีความสุข เบิกบานอยู่ตลอดเวลา ติดกันซ้ายขวาของพระประธาน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอรหันต์ 18 พระองค์ แต่ละองค์มีเอกลักษณ์ท่าทางไม่ซ้ำกัน ซึ่งจะแฝงด้วยคติธรรมในการถ่ายทอดธรรมแก่พุทธศาสนิกชน ตามตำนานของอนัมนิกายจีนโบราณ


จากนั้นก็ออกเดินทางต่อ โดยที่เราไม่วิ่งไปทางเดิม แต่วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆๆ ก็ได้เจออีกหลายๆๆวัดที่หน้าสนใจ ก็มาเจอ วัดบ้านถ้ำ
เห็นแล้วสะดุดตากับมังกรขนาดใหญ่ ไม่แวะไม่ได้แล้ว

     ห่างจากวัดถ้ำเสือไปทางตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 5 กิโลเมตร ทางขึ้นถ้ำเป็นบันไดลึกเข้าไปในปากมังกรตัวใหญ่ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยลักษณะคล้ายผู้หญิง เชื่อว่าคือ นางบัวคลี่ จากเรื่องขุนช้างขุนแผน ห่างจากวัดถ้ำเสือไปทางตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 5 กิโลเมตร ทางขึ้นถ้ำเป็นบันไดลึกเข้าไปในปากมังกรตัวใหญ่ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยลักษณะคล้ายผู้หญิง เชื่อว่าคือ นางบัวคลี่ จากเรื่องขุนช้างขุนแผน
     วัดบ้านถ้ำเป็นวัดโบราณเก่าแก่มาหลายชั่วอายุคนบริเวณวัดเป็นลานกว้าง   ด้านหลังจรดเขา ด้าด้านจรดแม่น้ำกลอง มีชายหาดสวยงามอยู่หน้าวัดภูเขาที่ตั้วถ้ำสูงราวๆ 200 เมตรภูเขาลุกนี้เป็นเทือกเดียวติดต่อกันหลายยอดเป็นพืดไปทางทิสตะวันตกเยงเหนือสุดปลายเขาที่เขาแหลมและเขาตกถ้ำมังกรทองวัดบ้านถ้ำนี้มีประวัติเล่าต่อๆกันมาว่าสร้างในสมัยยุคสุโขทัย ตามประวัติเล่าว่า มีเศรษฐีคนหนึ่งร่ำรวยมากได้มาเห็นถ้ำที่บ้านถ้ำนี้ใหญ่โตสวยงามน่าอาศัย มีปล่องสว่างดีมีลมพัดถ่ายเทอากาศเข้าออกอยู่เสมอ จึงนิมนต์หลวงพ่อทองผู้เป็นปฐมเจ้าอาวาส เป็นผู้มีชื่อเสียงดด่งดังทางด้านพุทธาคมให้มาอยู่จำพรรษาในถ้ำนี้หลวงพ่อทองได้เลี้ยงนกสาริกาตัวหนึ่ง หัดพูดพาคนได้ แม้กระทั่งทุกวันนี้ก้ยังมีนกสาริกาอาศัยอยู่ได้จัดสร้างพระพุทธรูปไว้ในถ้ำแบบพระพุทธชินราชปูชนียวัตถุและสถานที่ควรเที่ยวชม  อุโบสถหลังเก่าในอุโบสถหลังเก่ามีพระพุทธรูปปางสมาะพร้อมด้วยพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตรซี่งทำด้วยหินทราย ลงรักปิดทองเป็นของเก่ามีมาแต่เดิม
      อุโบสถหลังใหม่ ซึ่งมีพระพุทธชินราชจำลองทำพิหล่อที่วัดชีปะขาวหายจังหวัดพิษณุโลกถ้ำคูหามังกรสวรรค์ หรือถ้ำนางบัวคลี่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์"หลวงพ่อใหญ่ชินราช" ชาวบ้านทั่วไปนับถือมาก มีถ้ำสวยงามให้ชมมากมายหลายถ้ำด้วยกัน
1.ถ้ำม่านวิจิตร 2.ถ้ำขุนแผน 3.ถ้ำดอกจอก4.อุทยานถ้ำดุสิต 5.ถ้ำหมื่นหาญ 6.ถ้ำนางนวล7.ถ้ำนางนอน เมื่อท่านขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วมองลงมาด้านล่างท่านจะเห็นทิวทัศน์สวยงามมากมีภูเขา ทิวเขาสลับซับว้อนชูยอดสลอนมีต้นไม้นานาพันธุ์ยืนต้นแข่งกับความสูงของยอดเขา นับเป็นทัศนียภาพที่งดงามสุดจะหาคำใดเอ่ยให้เหมาะสมได้ มนต์ธรรมชาติแห่งทิวเขาบ้านถ้ำดินแดนแห่งเมืองลับแลนครแลลับ



เริ่มเดินทางไปนมัสกาล หลวงพ่อใหญ่ชินราช

ใกล้ถึงปากมังกรแล้ว หอบนิด1 แต่ใจเต็มร้อย

ถึงปากมังกร ก็ต้องเดินขึ้นไปต่อ จุดหมายอยู่ตรงห่างมังกร


เมื่อเดินสุดปลายห่างมังกร ก็จะเจอบันไดอีก และพระพุทธรูป เดินขึ้นไปอีกนิด ก็จะเจอถ้ำขนาดใหญ่ ภายในมีหลวงพ่อใหญ่ชินราช

ภายในถ้ำเย็นสบาย มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายจุด แต่ที่ดูสง่า ชัดเจนคือ หลวงพ่อใหญ่ชินราช
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่