วิธีตามล่าหาอพาร์ทเม้นท์ในเซี่ยงไฮ้

จขกทอยู่เซี่ยงไฮ้มา 2 ปี อีกไม่นานก็จะกลับไทยแล้ว ได้ผจญภัยอะไรหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการหาบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดประสบการณ์ที่สำคัญที่โหด มัน ฮา สำหรับ จขกทในเซี่ยงไฮ้

ที่หาเอง และช่วยคนอื่นหาแบบจริงจัง ก็หามา 4 รอบแล้ว และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนๆอีก

เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์เอาไว้ สำหรับเป็นข้อมูลให้รุ่นน้องคนไทยที่จะมาผจญภัยในเมืองจีน (เฉพาะเซี่ยงไฮ้นะคะ เมืองอื่นไม่รู้ แต่คิดว่าน่าจะคล้ายๆกัน)

จขกท ตั้งใจจะไปเรียนภาษาจีนที่เมืองจีนซักปีนึง

แต่หลายๆคนรอบตัวที่เคยไปเรียนภาษาที่เมืองจีน ดูจะไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นัก ทั้งเรื่องวัฒนธรรมที่แตกต่าง สภาพอากาศ และอื่นๆ อีกมากกกกกกก....มายย

จขกทกลัวตัวเองอยู่ไม่ไหว จึงตัดสินใจเลือกเซี่ยงไฮ้ เพราะเป็นเมืองที่เจริญสุด โอกาสรอดน่าจะสูงที่สุด  

หาโรงเรียนก็เลือกโรงเรียนที่อยู่ใจกลางเมืองเป๊ะๆ แถมลงเรียนเอาไว้ก่อนแค่เทอมเดียว ประมาณว่ายังไง ต้องอยู่รอดแน่นอน .......ถ้าไม่รอดอย่างน้อยก็เทอมเดียวเดี๋ยวค่อยว่ากัน 555

แต่ปัญหาก็คือโรงเรียนที่ว่า เขาไม่มีหอพักให้ ก็เลยต้องไปหาเอาเองข้างหน้า เพื่อนก็ว่าได้ เอเย่นต์ว่าโอเค ก็เลยเอาตามนี้แหละ

ไปถึงวันแรก เครื่องลง เอากระเป๋าไปเก็บบ้านเพื่อน เสร็จก็ตะลุยดูบ้านเลย ช่วงแรกที่หาบ้าน รู้สึกเอ๋อมาก ภาษาจีนอะไรก็ยังพูดไม่ค่อยได้ เป็นช่วงที่ยากที่สุด มาหาบ้านรอบ 2 ค่อยยังชั่วหน่อย

รอบต่อๆมาก็พัฒนาทักษะในการล่าอพาร์ทเม้นท์มากขึ้น และขอสรุปมาให้ดังนี้ค่ะ




1)เช่าบ้านที่เมืองจีนต้องผ่านนายหน้า เป็นกฎหมายของที่นี่เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆระหว่างฝางเค่อ(ผู้เช่า) กับฝางตง(ผู้ให้เช่า)

เวลาฝางตงอยากปล่อยเช่า เขาก็จะมาแจ้งบริษัทนายหน้า นายหน้าก็จะเอาเข้าระบบของเขา พอมีผู้เช่ามาบอกว่าอยากได้ห้อง อย่างนี้ๆ ราคาเท่านี้ๆ เขาก็จะดูในระบบของเขาว่ามีห้องไหนบ้างแล้วพาผู้เช่าไปดู บางทีผู้เช่าก็ฝากกุญแจไว้กับบริษัทนายหน้า ก็ไปดูได้เลย บางทีผู้เช่าเก็บกุญแจไว้เอง ก็ต้องนัดเวลาแล้วไปเจอกัน

หน้าที่หลักของนายหน้าจะต้องรักษาผลประโยชน์ให้กับฝางตงและฝางเค่อ มีอะไรจะคุยกับฝางตง นู่นนี่เสีย จะอยู่ต่อ จะกลับก่อน ก็คุยผ่านนายหน้าได้

แต่ปกติที่จขกท เจอคือพอเซ็นต์สัญญาเสร็จ มีอะไรก็ติดต่อฝางตงเองเลย ทวงค่าเช่า ฝางตงก็เป็นคนทวงเอง

แต่ก็มีเพื่อนจขกทบางคนที่ไม่เคยเจอหน้าฝางตงเลย มีอะไรก็คุยกับนายหน้าอย่างเดียว

ก็คงจะต้องแล้วแต่กรณีไป




2)วิธีการหานายหน้า จริงๆมีหลายเว็บของจีนที่ให้บริการอยู่ ที่เพื่อนๆจขกท แนะนำก็จะมี www.58.com (ภาษาจีน) www.airbnb.com และ www.smartshanghai.com (ภาษาอังกฤษ)

แต่วิธีที่จขกท คิดว่าเวิร์คสุดคือการเดินไปแถวๆตรงที่เราอยากได้บ้าน เห็นตึกไหนเราชอบก็ถาม รปภ.เลยว่าสนใจอยากเช่า แถวนี้มีบริษัทนายหน้าไหม ปกติเขาจะรู้ และชี้ทางไปให้เราได้ บางทีรู้ถึงขนาดว่ามีห้องไหนปล่อยเช่าอยู่ด้วยซ้ำ

อีกวิธีคือการเดินไปแถวๆที่เราอยากได้บ้าน แล้วถ้าเจอร้านที่เขาเขียนว่า จูฝาง 租房 (เช่าห้อง) ก็เข้าไปถามดูได้ ส่วนใหญ่ฝางตงก็จะมาติดต่อกับบริษัทนายหน้าที่อยู่ใกล้ๆบ้านน่ะแหละ




3) ห้องที่นี่แพงมากกกกกกก น่าจะเป็นเพราะอยู่ใจกลางเมืองด้วย ราคาเลยยิ่งพุ่งขึ้นไปอีก น่าจะแพงกว่าเมืองไทยสัก 4 เท่าได้ ถ้านอกเมืองหน่อยก็จะสัก 2-3 เท่า

อพาร์ทเม้นท์ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องนั่งเล่น ราคาจะอยู่ประมาณ 3,000 หยวนขึ้นไป

3,000+นี่ส่วนใหญ่จะได้ห้องเก่า ไม่มีลิฟต์ ต้องขึ้นบันได 5-6 ชั้นบ้าง
4,000-5,000+ ก็จะห้องดีขึ้นมาหน่อย มีลิฟต์บ้างไม่มีลิฟต์บ้าง (จขกท และเพื่อนๆส่วนใหญ่เลือกห้องราคาประมาณนี้)
ถ้าจะเอาห้องดีๆ สวยๆเลย แถวๆกลางเมือง เท่าที่จขกทเคยเห็น ก็ 7,000 แบบไม่ใกล้รถไฟฟ้า และ 10,000+ แบบใกล้รถไฟฟ้า

ส่วนตัวแล้ว จขกท ขอแนะนำว่าหากงบน้อย ให้หารูมเมทดีกว่า

ที่ จขกท เคยอยู่ ห้องนอนเดียว 4,500 สภาพห้องพออยู่ได้ (4,500 กลางเมือง ติดรถใต้ดิน แต่น่าจะ 3,000 ถ้าอยู่นอกเมือง)

และช่วงที่มีรูมเมท อยู่แบบ 2 ห้องนอน (แยกห้องนอนแต่ห้องอื่นๆใช้ร่วมกัน) ราคาตกเดือนละ 7,000 หารครึ่งก็ประมาณ 3,500 ราคาถูกกว่า และได้ห้องสภาพดีกว่า

แต่อย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับดวงช่วงที่หาบ้านด้วย ว่าจะได้เจอห้องแบบไหน

หากอยากได้รูมเมท แนะนำให้ลอง search ใน www.smartshanghai.com หรือ www.airbnb.com




4)ก่อนไปหานายหน้า ควรจะทำความคุ้นเคยกับสถานที่แถวนั้นก่อน

ลองเดินเล่นดูว่ามีร้านค้า มีป้ายรถเมล์ อะไรตรงไหนบ้าง แถวไหนที่เราโอเค แถวไหนที่เราไม่เอา

ช่วงแรกที่ จขกท หาบ้าน นายหน้าบอกมีห้องอยู่ตรงนี้ตรงนั้น ก็ไปดูหมด เหนื่อยมาก

แต่ตอนหลังๆเริ่มรู้เรื่องแล้ว นายหน้าเขาบอกที่อยู่มาปุ๊บ พิมพ์ search ใน baidu map มันก็เด้งขึ้นมาเลย ว่าไออพาร์ทเม้นท์นั้นอยู่ตรงไหน ชอบก็ไปดู ไม่ชอบก็ไม่ไป ผ่อนแรงไปได้เยอะ




5)ที่เซี่ยงไฮ้ พวกอพาร์ทเม้นท์มันจะอยู่ใน เสี่ยวชวี ภาษาอังกฤษคือ compound ภาษาไทยก็น่าจะคล้ายๆหมู่บ้านนี่ล่ะ แต่มันไม่ใช่หมู่บ้าน มันเป็นหมู่ตึก

แต่ละเสี่ยวชวีเขาจะมีรั้วรอบ มีรปภ. ประตูทางเข้าออก อะไรเป็นอย่างดี

(เวลาหาห้องแล้ว search ที่อยู่ใน baidu map หลายๆครั้ง จขกท ก็ขอมาแค่ชื่อเสี่ยวชวี ก็  search หาได้แล้ว)




6)เวลาไปดูบ้าน นอกจากโลเคชั่นและสภาพแวดล้อมรอบๆตึกแล้ว

ความสะอาดคือปัจจัยหลักเลย ปกติห้องนอนและห้องนั่งเล่นจะสภาพโอเค จุดตัดสินของจขกทจะอยู่ที่ห้องน้ำและห้องครัว เวลามันสกปรกนี่....อยากจะเป็นลม

เพื่อนจขกท เคยตั้งข้อสังเกตุไว้ว่า ปกติห้องไหนข้างในสวยๆ สะอาดๆ จะดูดีตั้งแต่บานประตูแล้ว

อีกปัจจัยที่สำคัญในการเลือกบ้านของจขกทคือการกั้นลม

บางตึกคุณภาพในการก่อสร้างไม่ดี หน้าต่างจะมีลมเข้า หน้าหนาวจะหนาวมากกกก

หากเลี่ยงไม่ได้อย่างน้อยก็ขอให้มีผ้าม่านหนาๆมาปิดช่วยกันลมไว้อีกที





7)ถ้าเจอห้องที่ชอบ จขกท แนะนำว่าให้รีบตัดสินใจ ห้องที่เซี่ยงไฮ้ที่ดีๆ มักจะมาเร็วไปเร็ว

ราคาอาจจะต่อได้นิดหน่อย บางทีบี้ราคากับฝางตงไม่ได้ ก็ไปบี้กับนายหน้าให้ลดค่านายหน้าให้ หึๆ
หากมีการเซ็นต์สัญญาเกิดขึ้น นายหน้าจะได้ค่านายหน้าจากฝางตง 35% และจากฝางเค่อ 35% ของค่าเช่า 1 เดือน

ปกติสัญญาเขาจะเซ็นต์กันปีนึง ฝางตงบางคนใจดี อาจจะยอมให้เซ็นต์ครึ่งปีได้

แต่เวลาหาบ้าน จขกท แนะนำให้อย่าเพิ่งบอกเขาว่าจะอยู่ต่ำกว่า 1 ปี ไม่อย่างนั้นบางคนเขาไม่อยากให้เราดูบ้านด้วยซ้ำ เจอที่ถูกใจจริงๆค่อยต่อรองดีกว่า (ได้ไม่ได้อีกเรื่องนึง)




8)ก่อนเซ็นต์สัญญา นอกจากต้องเช็คบ้านให้อุปกรณ์ทุกอย่างใช้ได้ อะไรต้องซ่อมหรืออยากได้อะไรที่เป็นพื้นฐานที่ห้องปกติควรจะมีเพิ่ม เช่นเก้าอี้ ไมโครเวฟ ฯลฯ ก็แจ้งนายหน้าได้เลย

ถ้าเป็นของที่ห้องปกติควรต้องมี ของจำเป็น นายหน้าก็จะแจ้งฝางตงให้จัดมาให้

แต่ถ้าเป็นของที่เพิ่มเติมขึ้นมา (จขกท เคยขอกระจกเต็มตัว) อันนี้ก็แล้วแต่ว่าฝางตงจะยอมหรือไม่

อินเตอร์เนตถือเป็นของเพิ่มเติมที่ฝางเค่อต้องจัดการเอง ปกติเรื่องนี้นายหน้าจะช่วยแนะนำได้ว่าต้องสมัครอะไรยังไง




9)สัญญาเช่าบ้านที่นี่ปกติจะเป็นสัญญามาตรฐานเป็นภาษาจีน หากบริษัทนายหน้าไหนอินเตอร์หน่อยก็จะมีแบบเป็นภาษาอังกฤษด้วย ลองสอบถามดูได้

แต่ของจขกท ไม่เคยได้เจอแบบมีภาษาอังกฤษ รอบแรกเลยส่งให้เพื่อนคนจีนช่วยดู

แต่รอบหลังจากนั้น ภาษาจีนเริ่มกระดิก ก็ให้นายหน้าช่วยพูดเป็นภาษาง่ายๆในฟัง

แต่เท่าที่ถามๆเพื่อนนักเรียนชาวต่างชาติหลายๆคนดู ส่วนใหญ่จะยอมเสี่ยงเซ็นต์ไปเลย ทั้งๆที่อ่านไม่ออก ก็ยังไม่มีใครเจอปัญหาอะไร คิดว่ากฎหมายที่นี่เขาน่าจะมีแบบแผนค่อนข้างแน่นอนแล้วในระดับหนึ่ง

แต่ จขกท คิดว่าอยากน้อยก็พยายามสังเกตุว่าสัญญาเป็นสัญญามาตรฐาน มีรูปเล่มพิมพ์เตรียมไว้อยู่แล้ว ไม่ใช่ปริ๊นท์เอาง่ายๆจากในคอมฯ ถ้าไม่มั่นใจ ลองให้คนอื่นช่วยดูให้ก่อนเซ็นต์ดีกว่า และอย่าลืมขอสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของฝางตงเอาไว้ด้วย




10)เงื่อนไขทั่วไปของสัญญา ก็ต้องวางเงินมัดจำ 1 เดือน ระบุระยะเวลาเช่า ระบุเฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์ที่มากับห้อง ระบุว่าต้องจ่ายเงินทุกๆกี่เดือน (ปกติจขกทจะเจอแบบ จ่ายทีละเดือนหรือจ่ายทีละสองเดือน)

เซ็นต์สัญญาแล้ว จ่ายเงินกันแล้ว รับกุญแจห้องแล้ว เขาจะไปเช็คมิเตอร์ไฟฟ้า น้ำประปา และแก๊ส ว่าตอนเราย้ายเข้ามันอยู่ที่เท่าไหร่ จะได้คำนวนค่าใช้จ่ายกับถูกว่าส่วนไหนเราต้องจ่าย เป็นส่วนที่เราใช้

ตอนเราย้ายออก เขาก็จะมาเช็คมิเตอร์อีกทีเหมือนกัน




11)ย้ายบ้านเข้าไปแล้ว อย่าลืมเปลี่ยนที่ล็อคประตู เพราะเราไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มีใครเคยถือกุญแจบ้านเราบ้าง เรื่องนี้สามารถปรึกษานายหน้าได้




12)การขนของเข้าบ้าน หรือย้ายบ้าน ถ้าเดินทางไม่ไกล ปกติจะมีซาเล้งขนของให้บริการอยู่ ลองถามรปภ.ของเสี่ยวชวีน่าจะแนะนำได้

แต่ปกติ จขกท ใช้บริการแท็กซี่ ก็สะดวกดีแต่จุของได้ไม่เยอะ

ตอนหลังเพื่อนเรียกรถ Uber มาให้ และเลือกรถที่เป็นคันใหญ่หน่อยก็จุของได้มากขึ้น (คิดว่าแอพ 弟弟打车 ก็น่าจะใช้ได้เหมือนกัน)

แต่ถ้าคนขับรถเขาดูตกใจกับปริมาณของก็แจ้งเขาว่าจะจ่ายเพิ่มเติมให้ ปกติก็จะไม่มีปัญหา




13)อีกเรื่องที่จขกท เจอบ่อยๆคือเรื่องไฟดับ โดยเฉพาะหน้าหนาว ที่ จขกท ต้องกระหนำ่เปิดฮีทเตอร์

ถ้าไฟดับให้วิ่งไปหา รปภ. เขาจะมีเบอร์ติดต่อช่างไฟให้มาซ่อมให้เราอยู่

และหากช่วงไหนอุณหภูมิติดลบ ให้สำรองน้ำประปาเอาไว้ที่บ้านบ้าง เมื่อเดือนก่อนที่อากาศหนาวมากๆ บางบ้านน้ำประปากลายเป็นน้ำแข็ง ไม่มีน้ำอาบกัน




14)เมื่อครบสัญญา หากเราจะอยู่ต่อนานกว่าสัญญาที่เซ็นต์เอาไว้ ปกติควรแจ้งนายหน้าล่วงหน้าก่อน 1 เดือน ฝางตงและนายหน้าจะเตรียมตัวหาคนมาเช่าห้องต่อ

หากเราอยู่ไม่ครบสัญญา ตามระเบียบเราก็ต้องเสียค่ามัดจำฟรีไป 1 เดือน

จขกท แนะนำให้แจ้งนายหน้าล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 2 เดือน ให้เขาได้มีเวลาหาผุ้เช่าใหม่ จะได้ไม่ขาดรายได้

แต่อย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของฝางตง ว่าจะคืนค่ามัดจำให้เราไหม (ถ้าบอกเขาเร็ว เผื่อเขาจะใจดี ยอมคืนค่ามัดจำ)

ถ้าฝางตงไม่คืน อีกวิธีที่จะทำให้ได้ค่ามัดจำคืนคือคุยกับฝางตงว่าถ้าเราหาคนมาเช่าต่อได้ ขอค่ามัดจำคืน (ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะโอเค) และเราก็ไปหามา

เพื่อน จขกท. แนะนำให้ใช้เวบ www.58.com หรือ www.smartshanghai.com ไปโพสต์หาคนมาเช่าต่อ เท่าที่ได้ยินก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จกัน

แต่ถ้าไม่อยากทำอะไรหรือเหมือนจขกท ที่ช่วงแรกทำอะไรไม่เป็น ก็ยอมให้เขายึดมัดจำไปนั่นแหละค่ะ




15)เท่าที่ทราบ เซี่ยงไฮ้ตรงใจกลางเมืองจะค่อนข้างปลอดภัย บางตึกดูน่ากลัวแต่ก็ไม่มีอะไร

แต่หากเป็นรอบนอกจะอันตรายมากขึ้น แนะนำให้ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อม และทางเดินกลับบ้านเป็นพิเศษในการเลือกบ้าน




16)สุดท้ายคือปกติจขกท ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในการตามล่าหา อพาร์ทเม้นท์ แต่ละครั้ง



****ข้อมูลทุกอย่าง มาจากประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น อาจมีผิดพลาดได้ และหากใครมีข้อมุลอะไรเพิ่มก็มาร่วมกันแชร์ได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่