(
แชร์บทความดีๆ ค่ะ..อยากมีลูกน้องๆดี ไม่ต้องไปเสริมดวงบริวารที่ไหน เริ่มได้ที่ตัวเรานี่แหละ ^^)
เป็นเจ้าของธุรกิจแต่มักต้องปวดหัวกับลูกน้องเสมอ บางทีอาจไม่ใช่เพราะคุณมีหรือไม่มี “ดวงบริวาร”
ไม่เชื่อลองดูเทคนิคดีๆบริหารลูกน้องให้ฮึดสู้ ได้ทั้งใจ ได้ทั้งธุรกิจ ในแบบเจ้าพ่ออิชิตัน..
หลายคนคงรู้จักคุณตัน ในบทบาทซีอีโอเจ้าของอิชิตัน แต่อีกหนึ่งธุรกิจทำเงินของคุณตัน ยังมีอาณาจักรสตูดิโอเวดดิ้งสุดหรูในย่านทองหล่อ
ธุรกิจนี้คุณตันเริ่มบุกเบิกมาตั้งแต่เมื่อกว่า 15 ปีก่อน แต่ทุกวันนี้ แทบไม่ต้องไปลงมือเองให้วุ่นวาย เพราะมี“หุ้นส่วนเก่งๆ”ที่ยังช่วยดูแลธุรกิจให้
เทคนิคของคุณตัน คือ การใช้ระบบ “หุ้นส่วน” ไว้ผูกใจคนเก่งๆ เหมือนการใช้ชีวิตคู่ที่อยู่กันยืนยาว
เพราะเข้าใจหัวอกคนทำงานดีว่า ไม่มีใครที่อยากเป็นลูกจ้างตลอดชีวิต
ในช่วงที่เริ่มทำธุรกิจเวดดิ้งสตูดิโอ คุณตันจึงนำระบบหุ้นส่วนมาใช้ในการบริหารธุรกิจ
พนักงานทุกคนได้ส่วนแบ่งเสมือนผู้ถือหุ้น ตั้งแต่ผู้จัดการยันแม่บ้านในบริษัท โดยมีการปิดบัญชีแบ่งกำไรกันทุกเดือน
ในหนังสือ “วิถี (ไม่)ตัน “ คุณตันเปรียบเทียบวิธีคิดแบบนี้ว่าเหมือน
“ทฤษฎีฝึกปลาโลมา”
ถ้าใครดูโชว์ปลาโลมา ทุกครั้งที่ปลากระโดต้องให้รางวัล
หลักการจัดสรรผลประโยชน์ให้กับพนักงานก็เช่นกัน ยิ่งจัดสรรผลประโยชน์เร็ว ยิ่งเพิ่มแรงจูงใจ
ความรู้สึกมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ หรือ Ownership จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนธุรกิจ
ร่วมกันทำ ร่วมกันแบ่ง เมื่อลำบากด้วยกันก็สบายด้วยกัน
เห็นผลลัพธ์กันจะๆทุกสิ้นเดือน ไม่ต้องรอสิ้นปี
ลูกน้องเลยมีแรงฮึดสู้
จนในที่สุดสามารถคืนทุนอย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ไม่ถึงปี และยังแตกตัวขยายกิจการไปอย่างรวดเร็ว
ผ่านการ “ร่วมทุน” กับพนักงานเก่งๆ ให้ออกไปโตเป็นเถ้าแก่
เรื่องหนึ่งที่คุณตัน มักให้สัมภาษณ์บ่อยๆ คือ
ทำธุรกิจอย่ายึดติดกับความเป็นเจ้าของอย่าคิดว่าต้องเป็นของเราคนเดียว 100%
จะถือหุ้นมากหรือน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่หุ้นของเรามีมูลค่าเท่าไหร่
ถ้าเรารู้จักแบ่ง เราจะได้โอกาสวันหน้าอีกมากมาย
อ่านมาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า
“เงิน” หรือ ผลตอบแทน คือ สิ่งสำคัญที่สุดที่ซื้อใจพนักงานได้
เพราะคุณตันย้ำว่า สิ่งที่เหนือกว่าเงิน ก็คือ คำชม กำลังใจ การให้โอกาส ความท้าทาย ความรู้สึกดีๆที่มีกันระหว่างเจ้าของกับธุรกิจกับลูกน้องนี่แหละ
“ เหนืออื่นใด หัวใจต้องมาก่อน ตามมาด้วยศรัทธา ถ้าใช้เงินซื้อคน หลอมคนในองค์กรด้วยเงิน เงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ”
นั่นคือการทำธุรกิจที่ผูกคนไว้ด้วยใจจนกลายเป็นหุ้นส่วนความสำเร็จคนสำคัญ
ทุกวันนี้ คุณตันยังทำงานทุกวันเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือรายได้ธุรกิจในมือ โดยไม่ต้องปวดหัวคอยล้วงลูกแต่ละธุรกิจให้วุ่นวาย
ถ้าอยากได้ “ผล” ก็ต้องทำ “เหตุ”ให้ดี..
ถ้าอยากได้ “ความสำเร็จ”ก็ต้องให้ “ใจ”และ โอกาสเติบโตไปด้วยกันทั้งองค์กร
--------------------------------
ขอบคุณภาพประกอบ & บทความจากเพจ smeknowledge
https://www.facebook.com/smeknowledge-1669737919966944/?fref=ts
ปั้นลูกน้องให้ได้ดั่งใจ..แบบตัน ภาสกรนที
เป็นเจ้าของธุรกิจแต่มักต้องปวดหัวกับลูกน้องเสมอ บางทีอาจไม่ใช่เพราะคุณมีหรือไม่มี “ดวงบริวาร”
ไม่เชื่อลองดูเทคนิคดีๆบริหารลูกน้องให้ฮึดสู้ ได้ทั้งใจ ได้ทั้งธุรกิจ ในแบบเจ้าพ่ออิชิตัน..
หลายคนคงรู้จักคุณตัน ในบทบาทซีอีโอเจ้าของอิชิตัน แต่อีกหนึ่งธุรกิจทำเงินของคุณตัน ยังมีอาณาจักรสตูดิโอเวดดิ้งสุดหรูในย่านทองหล่อ
ธุรกิจนี้คุณตันเริ่มบุกเบิกมาตั้งแต่เมื่อกว่า 15 ปีก่อน แต่ทุกวันนี้ แทบไม่ต้องไปลงมือเองให้วุ่นวาย เพราะมี“หุ้นส่วนเก่งๆ”ที่ยังช่วยดูแลธุรกิจให้
เทคนิคของคุณตัน คือ การใช้ระบบ “หุ้นส่วน” ไว้ผูกใจคนเก่งๆ เหมือนการใช้ชีวิตคู่ที่อยู่กันยืนยาว
เพราะเข้าใจหัวอกคนทำงานดีว่า ไม่มีใครที่อยากเป็นลูกจ้างตลอดชีวิต
ในช่วงที่เริ่มทำธุรกิจเวดดิ้งสตูดิโอ คุณตันจึงนำระบบหุ้นส่วนมาใช้ในการบริหารธุรกิจ
พนักงานทุกคนได้ส่วนแบ่งเสมือนผู้ถือหุ้น ตั้งแต่ผู้จัดการยันแม่บ้านในบริษัท โดยมีการปิดบัญชีแบ่งกำไรกันทุกเดือน
ในหนังสือ “วิถี (ไม่)ตัน “ คุณตันเปรียบเทียบวิธีคิดแบบนี้ว่าเหมือน“ทฤษฎีฝึกปลาโลมา”
ถ้าใครดูโชว์ปลาโลมา ทุกครั้งที่ปลากระโดต้องให้รางวัล
หลักการจัดสรรผลประโยชน์ให้กับพนักงานก็เช่นกัน ยิ่งจัดสรรผลประโยชน์เร็ว ยิ่งเพิ่มแรงจูงใจ
ความรู้สึกมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ หรือ Ownership จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนธุรกิจ
ร่วมกันทำ ร่วมกันแบ่ง เมื่อลำบากด้วยกันก็สบายด้วยกัน
เห็นผลลัพธ์กันจะๆทุกสิ้นเดือน ไม่ต้องรอสิ้นปี
ลูกน้องเลยมีแรงฮึดสู้ จนในที่สุดสามารถคืนทุนอย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ไม่ถึงปี และยังแตกตัวขยายกิจการไปอย่างรวดเร็ว
ผ่านการ “ร่วมทุน” กับพนักงานเก่งๆ ให้ออกไปโตเป็นเถ้าแก่
เรื่องหนึ่งที่คุณตัน มักให้สัมภาษณ์บ่อยๆ คือ ทำธุรกิจอย่ายึดติดกับความเป็นเจ้าของอย่าคิดว่าต้องเป็นของเราคนเดียว 100%
จะถือหุ้นมากหรือน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่หุ้นของเรามีมูลค่าเท่าไหร่
ถ้าเรารู้จักแบ่ง เราจะได้โอกาสวันหน้าอีกมากมาย
อ่านมาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า “เงิน” หรือ ผลตอบแทน คือ สิ่งสำคัญที่สุดที่ซื้อใจพนักงานได้
เพราะคุณตันย้ำว่า สิ่งที่เหนือกว่าเงิน ก็คือ คำชม กำลังใจ การให้โอกาส ความท้าทาย ความรู้สึกดีๆที่มีกันระหว่างเจ้าของกับธุรกิจกับลูกน้องนี่แหละ
“ เหนืออื่นใด หัวใจต้องมาก่อน ตามมาด้วยศรัทธา ถ้าใช้เงินซื้อคน หลอมคนในองค์กรด้วยเงิน เงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ”
นั่นคือการทำธุรกิจที่ผูกคนไว้ด้วยใจจนกลายเป็นหุ้นส่วนความสำเร็จคนสำคัญ
ทุกวันนี้ คุณตันยังทำงานทุกวันเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือรายได้ธุรกิจในมือ โดยไม่ต้องปวดหัวคอยล้วงลูกแต่ละธุรกิจให้วุ่นวาย
ถ้าอยากได้ “ผล” ก็ต้องทำ “เหตุ”ให้ดี..
ถ้าอยากได้ “ความสำเร็จ”ก็ต้องให้ “ใจ”และ โอกาสเติบโตไปด้วยกันทั้งองค์กร
--------------------------------
ขอบคุณภาพประกอบ & บทความจากเพจ smeknowledge
https://www.facebook.com/smeknowledge-1669737919966944/?fref=ts