"ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก" ตะลุยมาเลเชีย-สิงคโปร์ 15 วัน โดยไม่นั่งเครืองบิน
ตอนที 5 นราธิวาส
เราลงรถไฟที่สถานีตันหยงมัส คิวรถไปตัวเมืองนราธิวาสอยู่หลังสถานี มีเวลา 3 ชั่วโมง ไปเที่ยวตัวเมืองนราธิวาส ค่ารถไป-กลับ คนละ 100 บาท เราลงรถที่หน้าสนง.เทศบาลเมืองนราธิวาส ที่อยู่เยื้องกับศาลากลางหลังเก่า ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์
จ้างมอเตอร์ไซด์อารมณ์ดีพาเที่ยว ขี่ไปบรรยายไป ยกมือประกอบการบรรยายด้วย แต่ลุงซึ่งนั่งตรงกลางติดกับเขา ฟังไม่รู้เรื่อง
คำขวัญ "นราธิวาส ทักษิณราชตำหนัก ชนรักศาสนา นราทัศน์เพลินตา ปาโจตรึงใจ แหล่งใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน"
แต่เดิมเป็นหมู่บ้าน ชื่อ นารา แปลว่า หอคอย ต่อมา เป็นบางนรา รัชกาลที่ 6 พระราชทานนาม นราธิวาส แปลว่า ที่อยู่ของคนดี เป็นเมืองหนึ่งของอาณาจักรลังกาสุกะ ขึ้นอยู่กับเมืองสายบุรี ระแงะ ปัตตานี แยกเป็นจังหวัดในปี 2476
เราไปดูหมู่บ้านชาวประมงที่สะพานนราทัศน์ หาดนราทัศน์ที่มีตลาดนัด มีคนขายของมากกว่าคนซื้อของ มีถนนเลียบหาดเป็นรูปตัวยู จากสะพานนราทัศน์
ไปจนถึงสะพานที่อยู่ปลายสุด ของหมู่บ้านชาวประมง
แล้วไปศูนย์ราชการ ซึ่งมีพื้นที่กินบริเวณหลายพันไร่
เที่ยวเสร็จแล้ว มอเตอร์ไซด์ไปส่งเราที่ท่ารถไปสถานีปัตตานี (โคกโพธิ์) เราได้นั่งด้านหน้าติดกับคนขับ เขาบอกเราว่า คนขับมอเตอร์ไซด์ที่พาเราเที่ยวเป็นคนไม่เต็มบาท พูดไม่รู้เรื่อง ชอบพูดคนเดียว เขามีโรคลมชักเป็นโรคประจำตัว เขาจะเป็นวันพระ พอออกอาการภรรยาจะไม่ให้เขาออกบ้าน เราจึงถึงบางอ้อว่า ทำไมเขาจึงพูดไปตลอดทาง และเราฟังเขาพูดไม่รู้เรื่อง แต่เขาเป็นคนอารมณ์ดีมาก
เราลงรถหลังสถานีรถไฟ ที่เดิมที่เราขึ้นไป เดินลงไปในสถานีเช็คเวลา และขอตั๋วไปสุไหงโกลก รถเสียเวลา จนท.ยังไม่ให้ตั๋ว ลุงหาที่ชาร์จแบ็ต ส่วนป้าไปเดินขึ้นเนินไปหาซื้ออาหาร มีร้านอาหารอยู่ 2 ร้าน ตั้งเป็นเพิงขายอาหารอยู่ด้วยกัน ร้านหนึ่งขายอาหาร อีกร้านหนึ่งขายน้ำ ไม่มีกับข้าวให้เลือก มีก๋วยเตี๋ยว ไก่ย่าง และส้มตำ ป้าซื้อไก่ย่าง ข้าวสวย และส้มตำไทย กับน้ำพุทรา 1 ถุง
พอกลับไปที่สถานีเห็นลุงคุยอยู่กับสาวน้อย 2 คน ตอนแรกป้าคิดว่าพวกเธอรอรถไฟ แต่ไม่ใช่ พวกเธอเป็นนักเรียนที่เข้าไปเรียนที่โรงเรียนเอกชน ใกล้สถานีรถไฟ ตอนเย็นไม่รู้จะทำอะไร จึงออกไปนั่งเล่นที่สถานี
เรากินข้าวและรอรถไฟขบวนที่ 451 ซึ่งเสียเวลา 1.30 ชม. พอรถเข้าสถานีและเราขึ้นไปพบว่า คนแน่นจะไม่รู้ว่า จะเอาตัวเองไปวางไว้ที่ไหน โชคดี มีแม่ที่มีลูกเล็กๆ แบ่งที่ให้นั่ง พวกเธอจะลงสถานีถัดไป คือ สถานีนาประดู่ ต่อจากนาประดู่เป็นช้างไห้ ปรากฏว่า คนลงแค่คนเดียว แต่ไม่ใช่แม่ของลูก แม่ลูกสองลงที่สุไหงปาดี
สุดปลายทางที่สุไหงโกลก เป็นยามค่ำ หนุ่มหล่อ 2 คนแนะนำโรงแรมเอเชียให้เราไปพัก ตอนนั้นฝนเริ่มโปรยปราย ที่ปักษ์ใต้โดยเฉพาะจังหวัดยะลา นราธิวาส และปัตตานี สถานีใหญ่ทุกสถานีมีรั้วรอบขอบชิด มีทหารเพ่นพ่านทั้งในสถานีและนอกสถานี ที่สถานีรถไฟมีห้องพักทหารด้วย เดินไปตามถนนก็มีด่านทหาร โรงแรมเอเชียอยู่ใกล้กับที่ทหารตั้งด่าน ห้องนอนอยู่ในสภาพดี แต่ไม่มีแอร์ คืนละ 350 บาท โชคดีที่อากาศไม่ร้อนเพราะฝนตก จึงไม่เดือดร้อน
[CR][SR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยมาเลเซีย-สิงคโปร์ โดยไม่นั่งเครืองบิน ตอนที่ 5 นั่งรถไฟฟรี แวะเที่ยวนราธิวาส
ตอนที 5 นราธิวาส
เราลงรถไฟที่สถานีตันหยงมัส คิวรถไปตัวเมืองนราธิวาสอยู่หลังสถานี มีเวลา 3 ชั่วโมง ไปเที่ยวตัวเมืองนราธิวาส ค่ารถไป-กลับ คนละ 100 บาท เราลงรถที่หน้าสนง.เทศบาลเมืองนราธิวาส ที่อยู่เยื้องกับศาลากลางหลังเก่า ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์
จ้างมอเตอร์ไซด์อารมณ์ดีพาเที่ยว ขี่ไปบรรยายไป ยกมือประกอบการบรรยายด้วย แต่ลุงซึ่งนั่งตรงกลางติดกับเขา ฟังไม่รู้เรื่อง
คำขวัญ "นราธิวาส ทักษิณราชตำหนัก ชนรักศาสนา นราทัศน์เพลินตา ปาโจตรึงใจ แหล่งใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน"
แต่เดิมเป็นหมู่บ้าน ชื่อ นารา แปลว่า หอคอย ต่อมา เป็นบางนรา รัชกาลที่ 6 พระราชทานนาม นราธิวาส แปลว่า ที่อยู่ของคนดี เป็นเมืองหนึ่งของอาณาจักรลังกาสุกะ ขึ้นอยู่กับเมืองสายบุรี ระแงะ ปัตตานี แยกเป็นจังหวัดในปี 2476
เราไปดูหมู่บ้านชาวประมงที่สะพานนราทัศน์ หาดนราทัศน์ที่มีตลาดนัด มีคนขายของมากกว่าคนซื้อของ มีถนนเลียบหาดเป็นรูปตัวยู จากสะพานนราทัศน์
ไปจนถึงสะพานที่อยู่ปลายสุด ของหมู่บ้านชาวประมง
แล้วไปศูนย์ราชการ ซึ่งมีพื้นที่กินบริเวณหลายพันไร่
เที่ยวเสร็จแล้ว มอเตอร์ไซด์ไปส่งเราที่ท่ารถไปสถานีปัตตานี (โคกโพธิ์) เราได้นั่งด้านหน้าติดกับคนขับ เขาบอกเราว่า คนขับมอเตอร์ไซด์ที่พาเราเที่ยวเป็นคนไม่เต็มบาท พูดไม่รู้เรื่อง ชอบพูดคนเดียว เขามีโรคลมชักเป็นโรคประจำตัว เขาจะเป็นวันพระ พอออกอาการภรรยาจะไม่ให้เขาออกบ้าน เราจึงถึงบางอ้อว่า ทำไมเขาจึงพูดไปตลอดทาง และเราฟังเขาพูดไม่รู้เรื่อง แต่เขาเป็นคนอารมณ์ดีมาก
เราลงรถหลังสถานีรถไฟ ที่เดิมที่เราขึ้นไป เดินลงไปในสถานีเช็คเวลา และขอตั๋วไปสุไหงโกลก รถเสียเวลา จนท.ยังไม่ให้ตั๋ว ลุงหาที่ชาร์จแบ็ต ส่วนป้าไปเดินขึ้นเนินไปหาซื้ออาหาร มีร้านอาหารอยู่ 2 ร้าน ตั้งเป็นเพิงขายอาหารอยู่ด้วยกัน ร้านหนึ่งขายอาหาร อีกร้านหนึ่งขายน้ำ ไม่มีกับข้าวให้เลือก มีก๋วยเตี๋ยว ไก่ย่าง และส้มตำ ป้าซื้อไก่ย่าง ข้าวสวย และส้มตำไทย กับน้ำพุทรา 1 ถุง
พอกลับไปที่สถานีเห็นลุงคุยอยู่กับสาวน้อย 2 คน ตอนแรกป้าคิดว่าพวกเธอรอรถไฟ แต่ไม่ใช่ พวกเธอเป็นนักเรียนที่เข้าไปเรียนที่โรงเรียนเอกชน ใกล้สถานีรถไฟ ตอนเย็นไม่รู้จะทำอะไร จึงออกไปนั่งเล่นที่สถานี
เรากินข้าวและรอรถไฟขบวนที่ 451 ซึ่งเสียเวลา 1.30 ชม. พอรถเข้าสถานีและเราขึ้นไปพบว่า คนแน่นจะไม่รู้ว่า จะเอาตัวเองไปวางไว้ที่ไหน โชคดี มีแม่ที่มีลูกเล็กๆ แบ่งที่ให้นั่ง พวกเธอจะลงสถานีถัดไป คือ สถานีนาประดู่ ต่อจากนาประดู่เป็นช้างไห้ ปรากฏว่า คนลงแค่คนเดียว แต่ไม่ใช่แม่ของลูก แม่ลูกสองลงที่สุไหงปาดี
สุดปลายทางที่สุไหงโกลก เป็นยามค่ำ หนุ่มหล่อ 2 คนแนะนำโรงแรมเอเชียให้เราไปพัก ตอนนั้นฝนเริ่มโปรยปราย ที่ปักษ์ใต้โดยเฉพาะจังหวัดยะลา นราธิวาส และปัตตานี สถานีใหญ่ทุกสถานีมีรั้วรอบขอบชิด มีทหารเพ่นพ่านทั้งในสถานีและนอกสถานี ที่สถานีรถไฟมีห้องพักทหารด้วย เดินไปตามถนนก็มีด่านทหาร โรงแรมเอเชียอยู่ใกล้กับที่ทหารตั้งด่าน ห้องนอนอยู่ในสภาพดี แต่ไม่มีแอร์ คืนละ 350 บาท โชคดีที่อากาศไม่ร้อนเพราะฝนตก จึงไม่เดือดร้อน
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น