เที่ยวสุดมันส์ Ho Chi Minh –Da Nang – Hoi An [วันที่ 1] Ep. 3



“คนขับแท็กซี่ล็อคประตูไม่ให้พวกเราลง สบถด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย (พอเดาได้) แสดงอาการฉุนเฉียว เมื่อพวกเราร้องหาตำรวจ ตอนนี้ชะตากรรมในต่างแดนของพวกเราไม่อาจที่จะล่วงรู้ได้เลย”


    หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ยังนั่งพักร่างกายที่อ่อนเพลียจากแสงแดด และเป้ที่แบกอยู่ที่หลังตลอดช่วงเช้า ความเหน็ดเหนื่อยก็มีบ้าง แต่ความเมื่อยล้านี่ซิมีมากเลยทีเดียว ช่วงบ่ายล่ะ! เราจะไปไหนกันดี แล้วก็ตกลงกันได้ว่าเดี๋ยวจะเดินไปชม Reunification Palace (ทำเนียบประธานาธิบดีแห่งเวียดนามใต้) Ben Thanh (ตลาดบินถั่ว) เพราะอยู่ไม่ไกลในระยะที่พอเดินไปได้ ก่อนที่จะนั่งแท็กซี่ไปนั่งเล่นนอนเล่นตากแอร์รอเวลาที่ห้างสรรพสินค้า Parkson ฝั่งตรงข้ามสนามบิน เนื่องจากเวลา 21.30 น. พวกเราจะเหินฟ้าอีกครั้งไปยัง Da Nang แล้วก็เข้าพักในโรงแรมที่ได้จองเอาไว้อยู่แล้ว
    นี่คือแผนของเราในช่วงบ่ายแก่ๆ ยาวไปจนถึงช่วงดึก
    ทุกคนเห็นด้วย เอาเท่านี้พอแล้ว สำหรับ Ho Chi Minh แดดแรงเหลือเกิน! ไปหลายที่กว่านี้คงเดินไม่ไหวแน่นอน
    เดินตามถนนโดยมีแผนที่บอกเส้นทางไปได้เพียงแค่ 350 เมตร ก็มองเห็นอาคาร Reunification Palace แต่ไกล เมื่อเดินจะผ่านประตูเข้าไปยังภายใน พี่ยามก็บอกว่าต้องไปซื้อตั๋วก่อนจึงจะเข้าได้
    โห... ทุกอย่างซื้อตั๋วหมดเลย เอาไงดีล่ะ พวกเราพูดคุยกันอีกครั้ง

    ช่วงบ่ายแสงแดดสาดส่องอยู่ด้านหลังของอาคาร Reunification Palace ที่สวยงาม ถ่ายภาพยังไงก็ย้อนแสง มืดแน่นอน เลยคิดกันว่าถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายค่าตั๋วเพื่อเข้าไปด้านใน ประหยัดเงินเอาไว้ดีกว่า...ว่ากันอย่างนั้น
    ว่าแล้วก็เดินต่อไปตามแผนที่ เดินต่อไปอีก 900 เมตร ผ่านแยกโน้นแยกนี้ เลี้ยวนั่นเลี้ยวนี่ แผนที่ก็พาพวกเรามาถึง Ben Thanh (ตลาดบินถั่ว)
    เฮ้ยนี่เหรอ Ben Thanh (ตลาดบินถั่ว) อันโด่งดังเลื่องชื่อ


    ตลาดกิมหยง หาดใหญ่ชัดๆ ถ้าอย่างนั้นก็นั่งแท็กซี่ไปยังห้างสรรพสินค้า Parkson นั่งรอขึ้นเครื่องไปยัง Da Nang ก็แล้วกัน เป็นอันว่าทุกคนเห็นด้วยทันที
    ทุกคนเหน็ดเหนื่อยจากการเดินท่ามกลางแสงแดดที่ร้อน และเป้ที่หนัก เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย จนไม่รู้ว่ากำลังมีบางสิ่งที่อันตรายเกิดขึ้นกับพวกเรารออยู่

    “พี่ไปเวียดนามระวังแท็กซี่โกงนะ ต้องนั่งแท็กซี่ยี่ห้อนี้นะ ปลอดภัย!” น้องที่ทำงานเตือนมา พร้อมทั้งให้ดูรูปแท็กซี่ที่นั่งแล้วปลอดภัย
    “จริงดิ” ผมระมัดระวังเรื่องการนั่งแท็กซี่มากเป็นพิเศษ แต่มันไม่เพียงพอ พวกเราก็โดนจนได้!
    เดินออกจากตลาด Ben Thanh ก็มีแท็กซี่จอดอยู่สองคัน อีกหนึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติโบกขึ้นไป ส่วนอีกคันเป็นแท็กซี่ที่เป็นบริษัทที่น้องแนะนำพอดี เอาเป็นว่า (คิดว่า) ปลอดภัย
    “ไปห้างสรรพสินค้านี่ราคาเท่าไหร่ครับ” ผมสอบถามพี่แท็กซี่
    พี่แท็กซี่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ชี้ไปที่มิเตอร์
    ดูแล้วบริษัทก็ใช่ มิเตอร์ที่คงจะไม่โกงแน่นอน ขึ้นเลยพวกเรา!

    ขอย้อนกลับไปสักหน่อย เมื่อเช้านั่งแท็กซี่จากสนามบินมาด้วยราคา 220,000 ดง (ราคาแท็กซี่เคาท์เตอร์สนามบิน) นั่งกลับก็คงจะไม่แพงไปกว่านี้แน่นอน ผมแอบเป็น Google Map ก็เห็นว่าเส้นทางที่พี่แท็กซี่ขับก็เป็นเส้นทางตรงไปยังสนามบิน ไม่มีอ้อมไปไหน เมื่อดูจากมิเตอร์แล้วทุกราคาเป็นปกติ จนพวกเราเบาใจ
    “ถึงแล้ว” พี่แท็กซี่ทำท่าทางบอกพวกเราว่าถึงแล้ว แต่ทำไมถึงไม่เข้าไปจอดหน้าห้างสรรพสินค้านะ ไม่เป็นไรเห็นป้ายอยู่ด้านหน้าเอง เดินเข้าไปเองก็ได้ มิเตอร์ขึ้นราคาอยู่ที่ 14X,xxx ดง ถูกกว่าเมื่อเช้านี้เยอะเลย ผมหยิบเงินให้กับพี่แท็กซี่
    คนขับแท็กซี่โวยวายขึ้นมาทันทีว่า ไม่ใช่ 14x,xxx ดง แต่เป็น 1,4xx,xxx ดง เฮ้ยแพงขึ้นไปตั้ง 1,2xx,xxx ดง เลยนะ จากแสนเป็นล้าน ผมโต้เถียงกับคนขับรถแท็กซี่สักพัก ต่างคนต่างไม่ยอม พวกเราเรียกหาตำรวจทันที
    “OK ตำรวจ” แท็กซี่สบถ อย่างหงุดหงิดแล้วก็ขับรถออกไป โดยบอกว่าจะพาไปหาตำรวจ ซึ่งพวกเราก็ไม่กลัวอยู่แล้ว ขับรถมาได้สักพักตอนนี้เราเริ่มรู้แล้วว่าคงไม่พาพวกเราไปหาตำรวจแน่นอน!
    ตลอดทางผมพยายามเจรจากับอ้ายแท็กซี่ (ไม่เรียกพี่แล้ว) ตลอดทาง
    “เมื่อเช้าผมนั่งแท็กซี่มา ราคาแค่ 220,000 ดง เอง จะเป็นไปได้ยังไงระยะทางเท่ากันราคาไปตั้ง 1 ล้านดง” อ้ายแท็กซี่หยิบใบเสร็จขึ้นมาดูแสดงสีหน้าสลดทันที ตอนนี้พวกเรารู้ชะตากรรมของตนเองในต่างแดนแล้ว
    “จอดเดี๋ยวนี้! จอดเดี๋ยวนี้!” ผมสั่งให้อ้ายแท็กซี่จอด แต่ไม่ได้รับการตอบรับ พลางหันหน้ามามองทำท่าจะชกเช้าที่หน้าผม แต่ก็ไม่ทำ พยายามจะหยิบบางอย่างออกมาจากในเก๊ะที่นั่งของคนนั่ง ซึ่งทำให้น้องสองคนที่นั่งด้านหลังเริ่มหวาดกลัวมากแล้ว
    ผมเอาหัวเข่าดันเอาไว้ไม่ให้เปิดออกได้ อ้ายแท็กซี่หงุดหงิดเข้าไปอีก สถบด้วยภาษาที่พวกเราฟังไม่รู้เรื่องตลอดทาง
    “จอดเดี๋ยวนี้! จอดเดี๋ยวนี้!” ผมพยายามที่จะเปิดประตูออก แต่ถูกล็อคเอาไว้จากฝั่งทางคนขับ จะเปิดกระจกก็เปิดไม่ได้
    แท็กซี่ขับรถผ่านตำรวจ 2 คนที่ยืนอยู่ พวกเราพยายามที่จะต้องเรียกตำรวจ แต่ก็ไม่เป็นผล ตำรวจทั้งสองคนไม่ได้ยินพวกเราเลย ยืนคุยกันเหมือนเหตุการณ์ปกติ
    เฮ้ย! จะแย่อยู่แล้ว ยืนคุยกันอยู่นั่นล่ะ

    เอาไงดี คิด คิด คิด...
    อ้ายแท็กซี่คันนี้ มันต้องพาพวกเราไปหาพรรคพวกมันแน่ นั่นหมายความว่า คงจะต้องถูกปล้นกล้องถ่ายภาพ 3 ตัว เงินที่ติดตัวมาทั้งหมดก็คงต้องถูกปล้นไปแน่นอน ไหนอาจจะต้องถูกทำร้ายอีก เสี่ยงเอามากๆ
    ปิ้ง!
    สมองเริ่มทำงานแล้วตอนนี้
    ประสบการณ์สอนผมว่า การนั่งอยู่ในระยะประชิดเช่นนี้ ถ้าชกไปที่ปลายคางคนขับ ในจุดที่พอดิบพอดี จะทำให้คนขับหลับได้ทันที ซึ่งผมได้เล็งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วหลังจากนั้นล่ะ รถแท็กซี่คงจะเสียหลัก ชนกับรถมอเตอร์ไซด์ที่มีจำนวนมากเต็มท้องถนนแน่นอน แต่พวกเราก็จะรอดพ้นจากอ้ายแท็กซี่นี้ได้ ส่วนคดีความเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้เอาตัวรอดให้ได้ก่อน
    แต่...เอ! ผมปิ้ง! อะไรออกแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่