ที่มาครับ
http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000015303
รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก.ทท. ร้องกองปราบ โดนอดีตอ.สวนสุนันทาฯเบี้ยวทุนร่วม 14 ล้านบาท
"MGR Online - "พล.ต.กิตติภพ"พร้อมอ.วิทยาลัยอาชีวะธนบุรี ร้องกองปราบถูก อดีตอาจารย์คณะวิทยาการ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เบี้ยวจ่ายค่าทุนเรียนด็อกเตอร์ที่สหรัฐฯ ร่วม 14 ล้านบาท ด้าน"พล.ต.กิตติภพ"เผยเมื่อปี 2557 ได้มีหนังสือจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว ฟ้องล้มละลายถึงผู้ค้ำประกัน 3 ราย ซึ่งรวมตนอยูด้วย ซึ่งตนและพวกขอไกล่เกลี่ยร่วมผ่อนใช้หนี้คนละร่วม ล้านกว่าบาท อีก 3 ปี คดีจะหมดอายุความ ซึ่งทราบตอนนี้ได้สัญชาติอเมริกาแล้วคงไม่กลับมาแน่ วอนติดตามกลับมาดำเนินคดี "
วันนี้ ( 11 ก.พ.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.กิตติภพ มนูญนิมิตร รอง เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมด้วย นางจันทิรา วิเศษณัฐ อาจารย์ วิทยาลัยอาชีวะธนบุรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วรพงษ์ ภคเวส พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อร้องทุกข์กรณีที่ต้องตกเป็นหนี้ กว่า 4 ล้านบาท กรณีค้ำประกันให้กับ นางภัทรพร บัวทอง อดีตอาจารย์คณะวิทยาการ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ที่คณะบริหารธุรกิจการจัดการ มหาวิทยาลัยแห่งเมืองซาราโซตา รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
พล.ต.กิตติภพ กล่าวว่า เมื่อปี 2539 ตน พร้อมด้วย นางจันทิรา และอาจารย์ภากิตติ์ ตรีสกุล อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ได้ค้ำประกันให้กับ นางภัทรพร ซึ่งรู้จักกันเนื่องจากเป็นเพื่อนบ้านของตน เพื่อไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมดอกเบี้ยและเงินเดือนระหว่างการศึกษาเป็นเงิน 14 ล้าน แต่หลังจากศึกษาสำเร็จแล้ว นางภัทรพร ก็ลาออกจากราชการ โดยทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัดได้อนุมัติให้นางภัทรพรลาออกได้ ต่อมาคือเมื่อปี 2547 ทางมหาวิทยาลัยดังกล่าวได้ฟ้องร้องผู้ค้ำประกันทั้ง 3 ราย ให้ชดใช้ค่าเสียหาย ทางพวกตนจึงได้ติดตามทวงถามกับนางภัทรพร กระทั่งเจ้าตัวได้ยินยอมชดใช้ทุนให้ทางมหาวิทยาลัย ประมาณ 6 ล้านบาท ยังเหลือหนี้อีก 8 ล้านบาท
พล.ต.กิตติภพ กล่าวต่อว่า จากนั้นเมื่อปี 2557 ก็มีหนังสือจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว ไปฟ้องต่อศาลล้มละลาย ให้ผู้ค้ำประกันทั้ง 3 รวมถึงนางภัทรพร เป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งตนยังรับราชการอยู่ จะปล่อยให้เป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้ จึงไปขอความเห็นใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะชดใช้คืนเฉพาะเงินต้น 4 ล้านกว่าบาทเท่านั้น เนื่องจากไม่มีเงินมากพอ ต่อมาก็ได้มีการตกลงกันระหว่างทางมหาวิทยาลัยแห่งนี้กับทางกรมบัญชีกลาง เพื่อให้เราชดใช้เงินคืนในส่วนที่เหลืออีกประมาณ 4 ล้านบาท แล้วให้ผู้ค้ำประกันทั้ง 3 หารเฉลี่ยกันไป ก็เป็นเงินประมาณคนละ 1.34 ล้านบาทเศษ ให้ผ่อนชำระเป็นเวลา 8 และ 12 ปี พอเรารับสภาพหนี้ดังกล่าว ทางมหาวิทยาลัยก็ถอนฟ้องพวกเรา ซึ่งเรารับสภาพนี้แล้ว แต่ตัวนางภัทรพร ปัจจุบันศาลตัดสินให้ล้มละลาย โดยคดีล้มละลายภายใน 3 ปี ก็จะพ้นอายุความ เขาก็สบายไม่ต้องเดือดร้อนอะไร เพราะใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอเมริกา แต่เราต้องเดือดร้อนด้วยภาระหนี้ที่ไม่ได้ก่อน
พล.ต.กิตติภพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยากให้ทางตำรวจดำเนินการในเรื่องนี้เพราะหากไม่เป็นคดีก็คงดำเนินการอะไรไม่ได้ ที่ผ่านมาตนเคยไปขอความเห็นใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่มีใครช่วยเหลือเรา แต่หากทาง บก.ป.ช่วยนำเรื่องนี้แจ้งต่อกระทรวงการต่างประเทศ หรือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อติดตามตัวนางภัทรพร กลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา หากสามารถประสานงานให้เขากลับมาก็จะจัดการเรื่องหนี้สินตรงนี้ได้ ที่สำคัญตนทราบมาว่านางภัทรพร ได้สัญชาติอเมริกัน แล้ว จึงอยากให้มีการตรวจสอบด้วยเพราะคนที่มีปัญหา มีประวัติอยู่ในเมืองไทย ไม่น่าจะได้รับการพิจาณณาให้ได้รับสัญชาติ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีกรณีดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก ไม่ได้มีเฉพาะของตน หรือกรณีทันตแพทย์หญิง ที่ตกเป็นข่าว โดยน่าจะมีอีกนับร้อยราย
ด้าน นางจันทิรา กล่าวว่า ตนกับนางภัทรพร เป็นเพื่อนรักกันมาก สนิทสนมกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อเห็นเพื่อนมีอนาคตที่เจริญรุ่งเรืองตนก็สนับสนุนเพื่อนเต็มที่ จึงช่วยค้ำประกันให้เพื่อน โดยตอนแรกเขาก็รับปาก ว่าจะกลับมาทำงานใช้ทุน แต่หากไม่ทำงานเพื่อใช้ทุนก็จะต้องชำระเงินคืนให้ ภายหลังเมื่อทางครอบครัวเขาที่ประเทศไทย เสียชีวิตกันไปหมด นางภัทรพร ก็ไปมีครอบครัวและตั้งตนชีวิตใหม่ที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐฯ โดยไม่ได้สนใจจะใช้ทุนในส่วนที่เหลือ ทำให้ตนต้องถูกฟ้องดำเนินคดี ทุกวันนี้ก็ต้องคอยโทรศัพท์ไปหา แรกๆ เขาก็รับสาย แต่ระยะหลังก็จะเริ่มไม่รับและขาดการติดต่อ ทำให้ตนรู้สึกเครียดมาก ไม่เป็นอันสอนหนังสือเพราะต้องเสียเวลาและทุนทรัพย์กับการสู้คดีนี้
ด้าน พ.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้ลงบันทึกประจำวันไว้ แต่เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นคดีความไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะประสานไปยังกรมบังคับคดี เพื่อติดตามเรื่องต่อไป
ปล. ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วทางหน่วยงานรัฐต้องแก้กฎเกี่ยวกับการลาออกจากราชการของผู้ที่ยังไม่ชดใช้ทุนการศึกษาคืนโดยห้ามลาออกจากราชการทุกกรณีจนกว่าจะชดใช้เงินทุนคืนรัฐทั้งหมดก่อนและระหว่างนั้นก็ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ระงับหนังสือเดินทางไว้และห้ามเดินทางออกจากราชอาณาจักรทุกกรณี
มีมาอีกแล้วครับเบี้ยวหนี้ทุนหลวงแล้วลาออกไปเสวยสุขที่อเมริกาฝากคนไทยที่นู่นด้วยครับ
http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000015303
รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก.ทท. ร้องกองปราบ โดนอดีตอ.สวนสุนันทาฯเบี้ยวทุนร่วม 14 ล้านบาท
"MGR Online - "พล.ต.กิตติภพ"พร้อมอ.วิทยาลัยอาชีวะธนบุรี ร้องกองปราบถูก อดีตอาจารย์คณะวิทยาการ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เบี้ยวจ่ายค่าทุนเรียนด็อกเตอร์ที่สหรัฐฯ ร่วม 14 ล้านบาท ด้าน"พล.ต.กิตติภพ"เผยเมื่อปี 2557 ได้มีหนังสือจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว ฟ้องล้มละลายถึงผู้ค้ำประกัน 3 ราย ซึ่งรวมตนอยูด้วย ซึ่งตนและพวกขอไกล่เกลี่ยร่วมผ่อนใช้หนี้คนละร่วม ล้านกว่าบาท อีก 3 ปี คดีจะหมดอายุความ ซึ่งทราบตอนนี้ได้สัญชาติอเมริกาแล้วคงไม่กลับมาแน่ วอนติดตามกลับมาดำเนินคดี "
วันนี้ ( 11 ก.พ.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.กิตติภพ มนูญนิมิตร รอง เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมด้วย นางจันทิรา วิเศษณัฐ อาจารย์ วิทยาลัยอาชีวะธนบุรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วรพงษ์ ภคเวส พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อร้องทุกข์กรณีที่ต้องตกเป็นหนี้ กว่า 4 ล้านบาท กรณีค้ำประกันให้กับ นางภัทรพร บัวทอง อดีตอาจารย์คณะวิทยาการ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ที่คณะบริหารธุรกิจการจัดการ มหาวิทยาลัยแห่งเมืองซาราโซตา รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
พล.ต.กิตติภพ กล่าวว่า เมื่อปี 2539 ตน พร้อมด้วย นางจันทิรา และอาจารย์ภากิตติ์ ตรีสกุล อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ได้ค้ำประกันให้กับ นางภัทรพร ซึ่งรู้จักกันเนื่องจากเป็นเพื่อนบ้านของตน เพื่อไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมดอกเบี้ยและเงินเดือนระหว่างการศึกษาเป็นเงิน 14 ล้าน แต่หลังจากศึกษาสำเร็จแล้ว นางภัทรพร ก็ลาออกจากราชการ โดยทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัดได้อนุมัติให้นางภัทรพรลาออกได้ ต่อมาคือเมื่อปี 2547 ทางมหาวิทยาลัยดังกล่าวได้ฟ้องร้องผู้ค้ำประกันทั้ง 3 ราย ให้ชดใช้ค่าเสียหาย ทางพวกตนจึงได้ติดตามทวงถามกับนางภัทรพร กระทั่งเจ้าตัวได้ยินยอมชดใช้ทุนให้ทางมหาวิทยาลัย ประมาณ 6 ล้านบาท ยังเหลือหนี้อีก 8 ล้านบาท
พล.ต.กิตติภพ กล่าวต่อว่า จากนั้นเมื่อปี 2557 ก็มีหนังสือจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว ไปฟ้องต่อศาลล้มละลาย ให้ผู้ค้ำประกันทั้ง 3 รวมถึงนางภัทรพร เป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งตนยังรับราชการอยู่ จะปล่อยให้เป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้ จึงไปขอความเห็นใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะชดใช้คืนเฉพาะเงินต้น 4 ล้านกว่าบาทเท่านั้น เนื่องจากไม่มีเงินมากพอ ต่อมาก็ได้มีการตกลงกันระหว่างทางมหาวิทยาลัยแห่งนี้กับทางกรมบัญชีกลาง เพื่อให้เราชดใช้เงินคืนในส่วนที่เหลืออีกประมาณ 4 ล้านบาท แล้วให้ผู้ค้ำประกันทั้ง 3 หารเฉลี่ยกันไป ก็เป็นเงินประมาณคนละ 1.34 ล้านบาทเศษ ให้ผ่อนชำระเป็นเวลา 8 และ 12 ปี พอเรารับสภาพหนี้ดังกล่าว ทางมหาวิทยาลัยก็ถอนฟ้องพวกเรา ซึ่งเรารับสภาพนี้แล้ว แต่ตัวนางภัทรพร ปัจจุบันศาลตัดสินให้ล้มละลาย โดยคดีล้มละลายภายใน 3 ปี ก็จะพ้นอายุความ เขาก็สบายไม่ต้องเดือดร้อนอะไร เพราะใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอเมริกา แต่เราต้องเดือดร้อนด้วยภาระหนี้ที่ไม่ได้ก่อน
พล.ต.กิตติภพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยากให้ทางตำรวจดำเนินการในเรื่องนี้เพราะหากไม่เป็นคดีก็คงดำเนินการอะไรไม่ได้ ที่ผ่านมาตนเคยไปขอความเห็นใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่มีใครช่วยเหลือเรา แต่หากทาง บก.ป.ช่วยนำเรื่องนี้แจ้งต่อกระทรวงการต่างประเทศ หรือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อติดตามตัวนางภัทรพร กลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา หากสามารถประสานงานให้เขากลับมาก็จะจัดการเรื่องหนี้สินตรงนี้ได้ ที่สำคัญตนทราบมาว่านางภัทรพร ได้สัญชาติอเมริกัน แล้ว จึงอยากให้มีการตรวจสอบด้วยเพราะคนที่มีปัญหา มีประวัติอยู่ในเมืองไทย ไม่น่าจะได้รับการพิจาณณาให้ได้รับสัญชาติ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีกรณีดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก ไม่ได้มีเฉพาะของตน หรือกรณีทันตแพทย์หญิง ที่ตกเป็นข่าว โดยน่าจะมีอีกนับร้อยราย
ด้าน นางจันทิรา กล่าวว่า ตนกับนางภัทรพร เป็นเพื่อนรักกันมาก สนิทสนมกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อเห็นเพื่อนมีอนาคตที่เจริญรุ่งเรืองตนก็สนับสนุนเพื่อนเต็มที่ จึงช่วยค้ำประกันให้เพื่อน โดยตอนแรกเขาก็รับปาก ว่าจะกลับมาทำงานใช้ทุน แต่หากไม่ทำงานเพื่อใช้ทุนก็จะต้องชำระเงินคืนให้ ภายหลังเมื่อทางครอบครัวเขาที่ประเทศไทย เสียชีวิตกันไปหมด นางภัทรพร ก็ไปมีครอบครัวและตั้งตนชีวิตใหม่ที่รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐฯ โดยไม่ได้สนใจจะใช้ทุนในส่วนที่เหลือ ทำให้ตนต้องถูกฟ้องดำเนินคดี ทุกวันนี้ก็ต้องคอยโทรศัพท์ไปหา แรกๆ เขาก็รับสาย แต่ระยะหลังก็จะเริ่มไม่รับและขาดการติดต่อ ทำให้ตนรู้สึกเครียดมาก ไม่เป็นอันสอนหนังสือเพราะต้องเสียเวลาและทุนทรัพย์กับการสู้คดีนี้
ด้าน พ.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้ลงบันทึกประจำวันไว้ แต่เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นคดีความไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะประสานไปยังกรมบังคับคดี เพื่อติดตามเรื่องต่อไป
ปล. ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วทางหน่วยงานรัฐต้องแก้กฎเกี่ยวกับการลาออกจากราชการของผู้ที่ยังไม่ชดใช้ทุนการศึกษาคืนโดยห้ามลาออกจากราชการทุกกรณีจนกว่าจะชดใช้เงินทุนคืนรัฐทั้งหมดก่อนและระหว่างนั้นก็ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ระงับหนังสือเดินทางไว้และห้ามเดินทางออกจากราชอาณาจักรทุกกรณี