6 สิงหาคม 2556
ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อ่านคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ช.5/2555
ที่อัยการได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลทำการไต่สวนการตาย 6 ศพในวัดปทุม จากเหตุการณ์ 19 พ.ค. 2553
สรุป ว่า
1. เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานทหาร
2. ผู้ตายทั้ง 6 ไม่มีคราบเขม่าดินปืนที่มือทั้งสองข้าง แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืนมาก่อน
3. การตรวจยึดอาวุธในวัดปทุมวนาราม ไม่น่าเชื่อว่า มีการตรวจยึดจริง
4. กรณีชายชุดดำ ไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำ อยู่ในบริเวณดังกล่าว
โดยศาลมีคำสั่งให้นำคำสั่งนี้ ส่งต่อให้พนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.thairath.co.th/content/362085
มาตรา 150 บอกว่า
"เมื่อศาลได้มีคำสั่งแล้ว ให้ส่งสำนวนการไต่สวนของศาลไปยังพนักงานอัยการเพื่อส่งแก่พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป"
ที่ต้องพิจารณาต่อไปก็คือ พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่
จะเห็นว่า นี่คือ การฆาตกรรม ไม่ใช่การสลายการชุมนุม ไม่ใช่การยิงป้องกันตัว ไม่ใช่การยิงต่อสู้คนร้าย
เมื่อเป็นเรื่องฆาตกรรม ย่อมเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน
พนักงานสอบสวนมีความเห็นว่า พนักงานทหารได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 70
คือปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ ศอฉ. จึงไม่แจ้งข้อกล่าวหา และตั้งข้อกล่าวหากับผู้สั่งการ
เหตุการณ์ในวัดปทุมนี่ ชัดครับ มีพยานนับพันที่อยู่ในเหตุการณ์
เมื่อศาลไม่รับฟ้อง ให้ส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.
ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ชี้มูลแล้วว่า ผู้สั่งการไม่ผิด เป็นความผิดเฉพาะตัวของทหาร
อย่างนี้ ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บนรางรถไฟฟ้าในวันนั้น
ก็ต้องโดนข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา
มีประเด็นที่ต้องพิจารณาอีกคือ ทหารที่ยิงคนตายนั้น ทำตามคำสั่ง หรือทำไปเองโดยพลการ
หากทำตามคำสั่ง ทหารที่ยิงก็ต้องหาหลักฐานคำสั่งมายืนยันเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด
หากไม่มีคำสั่งมายืนยัน ก็ถือว่าทำเป็นโดยพลการ ต้องรับผิดชอบการกระทำ เจตนาฆ่าคนตาย
(น่าคิดนะครับ หากไม่โดนสั่ง ทหารจะยิงคนในวัดปทุมทำไม
และไม่ใช่ยิงนัดสองนัด ยิงเป็นชั่วโมง ๆ ยิงตั้งแต่เย็นจนดึก)
เหตุการณ์ในวัดปทุม ถือเป็นเหตุการณ์ปิดท้าย
ก่อนถึงวันที่ 19 พ.ค. 53 มีเหตุการณ์แบบวัดปทุมเกิดขึ้นก่อนมากมายหลายศพ
แต่ไม่มีการระงับยับยั้ง
แล้วแบบนี้ ป.ป.ช. เห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบของผู้สั่งการได้อย่างไร ?
แล้วแบบนี้ การเจตนาให้มีการบาดเจ็บล้มตาย จะเป็นเรื่องในอำนาจหน้าที่ได้อย่างไร ?
ก็ลอง ๆ พิจารณาถึงความเป็นธรรมดูครับ
และพิจารณาดูว่า คดีนี้ พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่ ทำไมศาลอาญาไม่รับฟ้อง
เทียบกับการชี้มูลเอาผิดนายกฯสมชาย กรณีสลายการชุมนุมพันธมิตร 7 ต.ค. 51
ที่ ป.ป.ช. บอกว่าผิด ด้วยข้อหา ว่า
"ไม่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชายุติการกระทำ กลับปล่อยให้มีการกระทำที่รุนแรงขึ้นตามลำดับตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต"
เหตุเกิดหนึ่งวัน ตายสองศพ ที่ไม่ได้ตายเพราะการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดน ป.ป.ช. ชี้มูลว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำเรื่องส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้อง
อัยการเห็นควรไม่สั่งฟ้อง เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ป.ป.ช. ก็จ้างทนายความฟ้องเอง
ตอนนี้ คดีอยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ
ขณะที่เกิดเหตุกว่าเดือน ตายเกือบร้อยศพ
ป.ป.ช. บอกว่าอภิสิทธิ์-สุเทพ ไม่ผิด สั่งการโดยชอบทุกประการ
เชื่อไหมครับ การเอาผิดนายกฯสมชาย นั้น
ป.ป.ช. ไม่เคยเรียกนายกฯสมชายเข้าชี้แจงเลย
เอายังงี้ กรณีมีผู้เสียชีวิต 6 ศพในวัดปทุมเมื่อ 19 พ.ค. 2553 นี่ เป็นอำนาจการสอบสวนของใคร และจะเอาผิดกับใคร ?
ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อ่านคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ช.5/2555
ที่อัยการได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลทำการไต่สวนการตาย 6 ศพในวัดปทุม จากเหตุการณ์ 19 พ.ค. 2553
สรุป ว่า
1. เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานทหาร
2. ผู้ตายทั้ง 6 ไม่มีคราบเขม่าดินปืนที่มือทั้งสองข้าง แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืนมาก่อน
3. การตรวจยึดอาวุธในวัดปทุมวนาราม ไม่น่าเชื่อว่า มีการตรวจยึดจริง
4. กรณีชายชุดดำ ไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำ อยู่ในบริเวณดังกล่าว
โดยศาลมีคำสั่งให้นำคำสั่งนี้ ส่งต่อให้พนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาตรา 150 บอกว่า
"เมื่อศาลได้มีคำสั่งแล้ว ให้ส่งสำนวนการไต่สวนของศาลไปยังพนักงานอัยการเพื่อส่งแก่พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป"
ที่ต้องพิจารณาต่อไปก็คือ พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่
จะเห็นว่า นี่คือ การฆาตกรรม ไม่ใช่การสลายการชุมนุม ไม่ใช่การยิงป้องกันตัว ไม่ใช่การยิงต่อสู้คนร้าย
เมื่อเป็นเรื่องฆาตกรรม ย่อมเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน
พนักงานสอบสวนมีความเห็นว่า พนักงานทหารได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 70
คือปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ ศอฉ. จึงไม่แจ้งข้อกล่าวหา และตั้งข้อกล่าวหากับผู้สั่งการ
เหตุการณ์ในวัดปทุมนี่ ชัดครับ มีพยานนับพันที่อยู่ในเหตุการณ์
เมื่อศาลไม่รับฟ้อง ให้ส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.
ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ชี้มูลแล้วว่า ผู้สั่งการไม่ผิด เป็นความผิดเฉพาะตัวของทหาร
อย่างนี้ ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บนรางรถไฟฟ้าในวันนั้น
ก็ต้องโดนข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา
มีประเด็นที่ต้องพิจารณาอีกคือ ทหารที่ยิงคนตายนั้น ทำตามคำสั่ง หรือทำไปเองโดยพลการ
หากทำตามคำสั่ง ทหารที่ยิงก็ต้องหาหลักฐานคำสั่งมายืนยันเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด
หากไม่มีคำสั่งมายืนยัน ก็ถือว่าทำเป็นโดยพลการ ต้องรับผิดชอบการกระทำ เจตนาฆ่าคนตาย
(น่าคิดนะครับ หากไม่โดนสั่ง ทหารจะยิงคนในวัดปทุมทำไม
และไม่ใช่ยิงนัดสองนัด ยิงเป็นชั่วโมง ๆ ยิงตั้งแต่เย็นจนดึก)
เหตุการณ์ในวัดปทุม ถือเป็นเหตุการณ์ปิดท้าย
ก่อนถึงวันที่ 19 พ.ค. 53 มีเหตุการณ์แบบวัดปทุมเกิดขึ้นก่อนมากมายหลายศพ
แต่ไม่มีการระงับยับยั้ง
แล้วแบบนี้ ป.ป.ช. เห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบของผู้สั่งการได้อย่างไร ?
แล้วแบบนี้ การเจตนาให้มีการบาดเจ็บล้มตาย จะเป็นเรื่องในอำนาจหน้าที่ได้อย่างไร ?
ก็ลอง ๆ พิจารณาถึงความเป็นธรรมดูครับ
และพิจารณาดูว่า คดีนี้ พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่ ทำไมศาลอาญาไม่รับฟ้อง
เทียบกับการชี้มูลเอาผิดนายกฯสมชาย กรณีสลายการชุมนุมพันธมิตร 7 ต.ค. 51
ที่ ป.ป.ช. บอกว่าผิด ด้วยข้อหา ว่า
"ไม่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชายุติการกระทำ กลับปล่อยให้มีการกระทำที่รุนแรงขึ้นตามลำดับตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต"
เหตุเกิดหนึ่งวัน ตายสองศพ ที่ไม่ได้ตายเพราะการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดน ป.ป.ช. ชี้มูลว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำเรื่องส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้อง
อัยการเห็นควรไม่สั่งฟ้อง เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ป.ป.ช. ก็จ้างทนายความฟ้องเอง
ตอนนี้ คดีอยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ
ขณะที่เกิดเหตุกว่าเดือน ตายเกือบร้อยศพ
ป.ป.ช. บอกว่าอภิสิทธิ์-สุเทพ ไม่ผิด สั่งการโดยชอบทุกประการ
เชื่อไหมครับ การเอาผิดนายกฯสมชาย นั้น
ป.ป.ช. ไม่เคยเรียกนายกฯสมชายเข้าชี้แจงเลย