สวัสดีคับ อยากให้ทุกคนอ่านให้จบ ผมอยากจะมาพูดถึงทัศนคติของสังคมต่ออาชีพเกี่ยวกับแพทย์ ว่า เป็นอาชีพที่รายได้ดี มีความมั่นคง หางานได้ง่าย สามารถรักษาญาติพี่น้องได้ แต่ก้อจะมองต่อมาว่า เด็กคนนี้เก่ง เด็กคนนี้ขยัน หัวดี มีเทคนิคการเรียนยังไง
ประเด็นแรก คือ การที่เด็กเรียนเก่งเนี้ย มันวัดกันที่การสอบติดแพทย์ หรือการสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดัง หรือ วัดกันที่โล่ เกียรติบัตร หรือถ้วยรางวัล แค่นั้นหรอ เด็กที่เรียนเก่งๆมากมาย ผมยอมรับว่าเขาเก่งนะคับ แต่บางคนก้อแค่เก่งแต่เรื่องวิชาการ การที่เก่งทางวิชาการอย่างเดียวนั้น จะทำให้เราสามรถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขหรอคับ ผมเหนปัญหาหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกับคนเรียนเก่ง คือ ปัญหาการฆ่าตัวตายเพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาชีวิตได้ การยกย่องถือตัว ถือว่าตัวเองเก่ง ไม่สนใจใคร สุดท้ายก้อไม่มีเพื่อน ที่กล่าวมานี้หมายถึงบางคนนะคับ เราควรที่จะส่งเสริมให้เด็กทุกคนมีทักษะในการแก้ไขปัญหาชีวิตให้ได้ ดีกว่าส่งเสริมให้เด็กแก้ไขโจทย์ปัญหาในตำราแค่นั้น
ประเด็นที่สอง คือ ในสังคมมีการส่งเสริมให้นักเรียนที่เรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไปเรียนต่อวิชาชีพทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น ครู อาจารย์ พ่อแม่ ญาติ เพื่อน ต่างก้อมีทัศนคติที่คิดว่า การเรียนแพทย์นั้นดี มีกาาส่งเสริมในสื่อสังคมออนไลน์มากมาย เช่น เทคนิคการสอบติดหมอ เรียนยังไงถึงจะได้เข้าหมอ แท้จริงแล้ว เคยถามเด็กๆจากใจไหมว่า เขาอยากเป็นอะไร โดยที่ไม่มีแรงกดดันจากพ่อแม่หรือสังคมรอบข้าง สิ่งที่เด็กอยากจะเป็น สิ่งที่เด็กรักที่จะทำ เด็กหลายคน ถูกพ่อแม่บังคับให้เรียนแพทย์ พอเรียนไป ก้อไม่มีความสุขกับการเรียน เนื่องจากต้องเรียนหนังสือหนักมากเกินไป และเกิดปัญหาตามมามากมาย ผมเลยคิดว่า ประเทศไทย ต้องการแพทย์กี่คนกันแน่ แล้วคนที่สอบไม่ติดแพทย์ทำอย่างไรกัน การที่มีการส่งเสริมให้เด็กไปเป็นแพทย์หรือวิศวะอะไรก้อตามแต่กันเยอะๆ แล้วอาชีพอื่นหล่ะ?? สังคมก้อตีความไปไหมว่า คนขับแท็กซี่ คนขายกล้วยทอด คนปะยาง พนักงานต่างๆ หมอ ทหาร ฯลฯ เป็นพวกที่เรียนไม่เก่ง? ถ้าไม่มีอาชีพเหล่านี้ จะเกิดอะไรขึ้น หมอสามารถซ่อมรถได้ไหม? หมอสามารถรักษาประเทศให้สงบได้ไหม? หรือหมอสามารถทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้นได้อย่างไร? หมอก้อทำงานเหล่านี้ไม่ได้ใช่ไหม ถ้าพวกเด็กถูกปลูกฝังให้โตไปเปนหมอหมด แล้วใครจะทำหน้าที่เหล่านี้
ประเด็นที่สาม การที่เป็นหมอแล้ว สังคมเลยมองว่าเป็นคนเก่ง ควรได้รับการยกย่อง แต่การเปนคนเก่ง ไม่จำเป็นต้องเปนคนดีเสมอไป สังคมไทย ต้องการคนเก่งหรือคนดีกันแน่ ปัญหาข้อนี้ ยังไม่เห็นมีใครตอบได้ มีเพียงการแสดงออก ว่า ยกย่องคนเก่ง! ไม่ได้พูดถึงคนดีเลยแม้แต่น้อย แน่นอนคับว่า หมอที่เป็นคนเก่งและคนดีด้วยก้อมี แต่ก้อคงหาได้ยากในสังคมสมัยนี้ แล้วการที่เราได้เรียนหมอแล้วนั้น เรามีความสุขกันไหมนะ? ใบประกอบวิชาชีพแพทย์ มันสามารถแลกอะไรได้หลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ การได้รับการเคารพนับถือ แต่สิ่งที่แลกไม่ได้คือ ความสุข การที่ได้อยู่กับครอบครัว การพักผ่อน การที่เป็นแพทย์แล้วสนใจแต่ทำงานเพื่อหาเงินให้ได้มากๆ นั่นเป็นความสุขทางกาย แต่การที่หยุดทำงาน ไปหาพ่อแม่ ครอบครัว กินข้าว พูดคุย ใช้เวลาร่วมกัน นั้นเป็นความสุขทางใจที่ยั่งยืนมากกว่า
ประเด็นที่สี่ ประเด็นสุดท้าย ประเทศไทย เป็นประเทศทีกำลังพัฒนา แต่การพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย ย่ำอยู่กับที่ ทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้ เป็นพื้นฐานให้กับวงการแพทย์ ถ้าไม่มีนักวิทยาศาสตร์ แพทย์คงไม่มียารักษาโรค ไม่มีเครื่องมือในการรักษาคนไข้ ไม่มีแม้แต่ความรู้ในการรักษาคนไข้ เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ แต่ประเทศไทยกลับส่งเสริมให้เด็กเป็นแพทย์ และส่งเสริมให้เด็กเป็นนักวิทยาศาสตร์เป็นส่วนน้อย โดยกระทรวงศึกษา แต่ก้อไม่สามารถทำให้เด็กไทย เข้าเรียนเป็นคณะวิทยาศาสตร์ได้ เพราะถูกสังคมมองว่าเป็นอาชีพทีไม่มีอะไรจะกิน เงินเดือนน้อย ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีการสนับสนุนด้านเงินทุนในการศึกษามากนัก ทำให้เด็กไทย ตามกระแสสังคมว่า อย่าเข้าคณะนี้ ทั้งๆที่ เป็นคณะที่เป็นพื้นฐานของหลายๆอาชีพ วิศวะ ก้อใช้วิทยาศาสตร์ แพทย์ ก้อใช้วิทยาศาสตร์ บริษัทต่างๆก้อใช้วิทยาศาสตร์ การที่ประเทศไทยจะพัฒนาได้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหมอ แต่ขึ้นอยู่กับนักวิทยาศาสตร์ที่จะพัฒนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ก้าวทันต่างชาติให้ได้หรือไม่
สุดท้ายนี้ อยากให้สังคมไทย ลองมองทัศนะคติในอีกแง่มุมของการเป็นหมอที่พวกคุณอาจไม่เคยคิดมาก่อน แน่นอน สังคมต้องการหมอ เพราะหมอสามารถช่วยชีวิตคนหลายร้อยคนได้ แต่สังคมต้องการนักวิทยาศาสตร์มากมาย เพื่อการผลิตองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ สามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งประเทศได้ สังคมไทยควรปลูกฝังเด็กคนสิ่งที่เขารักในสิ่งที่เขาชอบ ไม่ได้ในสิ่งที่พ่อแม่ชอบหรืออยากให้เป็น เพราะชีวิตเป็นของเด็ก เด็กมีสิทธิที่จะตัดสินใจในการกำหนดอนาคตของตัวเอง ขอบคุณที่อ่านจนจบคับ
ทำไม เด็กหลายคน ต้องเลือกอาชีพ แพทย์
ประเด็นแรก คือ การที่เด็กเรียนเก่งเนี้ย มันวัดกันที่การสอบติดแพทย์ หรือการสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดัง หรือ วัดกันที่โล่ เกียรติบัตร หรือถ้วยรางวัล แค่นั้นหรอ เด็กที่เรียนเก่งๆมากมาย ผมยอมรับว่าเขาเก่งนะคับ แต่บางคนก้อแค่เก่งแต่เรื่องวิชาการ การที่เก่งทางวิชาการอย่างเดียวนั้น จะทำให้เราสามรถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขหรอคับ ผมเหนปัญหาหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกับคนเรียนเก่ง คือ ปัญหาการฆ่าตัวตายเพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาชีวิตได้ การยกย่องถือตัว ถือว่าตัวเองเก่ง ไม่สนใจใคร สุดท้ายก้อไม่มีเพื่อน ที่กล่าวมานี้หมายถึงบางคนนะคับ เราควรที่จะส่งเสริมให้เด็กทุกคนมีทักษะในการแก้ไขปัญหาชีวิตให้ได้ ดีกว่าส่งเสริมให้เด็กแก้ไขโจทย์ปัญหาในตำราแค่นั้น
ประเด็นที่สอง คือ ในสังคมมีการส่งเสริมให้นักเรียนที่เรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไปเรียนต่อวิชาชีพทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น ครู อาจารย์ พ่อแม่ ญาติ เพื่อน ต่างก้อมีทัศนคติที่คิดว่า การเรียนแพทย์นั้นดี มีกาาส่งเสริมในสื่อสังคมออนไลน์มากมาย เช่น เทคนิคการสอบติดหมอ เรียนยังไงถึงจะได้เข้าหมอ แท้จริงแล้ว เคยถามเด็กๆจากใจไหมว่า เขาอยากเป็นอะไร โดยที่ไม่มีแรงกดดันจากพ่อแม่หรือสังคมรอบข้าง สิ่งที่เด็กอยากจะเป็น สิ่งที่เด็กรักที่จะทำ เด็กหลายคน ถูกพ่อแม่บังคับให้เรียนแพทย์ พอเรียนไป ก้อไม่มีความสุขกับการเรียน เนื่องจากต้องเรียนหนังสือหนักมากเกินไป และเกิดปัญหาตามมามากมาย ผมเลยคิดว่า ประเทศไทย ต้องการแพทย์กี่คนกันแน่ แล้วคนที่สอบไม่ติดแพทย์ทำอย่างไรกัน การที่มีการส่งเสริมให้เด็กไปเป็นแพทย์หรือวิศวะอะไรก้อตามแต่กันเยอะๆ แล้วอาชีพอื่นหล่ะ?? สังคมก้อตีความไปไหมว่า คนขับแท็กซี่ คนขายกล้วยทอด คนปะยาง พนักงานต่างๆ หมอ ทหาร ฯลฯ เป็นพวกที่เรียนไม่เก่ง? ถ้าไม่มีอาชีพเหล่านี้ จะเกิดอะไรขึ้น หมอสามารถซ่อมรถได้ไหม? หมอสามารถรักษาประเทศให้สงบได้ไหม? หรือหมอสามารถทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้นได้อย่างไร? หมอก้อทำงานเหล่านี้ไม่ได้ใช่ไหม ถ้าพวกเด็กถูกปลูกฝังให้โตไปเปนหมอหมด แล้วใครจะทำหน้าที่เหล่านี้
ประเด็นที่สาม การที่เป็นหมอแล้ว สังคมเลยมองว่าเป็นคนเก่ง ควรได้รับการยกย่อง แต่การเปนคนเก่ง ไม่จำเป็นต้องเปนคนดีเสมอไป สังคมไทย ต้องการคนเก่งหรือคนดีกันแน่ ปัญหาข้อนี้ ยังไม่เห็นมีใครตอบได้ มีเพียงการแสดงออก ว่า ยกย่องคนเก่ง! ไม่ได้พูดถึงคนดีเลยแม้แต่น้อย แน่นอนคับว่า หมอที่เป็นคนเก่งและคนดีด้วยก้อมี แต่ก้อคงหาได้ยากในสังคมสมัยนี้ แล้วการที่เราได้เรียนหมอแล้วนั้น เรามีความสุขกันไหมนะ? ใบประกอบวิชาชีพแพทย์ มันสามารถแลกอะไรได้หลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ การได้รับการเคารพนับถือ แต่สิ่งที่แลกไม่ได้คือ ความสุข การที่ได้อยู่กับครอบครัว การพักผ่อน การที่เป็นแพทย์แล้วสนใจแต่ทำงานเพื่อหาเงินให้ได้มากๆ นั่นเป็นความสุขทางกาย แต่การที่หยุดทำงาน ไปหาพ่อแม่ ครอบครัว กินข้าว พูดคุย ใช้เวลาร่วมกัน นั้นเป็นความสุขทางใจที่ยั่งยืนมากกว่า
ประเด็นที่สี่ ประเด็นสุดท้าย ประเทศไทย เป็นประเทศทีกำลังพัฒนา แต่การพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย ย่ำอยู่กับที่ ทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้ เป็นพื้นฐานให้กับวงการแพทย์ ถ้าไม่มีนักวิทยาศาสตร์ แพทย์คงไม่มียารักษาโรค ไม่มีเครื่องมือในการรักษาคนไข้ ไม่มีแม้แต่ความรู้ในการรักษาคนไข้ เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ แต่ประเทศไทยกลับส่งเสริมให้เด็กเป็นแพทย์ และส่งเสริมให้เด็กเป็นนักวิทยาศาสตร์เป็นส่วนน้อย โดยกระทรวงศึกษา แต่ก้อไม่สามารถทำให้เด็กไทย เข้าเรียนเป็นคณะวิทยาศาสตร์ได้ เพราะถูกสังคมมองว่าเป็นอาชีพทีไม่มีอะไรจะกิน เงินเดือนน้อย ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีการสนับสนุนด้านเงินทุนในการศึกษามากนัก ทำให้เด็กไทย ตามกระแสสังคมว่า อย่าเข้าคณะนี้ ทั้งๆที่ เป็นคณะที่เป็นพื้นฐานของหลายๆอาชีพ วิศวะ ก้อใช้วิทยาศาสตร์ แพทย์ ก้อใช้วิทยาศาสตร์ บริษัทต่างๆก้อใช้วิทยาศาสตร์ การที่ประเทศไทยจะพัฒนาได้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหมอ แต่ขึ้นอยู่กับนักวิทยาศาสตร์ที่จะพัฒนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ก้าวทันต่างชาติให้ได้หรือไม่
สุดท้ายนี้ อยากให้สังคมไทย ลองมองทัศนะคติในอีกแง่มุมของการเป็นหมอที่พวกคุณอาจไม่เคยคิดมาก่อน แน่นอน สังคมต้องการหมอ เพราะหมอสามารถช่วยชีวิตคนหลายร้อยคนได้ แต่สังคมต้องการนักวิทยาศาสตร์มากมาย เพื่อการผลิตองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ สามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งประเทศได้ สังคมไทยควรปลูกฝังเด็กคนสิ่งที่เขารักในสิ่งที่เขาชอบ ไม่ได้ในสิ่งที่พ่อแม่ชอบหรืออยากให้เป็น เพราะชีวิตเป็นของเด็ก เด็กมีสิทธิที่จะตัดสินใจในการกำหนดอนาคตของตัวเอง ขอบคุณที่อ่านจนจบคับ