การที่พุทธศาสนิกชนถวายเงินหรือสิ่งของให้แก่พระสงฆ์
ย่อมปรารถนาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางพุทธศาสนา
ซึ่งก็คือการถวายให้แก่วัดนั่นเอง
การที่มีสมุดบัญชีเป็นชื่อส่วนตัว
หรือการจดทะเบียนสังหาฯหรืออสังหาริมทรัพย์เป็นชื่อของพระรูปใดรูปหนึ่ง(ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าอาวาส)
นั้นเท่ากับกลายเป็นทรัพย์สินส่วนตัว
แม้จะบอกว่านำไปใช้ในกิจการพุทธศาสนาก็ตาม
หากพระสึกออกทรัพย์สินนั้นย่อมตกเป็นของท่านตามกฏหมาย
หรือหากมรณภาพไป ทรัพย์สินนั้นก็จะตกแก่ทายาท
ยิ่งการนำเงินที่เจตนาเพื่อถวายให้กับวัดไปใช้ซื้อแล้วจดทะเบียนเป็นชื่อตนเอง
ยิ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนาอันชัดแจ้งที่จะให้ทรัพย์สินนั้นเป็นของตนเอง
เป็นการยักยอกเงินวัดเพื่อประโยชน์ตน
ดังนั้นหากจะให้เป็นที่ชัดแจ้งเพื่อไม่เป็นการถกเถียงหรือเป็นข้อครหาในอนาคต
แนะนำว่าผู้ที่จะถวายเงินหรือทรัพย์สินใดให้เป็นการส่วนตัว
ควรจะทำเป็นหนังสือยืนยัน ลงรายมือชื่อพร้อมพยาน
เพื่อไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง เวลามีการสอบถาม
การถวายเงินหรือวัตถุแก่พระสงฆ์เพื่อใช้ในพุทธศาสนา
ย่อมปรารถนาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางพุทธศาสนา
ซึ่งก็คือการถวายให้แก่วัดนั่นเอง
การที่มีสมุดบัญชีเป็นชื่อส่วนตัว
หรือการจดทะเบียนสังหาฯหรืออสังหาริมทรัพย์เป็นชื่อของพระรูปใดรูปหนึ่ง(ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าอาวาส)
นั้นเท่ากับกลายเป็นทรัพย์สินส่วนตัว
แม้จะบอกว่านำไปใช้ในกิจการพุทธศาสนาก็ตาม
หากพระสึกออกทรัพย์สินนั้นย่อมตกเป็นของท่านตามกฏหมาย
หรือหากมรณภาพไป ทรัพย์สินนั้นก็จะตกแก่ทายาท
ยิ่งการนำเงินที่เจตนาเพื่อถวายให้กับวัดไปใช้ซื้อแล้วจดทะเบียนเป็นชื่อตนเอง
ยิ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนาอันชัดแจ้งที่จะให้ทรัพย์สินนั้นเป็นของตนเอง
เป็นการยักยอกเงินวัดเพื่อประโยชน์ตน
ดังนั้นหากจะให้เป็นที่ชัดแจ้งเพื่อไม่เป็นการถกเถียงหรือเป็นข้อครหาในอนาคต
แนะนำว่าผู้ที่จะถวายเงินหรือทรัพย์สินใดให้เป็นการส่วนตัว
ควรจะทำเป็นหนังสือยืนยัน ลงรายมือชื่อพร้อมพยาน
เพื่อไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง เวลามีการสอบถาม